ยอดหญิงอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 146.2 งานเลี้ยงนักการทูตจาง (2)

คิดไม่ถึงเลยว่าเขาเริ่มใช้ยางูรักษาพิษตั้งแต่ยังเด็ก อวิ๋นหว่านชิ่นเหม่อลอยเล็กน้อย คิดว่าตอนนี้เขาได้ข้ามผ่านความลำบากจนสบายแล้วในตอนนี้ ในวังมีคนจัดหายางูให้เขารักษาได้ในทุกเดือน ทว่าก่อนที่ทนมาจนเติบใหญ่ ตอนที่ต้องอยู่ในวัดเซียงกั๋ว ภายในวัดทุกคนเท่ากัน ไม่มีใครคอยช่วยเหลือเขา ทุกอย่างต้องทำเองด้วยสองมือ   

 

“อันที่จริงหลังจากที่อาตมาได้เห็นสองครั้ง ก็เดาออกได้โดยไม่ต้องถามคนอื่นว่าเด็กคนนั้นคือองค์ชายสามซื่อถิง ที่อาศัยอยู่ในวัดเซียงกัว” ไต้ซืออู้เต๋อถอนหายใจ “จนกระทั่งวันหนึ่ง เมื่ออาตมาเห็นว่าตอนที่เขากำลังขุดดิน มีบางอย่างผิดปกติ อาตมาก็ใช้ชี่กงช่วยเขากำหนดลมปราณ และได้หลีกเลี่ยงโรคครั้งหนึ่ง เป็นวาสนาระหว่างอาตมากับฉินอ๋อง ตั้งแต่นั้นมา อาตมาได้สอนกำลังภายในสำหรับทักษะควบคุมการหายใจให้กับฉินอ๋องตัวน้อย หากถูกพิษเล่นงานอย่างน้อยก็สามารถระงับได้บ้าง พิษนี้นั้นร้ายแรงเช่นกัน มันยับยั้งอารมณ์ความรู้สึกความปรารถนาของคน ทว่าคนเราหากมีชีวิตอยู่ จะไม่มีความรักโลภโกรธหลงได้อย่างไร เด็กคนนั้น ก่อนที่จะมาเจออาตมา ก็ไม่รู้ว่าต้องเอาชนะอารมณ์มาเท่าไรแล้ว อาตมาจินตนาการไม่ได้จริงๆ เด็กที่อายุไม่กี่ขวบคนหนึ่ง อยู่ในอายุที่ต้องยิ้มต้องร้องไห้ ทว่ากลับถูกพิษร้ายมาทำให้กลายเป็นดั่งคนไร้วิญญาณ”  

 

อวิ๋นหว่านชิ่นหัวใจเต้นรัว หลังจากฉินอ๋องเรียนกำลังภายในชี่กงกับไต้ซือจนเชี่ยวชาญแล้ว ถึงได้มีอาการดีขึ้นบ้าง อย่างน้อยเมื่อคราวที่เกิดคลื่นอารมณ์สามารถควบคุมตัวเองได้ เพื่อหลีกเลี่ยงอาการพิษกำเริบมากที่สุด……คิดย้อนกลับไปตอนที่ได้เข้าใกล้กับเขาสองสามครั้ง ไม่แปลกใจที่ในตอนแรกเขาจะหน้าแดงหูแดง เป็นสัญญาณของการเจ็บป่วย แล้วสีหน้าค่อยๆ กลับมาเป็นปกติ คงจะได้ชี่กงมาคุ้มกันร่างกายไว้  

 

ไต้ซืออู้เต๋อกล่าวขึ้นอีกว่า “อาตมาอยู่ในวัดเซียงกั๋วกว่าครึ่งปีจึงได้จากไป จะว่าไปแล้ว ก็ไม่มีโอกาสได้พบฉินอ๋องเพื่อนตัวน้อยอีกเลย เพียงแต่ได้ยินราชครูกู้เอ่ยถึงเขาเป็นครั้งคราว ได้ข่าวว่าช่วงนี้เขาได้ตำแหน่งใหม่ ไปทำงานมีเขตฉังชวนแล้วหรือ”  

 

อวิ๋นหว่านชิ่นดึงความคิดกลับมา “เจ้าค่ะ ร่างกายขององค์ชายสามในช่วงนี้ยังคงปกติดี แม้จะยังไม่ได้คิดค้นยาดีที่รักษาสาเหตุของการเกิดโรคก็ตาม” สีหน้าชะงักไปเล็กน้อย ก่อนที่ดวงตามีจะเปล่งประกาย “แต่ก็น่าจะอีกไม่นานนัก”  

 

“เพียงแต่น่าเสียดายตรงที่ว่าอาตมาสอนชี่กงกับฉินอ๋องเพื่อนตัวน้อยไปเพียงการควบคุมลมหายใจเท่านั้น ไม่มีผลต่อการรักษาอาการบาดเจ็บนี้” แววตาของไต้ซืออู้เต๋อเผยความเสียใจอยู่สามส่วน  

 

อวิ๋นหว่านชิ่นมองไปยังไต้ซือและกล่าวด้วยความจริงใจว่า “มันมีค่ามากพอแล้วเจ้าค่ะ หากไม่ใช่เพราะชี่กงที่ไต้ซือสอน โลกที่วุ่นวายและผู้คนที่มีจิตใจอำมหิต ฉินอ๋องจะรักษาตัวเองได้อย่างไรในหลายปีมานี้ ข้าว่าเขาคงจะทนไม่ไหวไปนานแล้ว”  

 

เมื่อไต้ซืออู้เต๋อได้ฟังคำกล่าวนี้ ภายในใจก็เข้าใจนัยยะของมันคร่าวๆ หลังจากที่ฉินอ๋องเพื่อนตัวน้อยออกจากวัดเซียงกั๋วไป ตั้งจวนอ๋อง ห่างไกลจากบัลลังก์พระโพธิสัตว์ โถมตัวเข้าสู่ทางโลกอีกครั้ง อีกทั้งยังเป็นราชสำนักที่วุ่นวายและยากจะคาดเดามากที่สุด ต่อให้หลายปีมานี้จะถ่อมตนเพียงใด ย่อมมีคนใกล้ตัวเข้ามาหาเรื่องอยู่แล้ว นึกถึงฮูหยินคนเมื่อครู่คนนั้นโดยไม่รู้ตัว สายตาพลันสงบนิ่ง “แม่นางชั้นสูงแห่งเมืองหลวงที่พาองครักษ์มาด้วยเป็นผู้ใดกัน”  

 

อวิ๋นหว่านชิ่นกล่าวอย่างไม่ปิดบัง “เป็นชายารองขององค์ชายห้า เว่ยอ๋อง บังเอิญว่าเป็นน้องสาวที่เกิดจากภรรยารองของพ่อข้า ไต้ซือกับองค์ชายสามเป็นเพื่อนต่างวัย อีกทั้งเป็นมิตรภาพระหว่างศิษย์และอาจารย์ ข้าก็ไม่อยากอ้อมค้อมกับไต้ซือแล้ว ภายในวังหลัง มีการต่อสู้กันระหว่างมเหสีรองเหวยและสนมเอกเฮ่อเหลียน และเว่ยอ๋องก็โจมตีองค์ชายสามมาตลอด ช่วงนี้องค์ชายสามก็ได้กุมอำนาจงานล่าสัตว์ประจำฤดูใบไม้ร่วงแต่งงานสร้างครอบครัว ได้รับตำแหน่งใหม่ ในสายตาของคนนอก ถูกมองว่าค่อยๆ ถูกราชสำนักใช้งาน กลัวเพียงแต่เป็นเช่นนี้ จะกลายเป็นหนามยอกอกในสายตาเว่ยอ๋องมากยิ่งขึ้น เว่ยอ๋องเปิดเหมืองแร่ส่วนตัว รับสินบนและบิดเบือนกฎหมาย ใส่ร้ายองค์ชายสามในงานเลี้ยงของวัง แม้แต่ชีวิตของไทเฮายังถูกมองว่าไร้ค่า เพียงแต่ชะตาเขาแข็งนัก รอดชีวิตมาได้ครั้งแล้วครั้งเล่า กลัวว่าจะทำให้ความหยิ่งยโสของเขาเพิ่มขึ้น กลัวว่าวันใดเขาจะมาเล่นงานฉินอ๋องหนักยิ่งขึ้น วันนี้เป็นวันที่ข้าต้องกลับบ้านแม่ บังเอิญเห็นว่าอนุของตระกูลกับชายารองเว่ยอ๋องนัดพบกัน จึงอดไม่ได้ที่จะมาดูสักหน่อย อยากจะสืบเรื่องราวของเว่ยอ๋องผ่านชายารองเว่ยอ๋อง”   

 

ไต้ซืออู้เต๋อลูบหนวด พูดจาอย่างผ่อนคลายขึ้นมาก “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง แต่ว่าการมาของชายารองคนนี้ เพียงเพื่อเรื่องเล็กๆ ของผู้หญิง เมียของเพื่อนตัวน้อยมาสืบไม่เจอเรื่องของเว่ยอ๋องหรอก”  

 

เมื่อได้ยินคำว่า ‘เมียของเพื่อนตัวน้อย’ อวิ๋นหว่านชิ่นก็เผลอยิ้มออกมาไม่หยุด ทว่ากลับดีกว่าเรียกตนว่าชายาเอกหรือเหนียงเหนียงเป็นไหนไหน สุดแท้แต่เถิด ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ย “เช่นนั้น ไต้ซือบอกข้าได้ไหมว่าใครกันที่ควบคุมลูกในครรภ์ของชายารองได้”  

 

หลังจากที่ไต้ซือรู้สถานะของอวิ๋นหว่านชิ่น เขาก็มีใจที่จะเปิดอกคุยกัน ครานี้เขาจะไม่พูดลอยๆ อีกต่อไป ตรงไปตรงมาขึ้นมาก “เซียมซีไม่ได้บอกชัดเจนว่าผู้ที่เป็นกาลกิณีคือใคร เพียงแต่……”   

 

“เพียงแต่อะไรหรือ”  

 

“บทกลอนที่ชายารองผู้นั้นจับได้ คำอธิบายโดยละเอียดของเซียมซีคือ มังกรแผ่นดินทะยาน อโณทัยจมลง นี่น่าจะบอกใบ้ว่าหากอโณทัยเป็นตัวแทนของทารกในครรภ์ มังกรแผ่นดินน่าจะเป็นผู้ที่ยับยั้งทารกในครรภ์ ในเมื่อเมียของเพื่อนตัวน้อยรู้จักชายารองเว่ยอ๋อง ก็น่าจะลองพิจารณาคนรอบข้างของนางว่าเป็นใคร” ไต้ซืออู้เต๋อเอ่ย  

 

มังกรแผ่นดิน? คำทำนายเซียมซีเหล่านี้……เข้าใจยากเกินไปแล้ว อวิ๋นหว่านชิ่นทดไว้ในใจก่อน  

 

ทั้งสองคนจิบชากันอยู่ครู่หนึ่ง อวิ๋นหว่านชิ่นได้ฟังไต้ซือเล่าตำนานที่ไม่มีใครรู้จากการที่เขาได้ธุดงค์ไปทั่วประเทศ พอได้ฟังก็รู้สึกตื่นเต้น จึงอยู่ต่ออีกสักหน่อย กระทั่งเวลาได้ไหลผ่านไปอย่างรวดเร็ว  

 

เณรน้อยที่เห็นว่าทั้งสองท่านคุยกันนานแล้ว จึงมีน้ำใจ ยกอาหารเจเข้ามาให้ วัดหวาอันตั้งอยู่ในชานเมือง อาหารเจในวันปกติต่างมาจากชาวสวนบริเวณใกล้เคียงนำมาถวาย ผักผลไม้สดใหม่ ชุ่มคอกว่าในเมืองเป็นร้อยเท่า อีกทั้งยังเป็นความตั้งใจ ในหนึ่งถาดมีหลากหลายรายการ อาหารเนื้อที่ทำมาจากผัก เต็มไปด้วยกลิ่นของเนื้อ ทว่ากลับไม่มีความเลี่ยนของเนื้อเลยแม้แต่น้อย  

 

เมื่อกินอาหารเจไปหนึ่งมื้อ ทั้งยังดื่มชาไปหลายถ้วย อวิ๋นหว่านชิ่นเห็นเวลาล่วงเลยมานานแล้ว จึงนำที่อยู่ของหมู่บ้านและหนังสือยืนยันตัวตนที่ชูซย่าเขียนไว้ มอบให้กับไต้ซืออู้เต๋อ แล้วจึงกล่าวลา  

 

ระหว่างทาง พระอาทิตย์เคลื่อนไปทางทิศตะวันตก คล้อยต่ำลงไป ขับให้นภาสูงธรณีกว้างใหญ่ ทัศนียภาพโออ่าสง่างามและเงียบสงบ  

 

ชูซย่า ฉิงเสวี่ยและเจินจูกำลังซุบซิบคุยกันสนุกสนานกันภายในรถ อวิ๋นหว่านชิ่นแหวกม่านออกไป มองไปยังชาวนาที่ยังคงเพาะปลูกแม้ยามตะวันรอน ในบริเวณระแวกวัดหวาอัน ทั้งยังคิดถึงเรื่องมังกรแผ่นดิน พึมพำออกมา ทว่าเมื่อได้ยินทั้งสามคนหยุดพูด เจินจูจึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงประหลาดใจเล็กน้อย “เหนียงเหนียงกำลังพูดถึงมังกรแผ่นดินหรือ”   

 

 อวิ๋นหว่านชิ่นหันขวับ เผยความดีใจโดยพลัน “เจ้ารู้หรือว่ามังกรแผ่นดินคือสิ่งใด”  

 

เจินจูยิ้มออกมา “มังกรแผ่นดินก็คือไส้เดือนอย่างไรเล่า บ้านเกิดของบ่าวทำอาชีพเกษตรกร จำได้ว่าตอนเด็กชาวนาต่างเรียกไส้เดือนกันเช่นนี้ อันที่จริงหลายๆ คนก็รู้ เหนียงเหนียงเกิดในตระกูลขุนนาง โตอยู่ในจวนใหญ่ ไม่ได้เจอเรื่องเหล่านี้ ไม่รู้ก็ไม่แปลก”  

 

ไส้เดือน? อวิ๋นหว่านชิ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ตะลึงเล็กน้อย ไส้เดือน? เป็นดวงเพชรฆาตของลูกในท้องอวิ๋นหว่านถง จะเป็นไปได้อย่างไร  

 

พื้นฐานของคำทำนายในใบเซียมซีมักชอบบอกใบ้ ไม่เคยบอกชัดเจน ไส้เดือนอาจจะบอกใบ้ถึงบุคคล คนผู้นี้น่าจะมีลักษณะพิเศษของไส้เดือนอยู่?  

 

ทว่าเป็นผู้ใดที่จะเกี่ยวข้องกับไส้เดือนที่โผล่มาจากพื้น  

 

ยิ่งคิดยิ่งมืดมน อวิ๋นหว่านชิ่นหายใจเข้าลึกๆ ชนบทมีกลิ่นดินหอมสดชื่น จึงเปิดม่านออกไป  

 

เมื่อถึงจวนฉินอ๋อง ขอบฟ้ามีส่วนของดาวโผล่พ้นออกมาแล้ว  

 

บ่าวที่กลับมาถึงก่อนหน้านี้ได้ทักทายเกาจ่างสื่อแล้ว ทว่ายังคงทำตามกฏในการต้อนรับเหนียงเหนียง เนื่องจากไม่ทราบว่าเหนียงเหนียงจะกลับมาเมื่อไร จึงนำบ่าวมารอที่ประตูทางเข้า และรอจนถึงตอนนี้ ทำตามหน้าที่อย่างซื่อสัตย์จนถึงที่สุด   

 

อวิ๋นหว่านชิ่นไม่เห็นคนของชุยอินหลัวอยู่ในกลุ่ม จึงรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย วันนี้เด็กคนนี้ไม่ตอแยเสียเท่าไร  

Comment

Options

not work with dark mode
Reset