ยอดหญิงอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 148.2 ชายเก้าสกุลเฟิ่ง กับ เร่งผลิตสินค้าส่งออก (2)

อวิ๋นหว่านชิ่นเห็นว่าคนต้าสือเหล่านี้ยอมพูดคุยโต้ตอบกับตนก็โล่งใจ  

 

 

ที่จริงแล้วเมื่อครู่นางก็รู้สึกหดหู่เล็กน้อยเช่นกัน เพราะภาษาตะวันตกที่รู้นั้นไม่มากนัก เพียงแต่เมื่อไม่เข้าใจคำศัพท์ในหนังสือเวชสำอางที่นำเข้าจากเมืองตะวันตก ก็ได้ไปซื้อพจนานุกรมที่ร้านหนังสือมาศึกษา และตอนที่อยู่บ้านแม่ตัวนั้น เพื่อนร่วมห้องของน้องชายที่ราชวิทยาลัยนั้นเป็นศิษย์ของหลี่ฝานย่วน ก็ได้ใช้โอกาสสะดวกนี้ สอบถามการออกเสียงของคำศัพท์มาบ้าง  

 

 

ต้องบอกว่า พรสวรรค์ทางภาษาของบางคนนั้นสูงมาแต่กำเนิด พูดแล้วเข้าใจทันที อวิ๋นหว่านชิ่นก็เป็นคนประเภทนี้  

 

 

ปณิธานไม่เกี่ยวข้องกับอายุมากน้อย ประโยคนี้ คำศัพท์ง่ายยิ่งนัก แต่ให้แปลและจัดเรียงคำ ณ ขณะนั้น กลับต้องใช้การคาดเดาพูดมั่วๆ ไป  

 

 

เวลานี้ ได้ยินภริยาทูตเอ่ยถามขึ้นเช่นนี้ อวิ๋นหว่านชิ่นกล่าวอย่างนิ่งสงบ “เรียนรู้เองเสียส่วนใหญ่ มีอาจารย์สอนให้แบบทางไกลเป็นส่วนน้อย” คนที่พูดถึงก็คือเหยากวงเย่า เพียงแต่ไม่สะดวกที่จะพูดชื่อแซ่ออกมาเท่านั้น  

 

 

สีหน้าของภริยาทูตยิ่งตกตะลึงไปใหญ่ “เรียนรู้เองทำได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ น่าประหลาดใจยิ่งนัก”  

 

 

อวิ๋นหว่านชิ่นจะบอกอย่างไรว่าเป็นวิชาความรู้ของสองชาติภพ เพียงแต่ในชาตินี้ปฏิบัติมากกว่า ประสบการณ์สั่งสมมามากกว่าเท่านั้น บวกกับมีร้านเซียงหยิงซิ่วคอยกระตุ้นตนอยู่ด้านหลัง ความรู้ที่สั่งสมมาไม่ได้หยุดพักลงเลย  

 

 

ขุนนางต้าสือด้านหลังภริยาทูตเดินออกมาสองสามก้าว เอนตัวเล็กน้อย รู้ว่าสาวน้อยตรงหน้าเป็นพระชายาองค์ชายแห่งต้าเซวียน จึงคำนับให้ ภาษาชาวฮั่นนั้นชัดเจนกว่าภริยาทูตมาก เสียงดังฟังชัด เป็นจังหวะจะโคน “ทูลพระชายาตามตรง ครั้งนี้ต้าสือส่งคณะทูตมาเมืองเย่ว์จิงแห่งต้าเซวียน นอกจากจะเปิดเส้นทางการค้ากับประเทศใหญ่อย่างจงหยวนแล้ว ก็อยากจะนำเข้าผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นของจงหยวนกลับไปด้วย เมื่อก่อนเครื่องสังคโลกและผ้าไหมของต้าเซวียนเป็นที่นิยมในต้าสืออย่างมาก เป็นสินค้าที่ขุนนางและชาวบ้านต่างแย่งกันซื้อ ทุกครั้งที่นำกลับไปก็จะไม่พอต่อความต้องการ ครั้งนี้ ท่านทูตและภริยาอยากจะหาผลิตภัณฑ์อื่นๆ ของจงหยวนไปบ้าง วันนั้นเห็นว่าแป้งและเครื่องหอมของไทเฮาไม่เหมือนกับของที่หญิงสาวต้าสือใช้กัน ภริยาท่านทูตต้องการจะนำเข้าจำนวนหนึ่ง ถูกใจสินค้าทำมือของพระชายาเข้าพอดี”  

 

 

อวิ๋นหว่านชิ่นนึกว่าเมื่อครู่พูดคุยกับภริยาท่านทูตนั้นเป็นบ่าวรับใช้ธรรมดา เวลานี้เมื่อพิจารณาคนตรงหน้านี้ เป็นชายหนุ่มอายุราวยี่สิบสามยี่สิบสี่ปี ขายาวเอวเล็ก ผมดำมัดผูกไว้ หน้าตาเหมือนดั่งแกะสลักออกมา ดวงตายกขึ้นเล็กน้อย คิ้วยาวถึงจอน นัยน์ตาสีเขียวเล็กน้อย เหมือนดั่งตะไคร่ในป่าลึก มีความอ่อนหวานและงดงามแบบร้ายๆ แต่เมื่อเทียบกับรูปลักษณ์ที่เป็นตะวันตกโดยแท้ของภริยาทูตแล้ว ใบหน้าก็มีความเป็นตะวันออกกว่าเล็กน้อย  

 

 

อาจจะเพราะเข้าเมืองตาหลิ่วหลิ่วตาตาม ชายหนุ่มสวมใส่ชุดสีขาวพระจันทร์เรียบๆ แบบของเมืองหลวง  

 

 

จูซุ่นเห็นสีหน้าอวิ๋นหว่านชิ่นมีความสงสัย จึงรีบแนะนำ “พระชายาฉินอ๋อง ท่านนี้คือขุนนางล่ามข้างกายทูตและภริยา พูดได้หลายภาษา มักจะท่องเที่ยวไปในประเทศต่างๆ ครั้งนี้มาต้าเซวียน ก็เพื่อติดตามท่านทูตและภริยาหารือเรื่องการค้ากับต้าเซวียน”  

 

 

ขุนนางทูตคนหนุ่มกล่าว “กระหม่อมถึงแม้จะเป็นประชาชนชาวต้าสือ แต่ท่านยายเป็นชาวฮั่นแห่งต้าเซวียน สกุลเฟิ่ง เมื่อท่องเที่ยวในเขตแดนฮั่นแล้ว กระหม่อมก็ใช้แซ่เฟิ่ง ลำดับในบ้านจัดอยู่อันดับที่เก้า”  

 

 

อวิ๋นหว่านชิ่นกล่าวอย่างเคารพ “ใต้เท้าเฟิ่ง เมื่อครู่ท่านพูดเรื่องจะนำเข้าแป้งและเครื่องหอมนั้น หากท่านทูตและฮูหยินเชื่อใจ หม่อมฉันจะลองดู ถึงเวลาหม่อมฉันจะนำตัวอย่างให้ฮูหยินดูก่อน ให้ท่านทูตและภริยาเลือก แล้วค่อยสั่งคนให้ไปทำเป็นจำนวนมาก”  

 

 

เฟิ่งจิ่วหลัง[1]ริมฝีปากอันบางยิ้มออกมา ในบรรดาชาวฮั่นแห่งจงหยวนนั้น ยากที่จะเห็นหญิงสาวที่เปิดกว้างเช่นนี้ หนังหน้าหนายิ่งนัก ไม่มีถ่อมตนถดถอย เอ่ยปากอยากจะรับเรื่องนี้ไว้เลย หากไม่รู้ว่านางเป็นพระชายา ยังนึกว่านางเป็นคนค้าขายคนหนึ่ง  

 

 

เขาไม่ได้ตอบกลับคำพูดของอวิ๋นหว่านชิ่น แต่กลับเปลี่ยนเรื่อง แล้วยิ้มอย่างเฉยชา “พระชายาอย่าตื่นตระหนกไป กระหม่อมยังพูดไม่จบ ถึงแม้ภริยาทูตมีความคิดเช่นนี้ แต่เมื่อพิจารณาอย่างละเอียดแล้ว ยังลังเลอยู่บ้าง ประวัติศาสตร์กรรมวิธีการทำเครื่องหอมของต้าเซวียน ไม่ได้ยาวนานเท่าแต่ละประเทศแถบตะวันตก คนในประเทศก็เหมือนว่าจะไม่ได้ให้ความสำคัญนัก แต่ด้านการผลิตเครื่องหอมของต้าสือนั้นแต่ละประเทศยกให้เป็นอันดับหนึ่ง เกรงว่าหากนำเข้าเครื่องหอมของต้าเซวียนกลับประเทศไป ประชาชนคิดว่าเทียบกับของพื้นที่ไม่ได้ เป็นที่เย้ยหยัน จะเสียหน้าท่านทูตและภริยาเอาได้”  

 

 

ภริยาทูตที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็มองพิจารณาดูเช่นกัน แล้วก็พยักหน้าตาม เหมือนว่าคำพูดของเฟิ่งจิ่วหลังเป็นคำถามของนางเอง  

 

 

อวิ๋นหว่านชิ่นชะงักไป เข้าใจแล้ว อย่างไรก็ตามแต่ แขกจากต้าสือเหล่านี้ ก็ยังคงไม่เชื่อมั่นในตนเท่าไร  

 

 

บนตัวอวิ๋นหว่านชิ่นนั้น กลายเป็นจุดรวมสายตาของคนรอบข้างในงานเลี้ยงไปชั่วขณะ  

 

 

ในสายตานั้น บ้างก็เต็มไปด้วยความเชื่อมั่น บ้างก็รอจะหัวเราะเยาะ  

 

 

ไตร่ตรองอยู่สักพัก อวิ๋นหว่านชิ่นหันหน้าไปทางเฟิ่งจิ่วหลัง กล่าวอย่างช้าๆ “ใต้เท้าเฟิ่งบอกว่าคนประเทศเราไม่ให้ความสำคัญกับกรรมวิธีการทำเครื่องหอมนั้น หม่อมฉันยังพอจะเห็นด้วย แต่หากใต้เท้าเฟิ่งจะบอกว่ากรรมวิธีการทำเครื่องหอมของต้าสือโดดเด่นกว่าหลายๆ ประเทศ หม่อมฉันมิอาจเห็นด้วยได้”  

 

 

ภริยาทูตสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ชิงพูดก่อนเฟิ่งจิ่วหลัง “พระชายาดูถูกต้าสือหรือ หากพูดถึงกรรมวิธีการทำเครื่องหอมแล้ว ประเทศใดจะเทียบต้าสือได้”  

 

 

คุยการค้าอยู่ดีๆ ครานี้กลับยกระกับเป็นเรื่องศักดิ์ศรีของประเทศไปแล้ว อวิ๋นหว่านชิ่นเอ๋ยอวิ๋นหว่านชิ่น จะดูว่าเจ้าจะทนไปได้สักกี่น้ำ! หากกระทบกับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ ทำลายมิตรภาพระหว่างการเจรจา ถึงแม้เจ้าจะไม่เป็นอะไร ก็จะทำให้สามีเจ้าขายหน้า ทำให้จวนฉินอ๋องขายหน้า! ในที่นั่งนั้น อวิ๋นหว่านถงยิ้มออกมา แต่กลับไม่เห็นพี่สาวสีหน้าเปลี่ยนไปเลย แต่กลับกล่าวเจื้อยแจ้ว “หม่อมฉันทราบมาว่า อียิปต์โบราณประเทศตะวันตกอันไกลโพ้นนั้น เมื่อพันปีก่อน ก็สามารถใช้น้ำมันหอมระเหยและขี้ผึ้งหอมทำเป็นสารกันเสีย ทำให้ฟาโรห์ผู้นำประเทศของพวกเขานั้นร่างกายไม่เน่าสลายไป โบราณกาลเคยมีพระราชินีท่านหนึ่ง ชอบใช้น้ำมันหอมระเหยดูแลผิวเป็นที่สุด เคยทุ่มทุนมหาศาลเพื่อสร้างสวนขี้ผึ้งหอม เพื่อทำน้ำมันหอมระเหยให้ตนเอง หากฮูหยินคิดว่าไกลตัวเกินไป มาพูดถึงยุคสมัยที่ใกล้เข้ามาอย่างกรีซ และต้าฉิน มีการยกย่องสรรเสริญจากราชาของพวกเขา ส่งเสริมการรักษาด้วยความหอมให้เจริญรุ่งเรือง คนต้าฉินชอบเครื่องหอมนัก ใส่เครื่องหอมลงในภาชนะล้ำค่าเช่นหินโมรา หินอ่อนเป็นต้น พกติดตัวไปทุกที่ จนหอมฟุ้งไปทั่วเมือง หากฮูหยินคิดว่าหม่อมฉันพูดจาเกินจริง เช่นนั้นก็ลองพูดถึงประเทศตะวันออกกลางที่อยู่ใกล้เคียงกับต้าสือ ในสุสานพระเยซูศาสดาของศาสนาพวกเขานั้น มีการค้นพบว่าใช้ยาขี้ผึ้งหอมในการเก็บรักษาศพไม่ให้เน่าเสีย อีกทั้งเมืองเซินตู๋ประเทศเพื่อนบ้านต้าสือ ก็เคยมี ‘คัมภีร์พระเวท’ ที่สืบทอดต่อกันมาหลายพันปี ทูลฮูหยินตามตรง หม่อมฉันยังมีฉบับเก็บสะสมอยู่เลย…มีประเทศที่มีผลงานอันโดดเด่นด้านเครื่องหอมอยู่ก่อนหน้า เครื่องหอมของต้าสือถึงแม้จะประสบความสำเร็จนัก แต่จะกล่าวว่าตนเป็นอันดับหนึ่งได้อย่างไร”  

 

 

แต่ละถ้อยคำ ทุกคนฟังจนต้องกลั้นหายใจเอาไว้ ไม่ปริปากกันสักนิด  

 

 

ทุกคนของต้าเซวียนส่วนมากก็ดีใจที่พระชายาฉินอ๋องตอกกลับไปได้ ทำลายความเย่อหยิ่งของทูตต้าสือ  

 

 

ส่วนภริยาทูตฟังจนรู้สึกผิดเหงื่อตก แต่ก็พูดอะไรไม่ออก คำพูดพวกนี้ นอกจากจะทลายความภาคภูมิที่ตนมีต่อกรรมวิธีการผลิตเครื่องหอมประเทศตนแล้ว ยังทำให้พระชายาฉินอ๋องได้แสดงออกว่าตนมีความสามารถโดยแท้จริงอีกด้วย  

 

 

แล้วก็ได้ยินพระชายารูปโฉมงดงามนั้นกล่าวต่อ “ส่วนเรื่องที่ฮูหยินไม่ค่อยเชื่อใจในกรรมวิธีการผลิตเครื่องหอมของต้าเซวียนนั้น ที่จริงตั้งแต่ยุคดั้งเดิมที่เทพกสิกรรมชาวฮั่นลิ้มชิมต้นไม้ใบหญ้านานาชนิดแล้ว ก็มีกรรมวิธีการผลิตเครื่องหอมออกมาแล้ว มีคัมภีร์การแพทย์หวงตี้เน่ยจิง มีตำรายาเปิ่นเฉ่ากังมู่ มีการจดบันทึกพืชต่างๆ กว่าสองพันชนิด สูตรผสมยากว่าแปดร้อยสูตร การแพทย์และเครื่องสำอางเป็นหนึ่งเดียวกัน หม่อมฉันไม่เชื่อว่าต้าสือจะไม่รู้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ กรรมวิธีต่างๆ ในนี้ ต้าเซวียนจะเทียบต้าสือไม่ได้ได้อย่างไร ต่างฝ่ายต่างมีข้อดีของตน สามารถพัฒนาร่วมกันไปได้” พูดจบ ก็ยิ้มเล็กน้อย “หากฮูหยินนำเข้าในครั้งนี้ ก็จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีเจ้าค่ะ”  

 

 

 

 

 

——

 

 

[1] หลัง  ถอดเสียงจากคำว่า 郎 มักเติมท้ายชื่อชายหนุ่มด้วยคำนี้ เช่น หนิวหลัง (牛郎) แปลว่า หนุ่มเลี้ยงวัว

Comment

Options

not work with dark mode
Reset