ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง – ตอนที่ 592 ก่อนตายก็ลากเอาเบาะรองไปด้วย

ใบหน้าที่เคยถูกเพลิงเผาเผลาญอย่างรุนแรง อัปลักษณ์จนคนต้องหวาดผวา  
 
 
ด้ายแดงที่เย็บลำคอให้ติดกันจนรอบ ตอนนี้ค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีดำอย่างช้าๆ  
 
 
พอลำคอของเขาขยับเบาๆ ก็สามารถมองเห็นได้เลยว่าผิวเนื้อใต้ลำคอกำลังจะพลิกออกมา ยิ่งเมื่อประกอบกับใบหน้านั้น ก็เกินพอทำให้กระเพาะลำไส้ของผู้คนติดขัดไปหมดแล้ว  
 
 
คนหนุ่มผู้นั้นขมวดหัวคิ้ว สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นย่ำแย่ขึ้นมา  
 
 
เขามีเส้นผมสีดำอมน้ำเงินเข้มทั่วทั้งศีรษะ ทั้งยังมีดวงตาสีครามที่งดงามคู่หนึ่ง เพียงแต่ว่าในตอนนี้ ดวงตาคู่นั้นมีแต่ความชิงชังและรังเกียจ  
 
 
“ไหมมัดชีพ ใต้เท้ายินยอมใช้กับร่างของเจ้า เจ้าสมควรสำนึกในบุญคุณและตอบแทนด้วยภักดีจึงจะถูก” ผ่านไปอีกพักใหญ่ เขาถึงได้กดความรังเกียจนั้นลงไปได้สำเร็จ แม้แต่น้ำเสียงก็เย็นชาขึ้นกว่าเดิมอีกหลายส่วน  
 
 
ฟ่านอิงเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง หนุ่มน้อยผู้นี้เขาพึ่งจะเคยเจอเป็นครั้งแรก หน้าตานับว่าหล่อเหลาดีอยู่ เพียงแต่กลิ่นไอความเกลียดชังรุนแรง จนกระทั่งทำให้ปลายคิ้วยืดยาวและชี้อยู่เสมอ บนสวรรค์ก็มีคนที่ดูแล้วไม่ปกติเท่าไหร่เช่นนี้อยู่ด้วย?  
 
 
ถูกแล้ว หนุ่มน้อยผู้นี้แค่ดูก็รู้ว่าไม่ได้มีกลิ่นอายของแดนสวรรค์ ที่จริงแล้วบนร่างของเขายังมีกลิ่นอายที่ชั่วร้ายเสียด้วยซ้ำ  
 
 
ฟ่านอิงคิดๆดู แม้แต่คนที่ปีนป่ายกลับขึ้นมาจากความตาย คนผู้นั้นก็ยังรับเอาไว้ ก็คงไม่ต้องไปพูดถึงหนุ่มน้อยที่ดูเป็นปกติกว่าเขามากแล้ว  
 
 
“เจ้ามีนามว่าอะไร?”  
 
 
“นามที่เจ้าไม่คู่ควรจะได้รู้จัก” หนุ่มน้อยส่งสายตาเย็นชาให้กับเขา แม้ว่าเขาจะสวมใส่ชุดสีทองเอาไว้ทั้งร่าง แต่ว่าก็ไม่อาจปิดบังไอความมืดที่อยู่ในร่างของเขาได้อยู่ดี  
 
 
ว่าแล้ว หนุ่มน้อยผู้นั้นก็ขยับเข้ามาใกล้เขาอีกก้าวหนึ่ง “เรื่องที่ต้าซือมิ่งตายไป ใต้เท้าได้ทราบแล้ว ที่มาในครั้งนี้ เพียงต้องการตัวฮ่องเต้หญิงหญิงแห่งดินแดนโบราณ”  
 
 
ชายหนุ่มผู้นั้นก็ไม่คิดจะกล่าววาจาไร้สาระกับเขา เพียงแต่ว่ายามที่เอ่ยถึงฮ่องเต้หญิงแห่งดินแดนโบราณหลายคำนั้น เขาถึงกับแทบจะกัดฟันกรอด  
 
 
แม้ว่าจะอยู่ต่อหน้าฟ่านอิงก็ไม่ได้คิดจะปิดบังอะไร ราวกับว่าอย่างจะสับคนเป็นแปดส่วนให้จงได้  
 
 
ด้านหลังของเขามีคนยืนอยู่ห้าคน คนทั้งห้ามีบุคลิกอันสูงส่ง แน่นอนว่าพวกเขาย่อมไม่เห็นฟ่านอิงอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย  
 
 
ฟ่านอิงได้ยินแล้ว ก็หัวเราะเสียงเย็นชาออกมา “นางเป็นหลานสาวของข้า เกรงว่าคงต้องทำให้ทุกท่านผิดหวังแล้ว ไม่ให้”  
 
 
“เจ้า!” ชายหนุ่มผู้นั้นขุ่นเคืองในทันที!  
 
 
หลังโกรธเคืองก็คลี่ยิ้มออกมา แววตาของเขาดูโหดร้ายอย่างที่สุด “เดิมทีเห็นแก่ที่เจ้าถูกเลี้ยงดูมานานหลายปี ใต้เท้าคิดจะปล่อยเจ้าไป แต่ว่าตอนนี้ดูแล้ว เจ้ามันไม่รู้จักแยกแยะดีชั่ว ก็เป็นแค่ศพเน่าเหม็นของคนที่ตายไปแล้ว ยังคิดจะทำตัวเป็นวีรบุรุษปกป้องคนเอาไว้อีกหรือ?”  
 
 
“นางเป็นหลานสาวของเขา แน่นอนว่าย่อมต้องปกป้อง”  
 
 
คำพูดของฟ่านอิง กระตุ้นให้คนหนุ่มผู้นั้นขุ่นเคือง สามง่ามของเขากระแทกลงบนพื้นอย่างแรง เสียงแตกของพื้นดังสะท้อนลึกลงไป หอชมจันทราที่พึ่งจะฟื้นฟูได้บางส่วนถูกเขาใช้ด้ามกระแทกเพียงครั้งเดียวก็ทะลุลงไป  
 
 
ราวกับท่อนไม้ที่ถูกลิ่มกระแทกเข้าใส่ เจาะเข้าไปเพียงครั้งเดียวก็ทำให้ร้าวจนพังลงไปทั้งแถบ  
 
 
ใต้เท้าของฟ่านอิงกลายเป็นว่างเปล่า แต่เขาก็มิได้ร้อนรน เขาเพียงแต่มองดูเศษไม้ของหอชมจันทราปลิวไปในอากาศใต้แสงจันทร์ ดวงตาคู่นั้นมีแต่ความมืดมิดไร้ประกายใดๆ  
 
 
เขาเพียงปิดตาลงครู่หนึ่ง ปล่อยให้เศษไม้เหล่านั้นปลิวผ่านร่างกายออกไป  
 
 
ก็เหมือนกับอาเย่วในตอนนั้น  
 
 
ความแค้นถูกเก็บกดอยู่ในใจมานานตลอดหลายสิบปี ความสิ้นหวังและเจ็บปวดอยู่กับเขามาเนิ่นนานเหลือเกิน  
 
 
โลกทั้งใบของเขามีแต่สีดำมืด เห็นได้ชัดว่าคนที่จากไปเนิ่นนานแล้วผู้นั้น ก็คือแสงสว่างหนึ่งเดียวในใจของเขา  
 
 
ตลอดหลายปีมานี้ เขายังคงเฝ้าคิดถึง เฝ้ารัก และไม่อาจลืม  
 
 
หอชมจันทร์  
 
 
มองหาแต่เจียงเย่ว  
 
 
ตลอดหลายปีมานี้ เมื่อใดที่เขามีเวลาก็จะมาอยู่ที่นี่เพียงลำพัง เหมือนกับตอนหนุ่มๆ มีอาเย่วคอยอยู่ข้างกาย  
 
 
ตอนนี้หอชมจันทราไม่เหลืออยู่อีกแล้ว อาเย่วเองก็จากไปไกลแล้วละมั้ง  
 
 
บนท้องฟ้ายังคงมีสายฟ้าลงมาอยู่ไม่ขาด เกาะลอยฟ้าค่อยๆแตกออกเป็นส่วนๆ  
 
 
ฟ่านอิงหัวเราะออกมาอย่างขมขื่น ชั่วแวบหนึ่งเขาเหมือนรู้สึกว่าได้เห็นแสงสว่างสุดท้ายแตกสลายไป  
 
 
“หากเจ้าไม่มอบนางออกมา ข้าก็จะไปค้นด้วยตัวเอง” เสื้อผ้าสีทองบนร่างของบุรุษหนุ่มผู้นั้นพลิ้วไปในอากาศ หอกสามง่ามในมือชี้เข้าใส่ฟ่านอิง  
 
 
เขาดูสู่ส่งราวกับเทพที่มองลงมาเบื้องล่างจริงๆ “สำหรับใต้เท้าแล้ว สุนัขที่ไม่รู้จักความภักดีอย่างเจ้า ฆ่าทิ้งไปก็ไม่เป็นไร!”  
 
 
ใช่แล้ว เศษสวะที่ทั้งต่ำต้อยและอัปลักษณ์ผู้นี้ ไม่คู่ควรจะได้เป็นสุนัขรับใช้ของใต้เท้าเสียด้วยซ้ำ  
 
 
“ฆ่ามันทิ้ง แล้วนำไหมมัดชีพของใต้เท้ากลับมา” บุรุษหนุ่มผู้นั้นออกคำสั่ง จะจัดการกับคนชั้นต่ำเช่นมัน ไม่จำเป็นจะต้องให้เขาลงมือ  
 
 
จุดประสงค์ของเขาคือนำฮ่องเต้หญิงผู้นั้นกลับไป แล้วทรมานจนตาย  
 
 
นั้นคือสิ่งที่ตู๋กูซิงหลันติดค้างเขาอยู่!  
 
 
ทันทีที่สิ้นเสียงก็เห็นผู้คนที่อยู่ด้านหลังเขาแยกย้ายกันออกมารายล้อมฟ่านอิงเอาไว้  
 
 
ส่วนเขาก็เพียงขยับปลายเท้า ในมือพลันปรากฏกระเรียนกระดาษขึ้นมาตัวหนึ่ง กระเรียนกระดาษตัวนั้นบินออกไปเสาะหาตู๋กูซิงหลันในทิศทางที่นางอยู่ทันที  
 
 
บุรุษหนุ่มหัวเราะออกมาอย่างเย็นชาคำหนึ่ง เขากระชับหอกสามง่ามในมือจนแน่น  
 
 
ขณะที่เขากำลังจะติดตามกระเรียนกระดาษไป ก็ได้ยินเสียงฟ่านอิงหัวเราะขึ้นมา  
 
 
“ข้าบอกแล้วไม่ใช่หรือว่า นางเป็นหลานสาวตัวน้อยของข้า แตะต้องไม่ได้?”  
 
 
น้ำเสียงของเขาบาดหู และหยาบกระด้างอย่างยิ่ง  
 
 
บุรุษหนุ่มชะงักไปครู่หนึ่ง ยังไม่ทันที่เขาจะหันกลับมา เขาก็รู้สึกได้ว่าที่ด้านหลังมีพลังดึงดูดที่รุนแรงขุมหนึ่ง  
 
 
พอหันไปดู ก็เห็นว่าที่เหนือศีรษะของฟ่านอิง อยู่ๆก็มีลูกบอลสีดำขนาดใหญ่โผล่ขึ้นมา  
 
 
ลูกบอลสีดำลูกนั้นเดิมทีมีขนาดเพียงใบหน้า แต่ว่าในช่วงเวลาเพียงครู่เดียวก็ขยายขนาดจนใหญ่โตเท่ากับครึ่งห้อง จากนั้นก็ใหญ่ขึ้นจนมีขนาดเท่าหอชมจันทรา  
 
 
แรงดึงดูดมหาศาลมาจากสิ่งนั้นนั่นเอง  
 
 
แม้แต่แสงสว่างก็ยังถูกดูดเข้าไป!  
 
 
เหล่าคนที่เดิมทีมาพร้อมกับเขา เพียงแค่ครู่เดียวก็ถูกลูกบอลยักษ์นั้นดึงดูดเข้าไป  
 
 
ขณะที่พวกเขาถูกดูดเข้าไปนั้น บุรุษหนุ่มได้เห็นกับตาว่าคนเหล่านั้นถูกลูกบอลสีดำบดขยี้เป็นชิ้นๆ จากนั้นก็ดูดกลืนเข้าไป  
 
 
เขารีบถอยห่างออกจากลูกบอลสีดำไปอีกช่วงหนึ่ง จดจ้องไปที่ฟ่านอิงด้วยความโกรธเกรี้ยว “คนชั้นต่ำอย่างเจ้า ถึงกับกล้าลงมือกับคนของสวรรค์? รู้หรือไม่ว่าผลลัพธ์คืออะไร?”  
 
 
“ดวงจิตแตกสลาย ไม่อาจฟื้นคืนตลอดกาล!”  
 
 
เขาคิดไม่ถึงจริงๆว่า เจ้าคนชั้นต่ำที่อัปลักษณ์ถึงเพียงนี้ ยังจะกล้าลงมือกับพวกเขา!  
 
 
สมควรรู้ไว้ว่า พวกเขาคือผู้ติดตามของใต้เท้า  
 
 
ส่วนเขานั้นยิ่งเป็น……  
 
 
“ก่อนตายได้ลากเบาะรองสักหลายๆคนไปด้วย ถือว่าไม่ขาดทุน” ฟ่านอิงยืนอยู่ใต้ลูกบอลสีดำ ใบหน้าที่น่ากลัวและอัปลักษณ์ของเขาเผยออกมาอย่างชัดเจน  
 
 
ตลอดร่างของเขาทั้งบนล่างไม่มีหมอกสีดำใดๆทั้งสิ้น ทำให้คนสามารถมองเห็นได้อย่างแจ่มแจ้งชัดเจน  
 
 
ตลอดหลายปีมานี้ เขาเอาแต่ซ่อนตนเองเอาไว้ในหมอกสีดำ แต่ว่าวันนี้ พอสลายหมอกสีดำออกไป เขากลับรู้สึกว่า ร่างกายเบาสบายกว่าเดิม  
 
 
หลันหลันมีแค้นกับชาวสวรรค์ ข้อนี้เขารู้ดี  
 
 
มิเช่นนั้น สวรรค์คงไม่ส่งคนพวกนี้ลงมาเสาะหานางโดยเฉพาะ  
 
 
ในใจของฟ่านอิงมีความปวดร้าวอยู่จางๆ เพราะนางไม่เชื่อถือเขา จึงมิได้บอกเรื่องราวทั้งหมดให้เขารู้  
 
 
แต่ว่า…..เมื่อได้เห็นใบหน้าของนาง เขาก็ไม่คิดจะหาเหตุผลใดๆมาครุ่นคิดอีกแล้ว  
 
 
นางคือทายาทของอาเย่ว เขาก็จะถือว่า ต้องปกป้องนางเสมือนนางคือทายาทของตนเองเช่นกัน   
 
 
“เจ้ามันบ้าไปแล้ว!” บุรุษหนุ่มผู้นั้นตื่นตระหนกขึ้นมา ลูกบอลสีดำกดดันเข้ามา จนคนอึดอัดหายใจไม่ออก  
 
 
……………………..  

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset