ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง – ตอนที่ 431 จระเข้น้อยที่น่ารัก

วิญญาณทมิฬนั้นมีประสบการณ์ร่วมต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับตู๋กูซิงหลันมาไม่น้อย เมื่ออยู่ในสถานการณ์เช่นนี้มันย่อมไม่ก่อความวุ่นวาย
 
 
สามารถหยิบยืมกำลังของแมลงกินวิญญาณพวกนี้ไปจัดการกับพวกจระเข้ผีดิบที่ไล่หลังมา คนที่สามารถใช้สมองได้ถึงเพียงนี้มิว่าอยู่ที่ใดย่อมต้องมีทางรอดอยู่เสมอ
 
 
เขวี้ยงยันต์ออกไปมากมายหลายใบ นางก็ยังคงไม่เปลี่ยนสีหน้า
 
 
มือของนางกุมบังเ**ยนที่ทำจากเสื้อคลุมของจีเฉวียนเอาไว้อย่างแนบแน่น สั่งให้จระเข้ยักษ์ตัวนั้นมุ่งหน้าต่อไป
 
 
กลิ่นเหม็นเน่าโชยชายมาจากหมอกสีดำคละคลุ้งที่อยู่ข้างกาย นางก็ไม่สนอกสนใจพวกมัน ดองตาดอกท้อทั้งคู่เพียงมองไปยังเบื้องหน้าเท่านั้น
 
 
เจ้าจระเข้ยักษ์นำนางมุ่งไปเรื่อยๆจนถึงจุดที่สายลมรุนแรง จึงได้เห็นว่าเส้นทางที่มืดมิดตรงหน้าขยายออกกว้าง บึงโคลนที่อยู่ด้านหลังกลายเป็นแม่น้ำสีดำสายหนึ่ง
 
 
ในแม่น้ำสีดำมีดอกบัวสีดำอยู่มากมาย บนดอกบัวเหล่านั้นเต็มไปด้วยไข่หนอนของแมลงกินวิญญาณ เมื่อเกาะอยู่บนดอกบัว ก็เป็นประกายเล็กๆที่สวยงามน่าชม
 
 
ตู๋กูซิงหลันไม่มีกระจิตกระใจจะไปชื่นชมทิวทัศน์ตรงหน้า
 
 
นางก้มศีรษะลงไปมองดูอยู่แวบหนึ่ง น้ำถึงจะเป็นสีดำแต่ก็ใส จนสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามีปลาประหลาดขนาดใหญ่ มันไล่ตามมาคิดจะขบกัดนางสักหลายคำ แต่น่าเสียดายที่นางอยู่บนหลังจระเข้ยักษ์ จึงได้แต่ว่ายกลับไปกลับมาอยู่ข้างๆ
 
 
รอบกายของปลาตัวใหญ่นั้น เต็มไปด้วยกระดูกมนุษย์ และกระดูกมังกร
 
 
น้ำสีดำมีกลิ่นเหม็นเข้มข้น พอมุ่งหน้าต่อไป ก็เปลี่ยนเป็นทวนน้ำที่ไหลเชี่ยวกว่าเดิมขึ้นไป จนลาดชันขึ้นไปถึงเกือบจะเป็นมุมฉาก
 
 
บนนั้นเป็นน้ำตกสีดำสายหนึ่ง
 
 
จระเข้ยักษ์นำนางไต่สูงขึ้นไป ท่ามกลางสายน้ำที่สาดซัดลงมาใส่ศีรษะ
 
 
ร่างกายเริ่มหนักมากขึ้นเรื่อยๆ แทบจะไหลลงไปได้ตลอดเวลา ดอกบัวดำไหวเอนอยู่ท่ามกลางสายน้ำ ไข่หนอนของแมลงกินวิญญาณบนดอกบัวถูกแรงน้ำตกที่กระเซ็นมาพัดจนหล่นลงไปในน้ำสีดำ จมลงไปในความดำมืด
 
 
ตู๋กูซิงหลันประคองร่างเอาไว้ นางเกาะอยู่บนร่างของจระเข้ยักษ์ กำสายบังเหยียนเอาไว้อย่างแนบแน่น พอถูกน้ำสีดำรดราดลงมา โคลนบนร่างของนางก็ถูกชำระล้างออกไป เผยใบหน้าที่ขาวกระจ่างออกมา
 
 
เพียงแต่ว่าชุดสีแดงบนร่างถูกน้ำสีดำย้อมไปทั้งตัว คนจึงดูเหมือนตัวประหลาดที่มีแต่ความดำมืด
 
 
“พรู่ ตึง!”
 
 
ได้ยินเสียงดังสนั่นอยู่เบื้องหน้า จระเข้ยักษ์พามุดเข้าไปในน้ำตก รอบตัวจึงมีแต่ความมืดมิดหนาวเย็นรายล้อม
 
 
ในจมูกและริมหูมีแต่น้ำสีดำไหลเข้ามา ในหูมีแต่น้ำสีดำจนปวดแปลบ
 
 
ตู๋กูซิงหลันกลั้นลมหายใจเอาไว้ บังเ**ยนในมือยังคงกระชับแน่น
 
 
ไข่ของแมลงกัดวิญญาณที่มีอยู่มากมายสะท้อนใต้น้ำจนมีแสงสว่างรำไรขึ้นมา นางกระพริบตา มองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าท่ามกลางสายน้ำเบื้องหน้า เป็นรากขนาดใหญ่ของต้นไม้
 
 
สีรากของต้นไม้อ่อนกว่าน้ำสีดำอยู่บ้าง รากของมันเกี่ยวกระหวัดพันเข้าด้วยกัน เกรงว่าต่อให้ใช้คนนับสิบคนก็ยังไม่อาจล้อมรากไม้เหล่านี้ได้รอบ
 
 
บนรากมีไข่หนอนของแมลงกินวิญญาณอยู่ไม่น้อย พอมองดูให้ละเอียดถึงได้เห็นว่าไข่หนอนเหล่านั้นกำลังฝังตนเข้าไปในรากของต้นไม้
 
 
มิใช่….แต่เป็นถูกรากไม้ดูดกลืนเข้าไป!
 
 
ไข่หนอนที่กลมเกลี้ยงเหล่านั้นถูกดูดกลืนเข้าไปจนฟีบลง!
 
 
ยิ่งไปกว่านั้น ยังกลายเป็นเส้นแสงสีเงินจางๆ ไหลไปตามรากไม้ถูกดูดกลืนเข้าไปเรื่อยๆ
 
 
ไม่เพียงแต่แมลงวิญญาณเหล่านั้น แม้แต่พอจระเข้ยักษ์เข้าไปใกล้ ตู๋กูซิงหลันเองก็รู้สึกได้ถึงแรงดึงดูดมหาศาลจากรากไม้กำลังดึงดูดพวกนางเข้าไปใกล้ขึ้นเรื่อยๆ
 
 
นางกำสายบังเ**ยนของจระเข้ยักษ์จนแน่นกว่าเดิม เปลี่ยนทิศทางของเจ้าจระเข้ยักษ์ ให้มันว่ายสูงขึ้นไป
 
 
จระเข้ยักษ์อ้าปากขึ้นมา ในลำคอของมันมีรอยประทับที่ฝังลึกอยู่ มันส่งเสียงร้องคำรามครั้งหนึ่ง สะบัดหางออกไป จนสะท้านไปทั้งร่างจึงค่อยๆว่ายขึ้นไปด้านบน
 
 
ตู๋กูซิงหลันขาดอากาศอย่างรุนแรงแล้ว ในศีรษะมีแต่เสียงวิ้งวั้งดังไปหมด
 
 
แต่ว่ามือของนางยังกำบังเ**ยนที่ทำจากเสื้อคลุมของจีเฉวียนเอาไว้อย่างแนบแน่น
 
 
นางยังตายไม่ได้!
 
 
พื้นน้ำห่างจากผิวน้ำเพียงสามสิบกว่าเมตรเท่านั้น แต่กว่าที่ตู๋กูซิงหลันจะถูกจระเข้ยักษ์พาขึ้นสู่ผิวน้ำกลับรู้สึกว่านานจนเหมือนได้เกิดใหม่ก็ไม่ปาน
 
 
ร่างเปียกชื้นไปทั้งตัว หนาวจนสั่นสะท้าน ใบหน้าของนางแดงก่ำ การขาดอากาศนานทำให้สมองของนางมีแต่เสียงวิ้งๆอยู่ตลอดเวลา
 
 
นางอ้าปากหอบหายใจเข้าไป อากาศที่เข้าไปในปากมีแต่กลิ่นคาวเลือด
 
 
ตู๋กูซิงหลันหอบหายใจอยู่หลายครั้ง ค่อยรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง เสียงวิ้งวั้งที่ดังอยู่ในสมองค่อยๆบรรเทาลงไป
 
 
พอลืมตาขึ้นมา ก็เห็นว่าเบื้องหน้าคือต้นไม้สีดำทะมึนขนาดใหญ่
 
 
ต้นไม้นี้งอกอยู่บนน้ำตก มันผุดขึ้นมาจากใต้ผืนน้ำสีดำ รากที่ยืดยาวเหยียดขยายไปจนครอบคลุมบริเวณที่เป็นน้ำตกทั้งหมด
 
 
แสงสีเงินที่เลือนรางไหลไปตามรากจนขึ้นไปบนลำต้น
 
 
จากนั้นก็ขึ้นไปจนถึงปลายกิ่งทำให้ใบทั้งหมดของมันมีแสงสีเงินวับวาว
 
 
ท่ามกลางความมืดมิด มีแต่เพียงแสงสว่างสีเงินที่งดงามนี้เท่านั้น แสงนั้นทั้งนุ่มนวลและสวยงาม ส่องจนรอบด้านสว่างเรืองรองขึ้นมา
 
 
ที่ใต้ต้นไม้ เต็มไปด้วยดอกบัวสีดำมากมาย บนกลีบดอกตรงใจกลางดอกบัว เต็มไปด้วยไข่ของแมลงกินวิญญาณ
 
 
แสงสว่างเรืองรองส่องประกายออกมาจากไข่หนอนเหล่านั้น คล้ายดั่งเป็นไข่มุกใต้ท้องทะเล งดงามจนต้องหยุดหายใจ
 
 
อากาศบริเวณรอบๆต้นไม้ใหญ่บริสุทธิ์สะอาดขึ้นมาก
 
 
ตู๋กูซิงหลันยืนอยู่บนหลังของจระเข้ยักษ์ มองดูภาพตรงหน้า อย่างที่อดจะตื่นตะลึงไม่ได้
 
 
ใครจะไปคิดว่า ใต้หุบเหวไร้ก้น จะมีทัศนียภาพเช่นนี้
 
 
นางเงยหน้าขึ้นมา ปาดเช็ดหยดน้ำสีดำบนใบหน้า หยิบเศษผ้ากางเกงของจีเฉวียนใส่เข้าไปในอกเสื้อ
 
 
ตอนมองอย่างผิวเผิน ก็คิดว่าต้นไม้บิดโค้งจนผิดรู้ ตอนนี้ถึงได้รู้ว่ามันเหมือนกับมังกรยักษ์ตัวหนึ่ง
 
 
กิ่งก้านที่สูงเขียวชะอุ่มที่สุดสองกิ่งนั้น ก็คือ ‘เขามังกร’ ของมัน
 
 
มันกำลังดูดซับพลังวิญญาณจากไข่หนอน!
 
 
หรืออาจจะบอกได้ว่า เหล่าแมงกินวิญญาณที่อยู่ด้านนอกนั่นก็คือเครื่องมือของต้นไม้ต้นนี้…..มิว่าสิ่งใดก็ตามที่ตกลงมาในหุบเหวไร้ก้นแห่งนี้ ขอเพียงเป็นสิ่งที่มีชีวิตและจิตวิญญาณ พอถูกแมลงกินวิญญาณกัดกินแล้ว ก็จะกลายเป็นไข่ จากนั้นก็จะถูกต้นไม้ต้นนี้ดูดซับไป
 
 
ถึงแม้ว่าตู๋กูซิงหลันจะเคยเห็นสิ่งต่างๆมามากมายแต่ว่าก็ไม่เคยเห็นต้นไม้เช่นนี้มาก่อนเลย
 
 
ดูราวกับมังกรมีชีวิตที่กลายเป็นต้นไม้ไปแล้ว!
 
 
จระเข้ยักษ์หยุดอยู่ตรงนี้ ถึงแม้ว่าจะถูกยันต์หุ่นเชิดของตู๋กูซิงหลันบีบคั้นอย่างไรก็ไม่ยอมขยับไปข้างหน้าอีกแล้ว
 
 
ทั้งๆที่มันเป็นผีดิบแต่ว่าดวงตาที่เหมือนกับดวงตาของปลาตายทั้งคู่ก็ยังแสดงความหวาดกลัวออกมา
 
 
มิว่าตู๋กูซิงหลันจะทำเช่นไรกับมัน มันก็ไม่ยอมขยับไปไหนอีก
 
 
ตู๋กูซิงหลันจึงมิได้บีบบังคับมันอีกต่อไป
 
 
บริเวณรอบๆต้นไม้มีพื้นดินอยู่บ้าง ด้านบนยังมีหญ้าที่สูงถึงครึ่งตัวคน
 
 
นางสั่งให้จระเข้ยักษ์ไปที่ริมตลิ่ง ค่อยพลิกตัวลงไป
 
 
นางไม่ได้คลายสะกดของยันต์หุ่นเชิดให้กับมัน แต่ใช่เสื้อผ้าที่ถักเป็นบังเ**ยนนั้นล่ามมันเอาไว้กับพุ่มไม้พุ่มหนึ่ง
 
 
เจ้าจระเข้ยักษ์ใช้ตาปลาตายของมันมองมาที่นางด้วยท่าทางน่าสงสารราวกับสุนัขตัวหนึ่ง
 
 
ตู๋กูซิงหลันใช้มือตบลงไปบนตะปุ่มตะป่ำที่อยู่บนหัวอันใหญ่โตของมัน เอ่ยคำหนึ่งว่า “รออยู่นี่ดีๆ”
 
 
เมื่ออยู่ในหุบเหวไร้ก้นบึ้งนางยังจำเป็นต้องใช้พาหนะสำหรับเดินทาง วิญญาณทมิฬเป็นเพียงแค่ร่างจิต นางไม่อาจฝากความคาดหวังอะไรได้ เจ้าจระเข้ยักษ์ตัวนี้จึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
 
 
ว่าแล้วก็ไม่ลืมเอ่ยกับวิญญาณทมิฬว่า “เจ้าจระเข้น้อยนั่นก็น่ารักดีนะ”
 
 
วิญญาณทมิฬมองดูเจ้าจระเข้ยักษ์ที่ตัวแข็งเหมือนกับผีดิบนั่นแวบหนึ่ง ก็ไม่อาจทำความเข้าใจได้ว่ามัน ‘น่ารัก’ ที่ตรงไหน
 
 
จระเข้ยักษ์ขยับตัวไปมาอยู่หลายครั้ง แต่ในเมื่อหนีไปไหนไม่รอดจึงล้มเลิกที่จะดิ้นรน กลับตัวไปนอนรออยู่ในคูน้ำตื้นๆ ดูท่าท่างไร้ทางเลือก
 
 
ท่ามกลางกอหญ้าสูงท่วมเอว ตู๋กูซิงหลันก็บังเอิญคลำไปเจอบางสิ่งแข็งๆเย็นๆที่นางรู้สึกคุ้นเคยเข้าพอดี
 
 

 
 

 
 
……………………………………………….
 
 
ตอนต่อไป “เจ้าก็คือซิงซิงผู้นั้น?”

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset