ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง – ตอนที่ 590

ซูเยาถึงกับต้องขบคิดปัญหาข้อนี้อย่างจริงจัง ทำไมเขาถึงได้รู้สึกว่าปัญหาข้อนี้มันมีอะไรๆพิกลอยู่  
 
 
จิ้งจอกอย่างเขามันช่างน่าสงสารเสียจริงๆ อาหลันไปชอบผู้อื่นที่ไม่ใช่เขา เขายังจะต้องมาช่วยเจ้าพวกนี้ชี้ชัดว่าอาหลันชอบใครอีก อย่างนั้นหรือ?  
 
 
ถ้าทำเกรงว่าสมองของเขาคงจะมีแต่น้ำแล้ว!  
 
 
คราวนี้ ซูเยาถึงกับมองด้วยสายตาเย็นยะเยือก พลางเอ่ยออกมาว่า “อยากจะต่อยกันสักหน่อยใช่ไหม?”  
 
 
ดวงตาจิ้งจอกคู่นั้นปลุกไอสังหารขึ้นมาในทันที  
 
 
ว่าตามจริงแล้ว เขาก็อยากจะต่อยเจ้าผู้นี้สักรอบหนึ่ง ต่อให้บนร่างของเขาจะต้องมีรอยแผลเป็นสักหลายรอย แต่ก็ถือว่ายังได้ระบายความแค้นออกมา  
 
 
ตอนที่อยู่ในโลกปัจจุบัน เนื่องเพราะว่าอาหลันดีต่อเขา คอยอยู่ข้างกายเขาทุกวัน ตกกลางคืนก็นอนด้วยกันบนเตียง ดังนั้นไอ้แก่ที่ไม่ยอมตายซื่อมั่วถึงได้อิจฉาตาร้อน  
 
 
และเพราะว่าทั้งอิจฉาและริษยาสุดชีวิต ถึงได้จับเขาที่เป็นเพียงจิ้งจอกตัวหนึ่งโยนลงไปในวงล้อวัฏสงสาร  
 
 
ตอนนั้น เป็นเพราะว่าเขาไม่ทันได้ระมัดระวังตัว หากว่าบังเอิญไปเกิดเป็นวัวเป็นหมาเป็นหมูมิเท่ากับว่าอนาถหนักหรอกหรือ?  
 
 
ยังโชคดีที่เขามีดาวนำโชคคุ้มครอง ถึงได้เกิดเป็นมนุษย์ พื้นฐานครอบครัวก็นับว่าไม่เลว อย่างน้อยๆก็ยังเป็นจวนอ๋องแห่งหนึ่ง  
 
 
แต่ใครเลยจะคิดว่า ยามที่อยู่ในแคว้นต้าโจว เขาจะได้บังเอิญเจอกับอาหลันอีกครั้ง  
 
 
อย่างน้อยๆก็นับว่า ท่ามกลางการกระทำที่เหมือนไม่ใช่มนุษย์เขาทำกัน ซื่อมั่วยังได้ทำเรื่องที่มีมนุษยธรรมอยู่บ้าง  
 
 
ซูเยากระพริบขนตาถี่ๆคิดไปถึงช่วงเวลายามที่อยู่ในแคว้นเหยียนกับตู๋กูซิงหลัน มุมปากก็อดที่จะโค้งขึ้นมาน้อยๆไม่ได้  
 
 
ชาติก่อนเขาได้อยู่ในสวนกุหลาบกลางหุบเขาปีศาจกับนาง ชาตินี้ยามที่อยู่ในวังหลวงของแคว้นเหยียนกับนางเป็นช่วงเวลาที่เขามีความสุขที่สุด และก็พึงพอใจที่สุดด้วย  
 
 
เมื่อได้มีวันเวลาเช่นนี้ ก็นับว่าเป็นความสุขแล้ว  
 
 
ท่านเจ้าสำนักเห็นเขาประเดี๋ยวก็คิดจะต่อยตีประเดี๋ยวก็ยิ้มออกมา หางจิ้งจอกทั้งเก้าเส้นที่ด้านหลังก็โบกสบัดซ้ายๆขวาๆไม่มีหยุด อยู่ๆเขาก็พลันรู้สึกว่ากำลังถูกท้าทายอยู่  
 
 
“จิ้งจอกขี้อ่อย สู้ข้าไม่ได้หรอก” ท่านเจ้าสำนักเอ่ยอย่างมีความมั่นใจ  
 
 
จากนั้นก็ยังเสริมอีกประโยคหนึ่งว่า “ศิษย์น้อยชื่นชอบสิ่งที่มองดูแล้วสวยงามสบายตา หากว่าข้าต่อยเจ้าจนไม่น่าดู นางก็จะไม่พอใจ”  
 
 
หากว่ากันตามรสนิยมทางสายตาของเด็กน้อย เจ้าตัวที่อยู่ตรงหน้านี้ก็นับว่าสวยงามอยู่เหมือนกัน  
 
 
ศิษย์น้อยชมชอบทองคำ ชมชอบคนงาม เขาย่อมไม่อาจทำลาย หากว่าเสียโฉมไป ศิษย์น้อยคงจะโกรธขึ้นมา  
 
 
ซูเยา “…..” คนผู้นี้มีปัญหาจริงๆ!  
 
 
อะไรคือสบายตา ไม่สบายตา ช่วยพูดให้มันเป็นภาษาคนหน่อยได้ไหม?  
 
 
มุมปากของเขาแสยะแยกเขี้ยวออกมา จนมองเห็นเขี้ยวจิ้งจอกที่แหลมคม  
 
 
ท่านเจ้าสำนักเองก็อดทนไม่ไหว ต่อยหมัดออกไปในทันที  
 
 
ซูเยากำลังคิดจะหลบ แต่พลันเหลือบไปเห็นเงาร่างสีแดงที่พุ่งเข้ามาทางหน้าต่าง  
 
 
เขารีบเก็บสีหน้าและท่าทางที่ไม่น่าดูอย่างรวดเร็ว นั่งตัวตรงดุจพู่กัน  
 
 
หมัดนั้นของท่านเจ้าสำนักเองก็พุ่งออกไป ขณะที่เข้าไปใกล้เขาก็รู้สึกถึงบางสิ่งขึ้นมา ก่อนที่หมัดจะสัมผัสกับใบหน้าของซูเยาจึงหยุดลงอย่างกระทันหัน  
 
 
แม้แต่พลังที่ปล่อยออกมาพร้อมกับหมัดก็ยังดึงกลับไป จนเหลือแต่เพียงเสียงลมเท่านั้น  
 
 
ท่านเจ้าสำนักทำสีหน้าเย็นชา ดวงตาหงส์เย็นยะเยือกอย่างที่สุด  
 
 
“คิดจะเล่นตลกกับข้าหรือยังไง?”  
 
 
ซูเยากลับไม่ยอมตอบเขา ในตอนที่เงาสีแดงพุ่งเข้ามานั้น เขาก็พุ่งตัวเข้าหาหมัด  
 
 
“ตึ้ง!” ได้ยินเสียงดังลั่น  
 
 
จากนั้นก็มีเสียงกระดูกหักตามมา  
 
 
ตอนที่ตู๋กูซิงหลันมาถึงก็ได้เห็นสภาพเช่นนี้เข้าพอดี  
 
 
จากมุมมองที่นางอยู่ หมัดนั้นเป็นท่านเจ้าสำนักต่อยใส่ใบหน้าของซูเยาอย่างเต็มๆ  
 
 
นางยังคงแบกพี่รองของตนเองเอาไว้บนบ่า พอเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ก็พลันตกตะลึงไป  
 
 
คราวนี้สายตาของนางหันหยุดมองที่ร่างของซูเยา  
 
 
นางประหลาดใจ ดวงตาก็พลันมีประกายเจิดจ้าขึ้นมา ยังไม่ทันที่นางจะเอ่ยปาก ซูเยาชิงลุกขึ้นมาก่อน จากนั้นก็กุมใบหน้าเอาไว้ครึ่งหนึ่ง สาวเท้าตรงมาที่ข้างกายของนาง  
 
 
“อาหลัน เขาต่อยข้า!”  
 
 
ดวงตาจิ้งจอกที่เมื่อคู่ยังกลิ้งกลอก ตอนนี้กลับเปลี่ยนเป็นน่าสงสาร  
 
 
“อาหลัน กว่าที่ข้าจะตามหาเจ้าจนเจอนั้นไม่ง่ายเลย เจ้าตัวแสบนี้กลับต่อยข้า จะหลบก็หลบไม่ทัน!”  
 
 
ซูเยายืนอยู่ข้างกายนาง ชี้นิ้วไปทางท่านเจ้าสำนัก  
 
 
ท่านเจ้าสำนัก “เมื่อครู่เจ้ายังบอกอยู่เองว่าไม่อยากเจอนาง”  
 
 
หากว่าเขาจำไม่ผิดล่ะก็ เจ้าจิ้งจอกขี้อ่อยนี้ต้องการจะปิดบังอาหลัน  
 
 
ซูเยากระทืบเท้า น้ำเสียงก็เอ่ยอย่างเจ็บช้ำ “อาหลัน เจ้าดูสิ เจ้าตัวแสบนี้คือก้อนหินขวางทางการกลับมาพบกันของพวกเรา!”  
 
 
ท่านเจ้าสำนัก “ข้าไม่ใช่ตัวแสบ ข้าคือจีต้าฉุย”  
 
 
ตอนนี้ แม้แต่ตู๋กูซิงหลันก็พูดอะไรไม่ออก  
 
 
วันนี้ยามกลางวันพอได้เห็นปีศาจสุนัขน้อย เดิมทีนางก็คิดจะเสาะหาพวกปีศาจมาช่วยนางตามหาจิ้งจอกน้อย คิดไม่ถึงว่าจะได้พบกันอย่างรวดเร็วเช่นนี้  
 
 
ตอนแรกนางก็ดีใจอยู่หรอก แต่เพราะเรื่องของพี่รองที่ถูกพิษไร้ยาถอน ทำให้นางดีใจไม่ออก  
 
 
ตอนนี้ยังมาเห็นเจ้าจิ้งจอกน้อยกับฉุยซือทะเลาะกันอีกจึงยิ่งไม่ยินดี  
 
 
อยู่ๆนางก็คิดไปถึงภาพของ เสี่ยวเฉวียนเฉวียนกับซูเยา และท่านอาจารย์กับเจ้าจิ้งจอกน้อย  
 
 
นับตั้งแต่ที่นางเก็บเจ้าจิ้งจอกน้อยกลับไปเลี้ยงดูที่สวนกุหลาบ ท่านอาจารย์ก็ดูเหมือนจะไม่ชอบมันอย่างมาก  
 
 
หลังจากนั้นมันก็กลายเป็นซูเยา และปรากฏตัวขึ้นที่ต้าโจวได้อย่างไร นางก็ยังไม่เข้าใจชัดเจน  
 
 
แต่ก็รู้สึกได้ว่าระหว่างทั้งสองเหมือนจะมีอะไรที่ไม่ถูกต้องสักอย่าง  
 
 
ซูเยายังคงร้องไห้กระซิกๆอยู่ที่ข้างกายตู๋กูซิงหลันด้วยท่าทางราวดอกบัวขาวที่เจ็บช้ำเพราะโดนรังแก  
 
 
แถมใบหน้าที่งดงามนั้นยังได้รับบาดเจ็บ ทำให้คนเห็นแล้วก็ยิ่งรู้สึกสงสาร  
 
 
“ศิษย์น้อย อาจารย์ไม่ต่อยคน” พอท่านเจ้าสำนักเห็นซูเยาไปออเซาะอยู่ที่ข้างกายศิษย์น้อยของตนเอง ก็พูดโพล่งอธิบายออกมาคำหนึ่ง  
 
 
ซูเยาหัวเราะเสียงเย็นชา “ จีต้าฉุย เมื่อครู่เจ้าพึ่งจะต่อยข้าไปครั้งหนึ่งจริงๆ”  
 
 
ตู๋กูซิงหลัน “? ? ?” ไม่ใช่สิน้องชาย ทำไมเจ้าถึงได้สามารถเรียกเขาว่าจีต้าฉุยได้อย่างคล่องปากขนาดนั้น?  
 
 
ประเด็นของนางมันผิดเพี้ยนไปหน่อยหรือไม่?  
 
 
ท่านเจ้าสำนักไม่แม้แต่จะมองดูซูเยาเลยสักนิด เพียงเอ่ยอย่างเย็นชาว่า “อาจารย์เพียงฆ่าคนเท่านั้น”  
 
 
ตู๋กูซิงหลัน “! ! !”  
 
 
ชั่วขณะนั้น นางพลันรู้สึกขึ้นมาว่า ในแววตาของทั้งสองมีประกายไฟพวยพุ่งออกมา  
 
 
จนตู๋กูซิงหลันรู้สึกได้ว่าในอากาศมีกลิ่นควันไฟแล้ว  
 
 
แสงจากแววตาของพวกเขาเอาจริงเอาจังจนถึงขนาดทำให้พี่รองที่สลบไสลจนนางต้องแบกเอาไว้บนหลังร้อนจนแทบจะถูกเผาขึ้นมา  
 
 
พี่รองทนไม่ไหวจนกระอักเลือดออกมาอีกครั้ง  
 
 
ทำเอาแผ่นหลังของตู๋กูซิงหลันเปียกชุ่มไปหมด  
 
 
“น้องเล็ก…..ข้า….”  
 
 
เขาโบกมือโบกไม้ พูดอะไรไม่ทันได้ใจความ ท่านเจ้าสำนักก็เดินเข้ามาด้วยสีหน้าเรียบเฉย จับคนหิ้วตัวขึ้นมา  
 
 
ถึงแม้ว่าตู๋กูเจวี๋ยจะไม่ใช่คนบึกบึน แต่อย่างน้อยๆก็ต้องหนักร้อยสามสิบกว่าชั่ง (ประมาณ 70กิโล)  
 
 
ตอนนี้กลับถูกเขาหิ้วขึ้นมาราวกับลูกไก่น้อยตัวหนึ่ง  
 
 
ดวงตาหงส์คู่นั้นกวาดมองดูตู๋กูเจวี๋ยด้วยแววตาเย็นชารอบหนึ่ง  
 
 
พลางเอ่ยออกมาอย่างช้าๆว่า “ใกล้ตายแล้ว”  
 
 
ตู๋กูเจวี๋ย “ข้าคิดว่ายังพอจะยืดชีวิตได้อยู่…..”  
 
 
…………………..  

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset