ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง – ตอนที่ 312 รักษาโรคด้วยวิธีหลับนอน

“เย็นกับผีน่ะสิ!” ชือหลีระเบิดอารมณ์ ตอนนี้นางอยากอัดคนเป็นที่สุด
 
 
นางรู้สึกว่าตนเองเป็นเทพแห่งสายน้ำที่ได้รับความคับแค้นอย่างที่สุด หากไม่ได้อัดไอ้เฒ่าเจียงชวี่ปิ้งนั่นให้แหลก นางคงไม่มีทางระบายความแค้นนี้ออกไปได้
 
 
“รอให้เขาอยู่เพียงลำพังก่อนค่อยลงมือ” ตู๋กูซิงหลันหรี่ตามองไปทางนั้นเช่นกัน ร่างเนื้อนี้หากว่ายังพอจะสามารถรักษาได้ นางก็อยากจะรักษา
 
 
ตอนที่ชือหลีพานางไปขอรับการรักษาจากเจียงชวี่ปิ้งนั้น ฝนตกลงมาห่าใหญ่พอดี
 
 
เจียงชวี่ปิ้งปล่อยให้พวกนางตากฝนอยู่สามวันสามคืน กลับไม่ยอมมองดูนางสักแวบหนึ่ง ก็ปฏิเสธที่จะรักษานางแล้ว
 
 
ชือหลีเองก็พยายามอย่างเต็มที่ เพื่อนางแล้วถึงขนาดละวางทิฐิความเป็นเทพ มาขอร้องเจ้าที่เจ้าทางตนหนึ่ง น้ำใจนี้ตู๋กูซิงหลันได้จดจำเอาไว้แล้ว
 
 
วิธีที่นางบอกให้รอตอนอยู่เพียงลำพังค่อยลงมือจัดการ ถูกใจชือหลีเข้าพอดี
 
 
ดอกบัวดำนับว่าดำทมิฬสมชื่อแล้ว
 
 
ตอนนี้ ตู๋กูซิงหลันเก็บยันต์สีเหลืองลงไป เหล่าทหารพวกนั้นยังถือว่าโชคดีอยู่บ้าง เพียงแค่รับบาดเจ็บทางผิวกายภายนอก
 
 
อาการของเหลียงเซิงเซิงต่างหากที่ย่ำแย่ที่สุด
 
 
ชือหลีแบกนางเอาไว้ขึ้นไปบนหลังคาอย่างไร้สุ้มเสียง ค่อยแซะกระเบื้องหลังคาแอบดู
 
 
พวกนางเห็นสีหน้าของเหลียงจวิ้นอ๋องมีแต่ความวิตกกังวล ส่วนเหลียงเซิงเซิงที่นอนอยู่บนเตียงก็มีสีหน้าซีดเซียวปราศจากสีเลือด
 
 
เจียงชวี่ปิ้งที่ผมหงอกขาวโพลนไปทั้งหัวกำลังจับชีพจรให้นาง
 
 
พอพึ่งจะสัมผัสโดนข้อมือของนางเท่านั้นเส้นผมบนศีรษะของเขาก็ลุกชันขึ้นมา
 
 
“เป็นอย่างไรบ้าง?” เหลียงจวิ้นอ๋องที่อยู่ด้านข้างรีบถามออกมาในทันที
 
 
“ท่านอ๋อง อาการของคุณหนูน้อยไม่ค่อยดี” เจียงชวี่ปิ้งส่ายศีรษะ
 
 
“ข้ารู้ว่าอาการไม่ค่อยดี ถึงได้ต้องเชิญเจ้ามาอย่างไรเล่า หากว่าเจ้ายังไม่มีหนทาง แล้วข้าจะฝากความหวังไว้ที่ผู้ใดได้?” เหลียงจวิ้นอ๋องหงุดหงิดอย่างยิ่ง
 
 
“คุณหนูน้อยถูกไอหยินแทรกซึมเข้าสู่ร่างกาย ทั้งยังถูกสูบโลหิตออกไป เกรงว่าในช่วงเวลาสั้นๆ คงไม่อาจตื่นขึ้นมาได้” ใบหน้าชราของเจียงชวี่ปิ้งเองก็มีสีหน้าไม่สู้ดี
 
 
“วิธีการรักษาเล่า?” เหลียงจวิ้นอ๋องเฝ้าอยู่ข้างเตียง หากว่าท่านหมอชราผู้นี้มิใช่เจียงชวี่ปิ้ง เขาคงจะเอามีดมาแทงคนฆ่าทิ้งไปแล้ว
 
 
“หาผู้ที่มีไอหยางสมบูรณ์ในร่างมาถ่ายทอดความอบอุ่นให้กับร่างกายของคุณหนูน้อย” เจียงชวี่ปิ้งพูดต่อว่า “พอดีเลยมิใช่หรือ ฮ่องเต้แห่งต้าโจวกำลังจะเสด็จมาแล้ว พระองค์เป็นโอรสสวรรค์ บนร่างมีไอมังกร ขอเพียงพระองค์ทรงยินยอมประทานแก่นชีวิตให้กับคุณหนูน้อย โอบกอดนางสักหนึ่งราตรี คุณหนูน้อยก็จะตื่นขึ้นมาเอง”
 
 
ทันทีที่จบประโยคเหลียงจวิ้นอ๋องก็ระเบิดโทสะออกมา
 
 
“เหลวไหล!” เขาเบิกตาโตหนวดเคราปลิวจนชี้ขึ้นมา “เซิงเซิงบริสุทธิ์ผุดผ่องดุจหยก แล้วจะให้บุรุษผู้หนึ่งโอบกอดข้ามคืนได้อย่างไร? ต่อให้บุรุษผู้นั้นเป็นฮ่องเต้ก็ไม่ได้!”
 
 
บนหลังคา ชือหลีมีสีหน้าชิงชังขึ้นมาแล้ว
 
 
ไอ้เฒ่าช่างนอกลู่นอกทางเสียจริงๆ นางอยู่มานานจนปานนี้แล้ว ยังไม่เคยได้ยินว่ามีวิธีที่ใช้แค่การนอนหลับไปก็สามารถรักษาอาการป่วยได้มาก่อนเลย
 
 
ตู๋กูซิงหลันเองก็เคร่งขรึมลง ในสมองเกิดภาพที่มิใคร่เหมาะสมสักเท่าไหร่
 
 
จากนั้นนางก็รู้สึกขนลุกขึ้นมาจนตัวสั่นน้อยๆ
 
 
ตอนนี้นางไม่ได้อยู่ใกล้เหลียงเซิงเซิง จึงไม่อาจตรวจดูให้แน่ชัดว่าบาดแผลของนางที่จริงแล้วเป็นเช่นไร
 
 
นี่คนธรรมดาผู้หนึ่ง นางถูกยมราชกัดไปคำหนึ่ง ทั้งยังกัดลงไปที่บริเวณลำคอ…..ย่อมต้องรับไม่ไหว
 
 
ไอหยินทะลักเข้าสู่ร่างกาย ทั่วทั้งร่างมิได้แข็งทื่อไปก็นับว่าบุญโขแล้ว
 
 
ตอนนี้พอสลบไสลก็หลับลึกลงไป ไอหยางพร่องอาจเป็นส่วนหนึ่ง แต่ดูท่าที่สำคัญคงจะเป็นเพราะตื่นตระหนกด้วยเป็นแน่
 
 
นับว่าน่าสงสารสาวน้อยผู้นี้อยู่เหมือนกัน คนในดวงใจที่เฝ้าฝันถึงมาตลอด อยู่ๆ ก็กลายเป็นปีศาจที่ต้องการจะกลืนกินนางลงไป แค่เพียงช่วงเวลาสั้นๆ จะให้นางยอมรับได้อย่างไร
 
 
ภายในห้อง เจียงชวี่ปิ้งเองก็หงุดหงิดมากเช่นกัน
 
 
“หากว่าท่านอ๋องไม่เชื่อถือหมอชราอย่างข้า แล้วเช่นนี้จะเรียกข้ามาทำไม?” เขาเองก็มีศักดิ์ศรีเช่นกัน “ในร่างกายของคุณหนูน้อยมีแต่ไอหยินรุนแรง หากว่าปล่อยทิ้งไว้ ก็จะซึมลึกลงไปในกระดูกและเส้นโลหิต ถึงตอนนั้นต่อให้คิดจะช่วยก็คงช่วยไม่ได้แล้ว”
 
 
เขากล่าวเพียงไม่กี่ประโยค ก็ทำให้สีหน้าของเหลียงจวิ้นอ๋องซีดเซียวลงไป
 
 
หากเปรียบกับชีวิตแล้ว…..พรหมจรรย์นับว่าเป็นอะไรได้
 
 
“ข้าไม่เชื่อหรอกว่าในเมืองกู่เย่วนี้จะเสาะหาผู้ที่มีไอหยางไม่ได้สักคน ทำไมจะต้องให้ฮ่องเต้มาเสริมความอบอุ่นให้กับเซิงเอ๋อร์ของข้าด้วย?” เหลียงจวิ้นอ๋องโกรธจนผิดหวังแล้ว
 
 
เขาจะต้องเสาะหาบุรุษที่มีไอหยางมาสักคน พอช่วยเซิงเอ๋อร์เรียบร้อยแล้ว ก็ฆ่าปิดปากคนผู้นั้นเสีย เช่นนี้เซิงเอ๋อร์ก็จะยังบริสุทธิ์ผุดผ่อง
 
 
“ท่านอ๋องอย่างได้ลืมสิว่า เมืองกู่เย่วแห่งนี้คือที่ใด ที่นี่เคยมีคนตายไปแล้วนับแสน” เจียงชวี่ปิ้งกล่าวออกมาอย่างชอกช้ำใจ
 
 
“ผู้ที่เติบโตขึ้นมาภายในเมืองกู่เย่ว ไม่มีทางมีไอหยางสมบูรณ์ได้”
 
 
“มีแต่ไอมังกรของฝ่าบาทเท่านั้นถึงสามารถรักษาคุณหนูน้อยได้”
 
 
เหลียงจวิ้นอ๋องไม่ยอมพูดจา เขาได้แต่มองดูหลานสาวที่นอนอยู่บนเตียง กำหมัดจนแนบแน่นเข้า
 
 
เจียงชวี่ปิ้งลุกขึ้นมา “ข้าจะตระเตรียมยาให้คุณหนูน้อยเอาไว้ก่อน ทุกๆ วันให้คนคอยปรนนิบัตินางแช่ยาเพื่ออบอุ่นร่างกาย หากทำเช่นนี้ก็จะสามารถชะลอความเร็วในการแทรกซึมของไอหยินลงได้ แต่ผู้ที่สามารถช่วยนางนั้น คงได้แต่ต้องพึ่งพาฮ่องเต้แล้ว”
 
 
ว่าแล้ว เขาก็เขียนเทียบยาชุดหนึ่งขึ้นมา วางเอาไว้บนโต๊ะ แบกกล่องยาของตนเองออกไป
 
 
…………………………
 
 
เวลานี้ดึกสงัดมากแล้ว
 
 
พอเข้าสู่ยามโพล้เพล้ บนถนนของเมืองกู่เย่วก็ไม่มีผู้คนสัญจรแล้ว
 
 
ยามดึกดื่นเช่นนี้แม้แต่เงาใดๆ ก็ยิ่งไม่มีให้เห็น ขนาดจวนเหลียงจวิ้นอ๋องเกิดเรื่องใหญ่ก็ยังไม่มีผู้ใดกล้าออกมาชมความครึกครื้นด้วยซ้ำ
 
 
เจียงชวี่ปิ้งพึ่งจะออกมาจากจวนอ๋อง เลี้ยวไปได้แค่สองโค้ง ก็ถูกถุงกระสอบใบหนึ่งครอบลงมา
 
 
เขาสาดเข็มเงินในมือกระจายออกไปในทันที
 
 
แต่กลับได้ยินแค่เสียง ‘ปุ๊ก ปุ๊ก ปุ๊ก’ ไม่กี่ครั้ง เข็มเงินของเขากระทบเข้าไปบนแผ่นไม้กระดาน
 
 
หัวใจของเจียงชวี่ปิ้งพลันตระหนกขึ้นมา กำลังจะขยับตัว ไอเซียนยังไม่ทันถูกปลุกขึ้นมา ก็ถูกพลังขุมหนึ่งกักขังเอาไว้
 
 
เขาถูกถุงกระสอบครอบตัว ไม่อาจมองเห็นสถานการณ์ภายนอก
 
 
ไม่ทันรอให้เขาได้ต่อสู้ขัดขืน หมัดชุดหนึ่งก็ทุบรัวลงมา ทำเอาเขาถูกทุบจนมึนงง
 
 
จะมากจะน้อยเขาก็เป็นถึงเจ้าที่เจ้าทาง แต่ตอนนี้เรี่ยวแรงแม้แต่จะขัดขืนสักนิดก็ยังไม่มี
 
 
ประเด็นสำคัญก็คือแต่ละหมัดที่กระหน่ำลงมานั้นถึงกับหนักหนาอาการ ทุกหมัดที่กระแทกลงมา เขาล้วนรู้สึกได้ว่าสมองของตนเองกำลังจะแตกเป็นเสี่ยงๆ หากว่าเขาไม่ใช่เจ้าที่ของที่นี่ แล้วถูกรุมอัดเช่นนี้ ต่อให้ไม่ตายก็คงแทบจะไม่รอดแล้ว
 
 
ไม่รู้ว่าโดนต่อยไปนานเท่าไหร่ ถึงได้ยินเสียงของสตรีผู้หนึ่งร้องขึ้นมา
 
 
“นี่พวกเจ้ากำลังทำอะไรกันอยู่?”
 
 
พอได้ยินเสียงนั้นก็มีเสียงฝีเท้าวิ่งเข้ามา คนที่กำลังต่อยตีเขาก็ตระหนกจนตื่นหนีไปทันที
 
 
จากนั้นถุงกระสอบที่ครอบศีรษะเอาไว้ก็ถูกดึงออกไป สิ่งที่เข้าสู่สายตาก็คือดวงตาสีแดงทั้งคู่ของชือหลี
 
 
“อ้ายย่าห์ นี่มันท่านเจียงหมอเทวดามิใช่หรือ? นี่ท่านไปผิดใจกับใครมา? ถึงได้ถูกต่อยตีจนมีสภาพแบบนี้?” ท่าทางของชือหลีคล้ายประหลาดใจอย่างยิ่ง
 
 
“หากมิใช่ว่าข้าผู้เป็นเทพบังเอิญผ่านทางมาทางนี้พอดี เกรงว่าคืนนี้ท่านคงต้องจบสิ้นอยู่ที่นี่แล้วกระมั้ง”
 
 
มุมหนึ่งภายในรถม้า ตู๋กูซิงหลันมองออกมาจากทางหน้าต่าง
 
 
ฝีมือการแสดงของชือหลีชุดนี้ ไม่ได้เข้าสู่วงการการแสดงช่างน่าเสียดายยิ่งนัก
 
 
เมื่อครู่ตอนที่นางต่อยคน แต่ละหมัดที่ระดมออกไปเพียงพอจะทุบหินให้แตกได้เลยทีเดียว
 
 
ตอนนี้กลับมีสีหน้าห่วงใย ราวกับว่าคนที่บาดเจ็บเป็นบิดามารดาของนางเสียอย่างนั้น
 
 
เจียงชวี่ปิ้งในยามนี้ก็งวยงงไปหมดแล้ว เขาพึ่งจะเดินออกมาจากจวนอ๋อง ใครกันนะที่เอาถุงป่านครอบหัวแล้วทุบตีเขา?
 
 
เขามองดูชือหลีด้วยความประหลาดใจ เห็นในแววตาของนางมีแต่ความห่วงใย
 
 
“เมื่อครู่ข้าเห็นแล้ว คนที่ทุบตีท่าน ใส่เสื้อเกราะ ดูแล้วน่าจะเป็นพวกนักรบ” ชือหลีทำท่าคาดเดา “ท่านไปผิดใจกับคนในกองทัพมาหรือ?”
 
 
เจียงชวี่ปิ้ง “……”
 
 
“พวกเราอย่าได้มัวแต่พูดเรื่องนี้กันอยู่เลย สหายของข้าคนนั้น ท่านก็โปรดเห็นแก่ที่ข้าวิงวอนแล้ววิงวอนเล่า ช่วยข้ารักษานางหน่อยเถอะนะ?” ชือหลีพูดพลาง ก็คว้าตัวเจียงชวี่ปิ้งไปที่รถม้า
 
 
ตู๋กูซิงหลันเปิดม่านหน้าต่างออกมา พอเจียงชวี่ปิ้งได้เห็นนาง สายตาของเขาก็เปลี่ยนแปลงไปในทันที

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset