ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง – ตอนที่ 167 เราเด็ดมามอบให้คนอื่น

ทรงตรัสถามเสียงเข้มว่า ” เจ้าคือผู้ใดกันแน่? “ 
 
 
คำถามนี้ทำเอาตู๋กูซิงหลันชะงักไป 
 
 
เมื่อครู่นางกำลังใส่ใจเรื่องบาดแผล จึงไม่ทันได้ระมัดระวังว่าที่นอกหน้าต่างจะมีฮ่องเต้ถ้ำมองอยู่ 
 
 
ตอนนี้คิดๆ ดูแล้ว เมื่อครู่คงจะถูกเขาเห็นหมดแล้ว 
 
 
เฮ้อ………นางสมควรจะอธิบายเรื่องนี้อย่างไรดี 
 
 
หากว่าบ่งบอกความจริงกับเขาไป นางกล้าพนันว่า จีเฉวียนจะต้องส่งนางไป เผาบนกองไฟ จนไม่เหลือซากแน่ 
 
 
เพราะว่าเขาเคยขอเจ้าของร่างเดิมแต่งงานมาก่อน จะมากจะน้อยก็จะต้องมีความใส่ใจเจ้าของเดิมอยู่บ้าง 
 
 
หากรู้ว่า ร่างนี้ถูกเปลี่ยนคน จะยอมได้หรือ 
 
 
ก่อนหน้านี้ยามที่อยู่ในตำหนักเย็นเขาหาวิธีมากมาย มากลั่นแกล้งนาง นั่นอาจเป็นเพราะรักจนกลายเป็นเกลียด จึงได้ตั้งใจกันแกล้งนาง 
 
 
นางกระแอมเบาๆ มองเขาอย่างด้วยความบริสุทธิ์ใจ “ฝ่าบาทท่านความจำเสื่อมแล้วหรือ? แม้แต่ข้าก็จดจำไม่ได้หรือ? “ 
 
 
ดวงตาหงส์ของจีเฉวียนหรี่มอง แสงสว่างในดวงเนตรราวกับว่าจะส่องเข่าไปให้ถึงภายในดวงตาของนาง เขาประทับนั่งลงที่ข้างกายนาง ” เจ้ารู้หรือไม่ โทษฐานเพ็ดทูลเบื้องสูงมีวิธีตายอยู่กี่แบบกัน? “ 
 
 
ตู๋กูซิงหลัน ” ตัดหัว แขวนคอ ห้าม้าแยกร่าง? “ 
 
 
จีเฉวียน “……….” 
 
 
เขาเงียบงันไปชั่วครู่ ค่อยส่งยิ้มเย็นออกมา ” ยังมีแล่เนื้อถลกหนัง เผาหมดสิ้นตระกูล “ 
 
 
สีหน้าของตู๋กูซิงหลันเต็มไปด้วยความเสียดาย “โอ้ย แต่ว่าฝ่าบาทก็เป็นคนในครอบครัวของข้าเหมือนกัน ฝ่าบาทจะทรงประหารตนเองได้อย่างไร? “ 
 
 
ประโยคที่ว่า ‘ครอบครัวเดียวกัน’ นั้นกระทบพระทัยของจีเฉวียนอย่างแรง นางเห็นเขาเป็นคนในครอบครัวเดียวกันจริงๆ หรือ? 
 
 
จากนั้นก็ยังได้ยินตู๋กูซิงหลันกล่าวอย่างมั่นอกมั่นใจว่า “ที่จริงแล้ว หม่อมฉันก็ไม่รู้ว่าตนเองไปเพ็ดทูลเบื้องสูงที่ตรงไหนกัน” 
 
 
นางทำเหมือนบริสุทธฺ์ไร้เดียงสาเสียเต็มประดา หากไม่ใช่เพราะว่าเขารู้จักความสามารถในการแสดงของนางเป็นอย่างดี มีหวังต้องถูกนางหลอกลวงแน่นอน 
 
 
” อย่าได้ใช้วิธีนี้กับเรา ทุกสิ่งที่เจ้าทำเมื่อครู่ เราล้วนเห็นอย่างชัดเจน” จีเฉวียนตรัวต่อไป ” นอกจากชมนกเด็ดดอกไม้ และเป็นสาวงามอันดับหนึ่งของต้าโจวแล้ว เจ้าก็เป็นแค่คนไร้ค่า” 
 
 
ตู๋กูซิงหลัน “……” คนไร้ค่าอย่างข้าขอขอบคุณในคำชมของท่าน จริงๆ นะ 
 
 
” คนไร้ค่ากลับสามารถเรียนวิชาอาคมได้ในเพียงเวลาสั้นๆ ทั้งสามารถใช้ยันต์ และเพิ่มพูนกำลังวังชาได้ด้วย? “ 
 
 
ที่จริงนับตั้งแต่หลังจากเรื่องผึ้งพิษเป็นต้นมา จีจวนก็เริ่มสงสัยนางแล้ว 
 
 
แต่พอให้คนลอบตรวจสอบอย่างลับๆ ผลที่ได้ออกมา ก็ยังคงเป็นว่ารายงานเดิมนั้นไม่มีอะไรผิดพลาด ไทเฮานั้นเป็นแค่แจกันดอกไม้มาโดยตลอดจริงๆ 
 
 
แม้แต่เรื่องจำพวกแต่งกลอน เดินหมาก วาดภาพหรือเขียนอักษร นางก็ยังเรียนได้ไม่ดีสักเท่าไร 
 
 
ประสาอะไรกับเรื่องวิชาอาคมที่เป็นศาสตร์ลึกลับชั้นสูงพวกนั้นกัน? 
 
 
ตู๋กูซิงหลันฟังแล้ว ก็จดจ้องมองเขากลับไป “ฝ่าบาท ทรงทอดพระเนตรมองหม่อมฉันให้ละเอียดสิเพคะ “ 
 
 
จีเฉวียน ” เราดูละเอียดพอแล้ว” 
 
 
” เช่นนั้นทรงมองออกหรือไม่ว่า พรสวรรค์ของหม่อมฉันนั้นซ่อนเอาไว้ได้อย่างเฉลียวฉลาดเพียงใด? เป็นความสามารถในการเรียนรู้ที่สูงส่งถึงเพียงไหน “ 
 
 
” เรารู้สึกว่าเจ้าดูไปคล้ายจะโง่งมอยู่บ้าง” 
 
 
ตู๋กูซิงหลัน “…….” อ้ายยะ มาอย่างงี้ก็ไม่ต้องคุยกันแล้ว 
 
 
ไอ้ผู้ชายเฮงซวย ไปตายเสีย! 
 
 
” ไม่ใช่เพคะ หม่อมฉันนั้นเป็นพวกซ่อนคมในฝัก ก่อนหน้านี้ตอนเรื่องของเสียวไท่เฟยก็ทรงทราบแล้วมิใช่หรือเพคะ? หม่อมฉันได้ทุ่มเทเพื่อต้าโจว จึงได้ไปเล่าเรียนมาเป็นพิเศษ” 
 
 
ว่าแล้วตู๋กูซิงหลันก็อธิบายเพิ่มเติมอีกว่า ” หรือไม่ก็ สวรรค์ทรงสงสาร เห็นว่าข้าเป็นคนที่ตายไปแล้วครั้งหนึ่ง ดังนั้นจึงได้มีเมตตาต่อข้าเป็นพิเศษ ให้ข้าได้มีพรสวรรค์ในทางนี้ ทั้งยังมอบกำลังวังชาให้” 
 
 
พูดแล้ว ตู๋กูซิงหลันก็ถกแขนเสื้อขึ้นมา ยื่นไปถึงเบื้องหน้าของเขา เผยให้เห็นข้อมือที่มีรอยแผลเป็นดุจรอยตะขาบตัวหนึ่ง 
 
 
” ไม่เช่นนั้นฝ่าบาททรงเห็นว่าข้าเป็นเช่นไรกัน? “ 
 
 
จีเฉวียนทอดพระเนตรมองดูบาดแผลทั้งเก่าและใหม่ของนาง อีกทั้งท่าทางที่คล้ายเสียใจเพราะได้รับความไม่ยุติธรรม ก็ไม่กล้าหักใจไต่ถามนางอีก 
 
 
จริงสินะ หากว่านางยังคงเป็นตู๋กูซิงหลันคนเดิม เขาจะทำเช่นไร? 
 
 
ฆ่านาง? 
 
 
ไม่ต้องพูดถึงว่าจะฆ่านาง ตอนนี้แค่เห็นว่านางได้รับบาดเจ็บ ในพระทัยก็ราวกับถูกดาบแทงเข้าแผลหนึ่งแล้ว 
 
 
” ตู๋กูซิงหลัน เราหวังว่าเจ้าจะคิดดูให้ดี สิ่งที่สมควรจะสารภาพออกมาตนก็ควรทำให้กระจ่างจึงจะดีที่สุด ” เขาตรัสต่อไป “หากสารภาพจะได้รับความเมตตา “ 
 
 
“ฝ่าบาท พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน หม่อมฉันไม่ว่าจะมีเรื่องใดย่อมไม่ปิดบังพระองค์อยู่แล้วเพคะ ” ตู๋กูซิงหลันยิ้มหวานให้กับเขา 
 
 
ช่วงนี้ถูกเรื่องต่างๆ รบกวนมากเกินไป จนตัวนางเกือบจะลืมไปแล้วว่า ตนเองมีเป้าหมายที่จะต่อต้านพลิกกระดานเขาอยู่ 
 
 
จีเฉวียนยามนี้เกิดความสงสัยในตัวนางอย่างหนักแน่น หากว่ามีวันหนึ่งถูกเขาจับทางได้ขึ้นมา การจะต่อต้านนี้คงจะพลิกไม่ขึ้นเสียแล้ว 
 
 
พอคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา นางก็รีบหลุบตาลง ด้วยกลัวว่าเจ้าจิ้งจอกเฒ่าผู้นี้จะเฉลียวฉลาดจนเกินไป จนมองทะลุจิตใจของนาง 
 
 
พอก้มหน้าลงก็มองเห็นดอกซิ่วฉิวที่ข้างเตียง จึงรีบเปลี่ยนหัวข้อไปเป็นว่า ” ดอกไม้นี่สวยงามจริงๆ “ 
 
 
จีเฉวียน ” เราเด็ดมามอบให้ผู้อื่น” 
 
 
นิ้วมือที่ยื่นออกไปของตู๋กูซิงหลันยังไม่ทันได้สัมผัสดอกซิ่วฉิวก็หดกลับมา “เสี่ยวซูเฟยจะต้องชื่นชอบแน่นอน” 
 
 
เรื่องมอบดอกไม้ให้แก่กัน เป็นเรื่องสานเสริมความสัมพันธ์ที่สามีภรรยาควรจะทำอยู่แล้ว 
 
 
ดอกไม้นี้เป็นของที่จีเฉวียนจะมอบให้กับผู้อื่น นางไม่ควรจะไปแตะต้อง 
 
 
อีกสักครู่ตนเองค่อยไปที่สวนเด็ดมาสักหลายดอกก็พอแล้ว 
 
 
จีเฉวียนเงียบงันไปครู่หนึ่ง คำพูดที่มารออยู่ถึงริมพระโอษฐ์ก็เปลี่ยนเป็นว่า ” ใช่ เราจะนำกลับวังไปมอบให้กุ้ยเฟย นางชอบพวกดอกไม้ดอกๆ ดวงๆ เช่นนี้ที่สุด “ 
 
 
ดอกๆ ดวงๆ ดอกซิ่วฉิวนี้สูงส่งงดงามจะตาย 
 
 
ยามที่จีเฉวียนทรงตรัสนั้น สายพระเนตรมิได้แปรไปจากร่างของนางเลย ” เราลืมบอกเจ้าไป ที่จริงซูกุ้ยเฟยได้รับการแต่งตั้งจากเราเป็นหวงกุ้ยเฟยแล้ว” 
 
 
ตู๋กูซิงหลัน ” ขอแสดงความยินดีกับฝ่าบาท” 
 
 
จีเฉวียน ” หลังจากเป็นหวงกุ้ยเฟย ก็ยิ่งมีโอกาสได้รับการแต่งตั้งเป็นฮองเฮา “ 
 
 
ตู๋กูซิงหลันครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ” อืม เสี่ยวซูนั้นดีมากเลย มองจากแง่มุมต่างๆ แล้ว เหมาะสมกับฝ่าบาทยิ่งนัก” 
 
 
จีเฉวียนทรงรู้สึกว่าตนเองไร้คำพูดจะกล่าว ดูดวงตาของนางสิ เปล่งประกายเสียขนาดนั้น 
 
 
เขาพยายามสงบสติอารมณ์ของตนเองอยู่ครู่หนึ่ง ก็ค่อยคิดถึงเรื่องสำคัญอีกเรื่องขึ้นมาได้ ” ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่ตำหนักของหย่งเฉิงอ๋องได้กัน? “ 
 
 
ยามที่องครักษ์ลับที่เขาสั่งให้จับตาดูซูเม่ยเข้ามารายงาน บอกว่าซูเฟยแต่งกายเป็นชายลอบออกจากวังหลวงไป อีกทั้งยังนำตัวหญิงสาวที่สวมหน้ากากผู้หนึ่งมาจากถนนหลักทิศเหนือ 
 
 
ยามนี้คิดย้อนกลับไป หญิงสาวผู้นั้นคงจะเป็นนางอย่างแน่นอน 
 
 
ซูเม่ย………นำตัวนางกลับมา ขังเอาไว้ในห้อง เสื้อผ้าก็ไม่เรียบร้อย ผมเผ้ารุ่ยร่าย 
 
 
ดังนั้นเขาจึงตรัสถามไปอีกว่า ” เจ้าคนกระล่อนผู้นั้น มันทำอะไรเจ้าหรือไม่? “ 
 
 
ตู๋กูซิงหลันครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ ค่อยคิดออกว่า ‘คนกระล่อน’ ผู้นั้นหมายถึงใคร 
 
 
” ท่านหมายถึงซูเยานะหรือ เขาช่วยข้าไว้ ” ตู๋กูซิงหลันตอบ ” คิดไม่ถึงว่าเสี่ยวซูเฟยจะมีน้องชายฝาแฝดอยู่คนหนึง นี่ถือเป็นวาสนา กลับได้พบกับเขาที่กลางถนน” 
 
 
จีเฉวียนหัวเราะเย็นอยู่ในพระทัย วาสนาที่ดีนัก 
 
 
พระองค์จับซูเม่ยขังเอาไว้ที่ข้างกายอยู่ทุกคืน ทำให้เขาไม่มีโอกาสไปเข้าใกล้ตู๋กูซิงหลัน เขากลับคิดหาหนทางหลบหนีเป็นร้อยเป็นพัน พอออกจากวังมาได้ครั้งหนึ่งก็รีบมารับบทวีรบุรุษช่วยเหลือหญิงสาวเชียวหรือ? 
 
 
เขาต่างหากที่ส่งสุดยอดองครักษ์ลับไปปกป้องนาง ซูเม่ยมีโอกาสได้แสดงฝีมือที่ไหนกัน? 
 
 
นานอีกครู่ใหญ่จีเฉวียนค่อยตรัสตอบว่า ” เจ้านั่นนะเป็นแค่จิ้งจอกที่ไว้ใจไม่ได้ตัวหนึ่ง บุญคุณช่วยชีวิตนี้เราจะตอบแทนเขาแทนเจ้า ต่อไป เจ้าก็อยู่ให้ห่างจากเขาหน่อย “ 
 
 
ยามนั้น พ่อบ้านชราของหย่งเฉิงอ๋องก็ผ่านมาทางนี้เข้า เขาเผอิญได้ยินเสียงบุรุษดังออกมาจากด้านใน 
 
 
นะนี้……สตรีที่นายน้อยพากลับมา กำลังลักลอบพบปะกับผู้อื่นในตำหนักหย่งเฉิงอ๋องของพวกเขา? 

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset