ภายในห้องฮว๋ายยู่รู้สึกว่าจิตใจไม่ค่อยสงบสักเท่าไรนัก ช่วงนี้นางได้รับแรงกดดันมากเกินไป
ตอนนี้ทั่วทั้งแดนสวรรค์ล้วนถูกซือเป่ยควบคุมเอาไว้หมดแล้ว นางอยากจะไปเฝ้าเทียนตี้สักเล็กน้อยก็ยังยาก ความเคลื่อนไหวทุกอย่างของนางถูกจำกัดอยู่แต่ในตำหนักเทพสงคราม
หยูเอ๋อร์ออกไปข้างนอกตั้งแต่เช้าตรู่ จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่กลับมา
นางตามหาไปทั่วตำหนักเทพสงครามแล้วรอบหนึ่งก็ยังไม่เจอคน
ขณะที่กำลังจะกลับไป ก็เห็นในมุมมืดแห่งหนึ่งมีเสียงประหลาดที่ไม่ค่อยเหมาะสมนักดังออกมา
เหล่าเทพในแดนสวรรค์ มีอยู่มากมายที่จับคู่กันฝึกฝนวิชาซวงซิว การจะมีอะไรกันจึงมิใช่เรื่องใหญ่อะไร
นางหยุดฝีเท้าลง ไม่อยากจะไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง แต่พอกำลังจะหมุนกลับ ก็ได้ยินเสียงอ่อนหวานของสตรีเอ่ยออกมาว่า “จ้านเสินเกอเกอ (พี่ชายเทพสงคราม) ในที่สุดข้าก็ได้เป็นสตรีของท่านแล้ว”
ขณะที่เสียงนั้นลอยเข้ามากระทบใบหู พริบตานั้น หัวใจของฮว๋ายยู่รู้สึกเหมือนโดนดาบแทงลงไปอย่างแรง
เสียงนั่นคือ?
สีหน้าของนางเปลี่ยนเป็นเขียวคล้ำ นางสาวเท้าไปยังเบื้องหน้าอย่างรวดเร็วอย่างไม่อาจควบคุมจนถึงจุดที่มีมุมมืดสีดำ
หยูเอ๋อร์กำลังเสพสุขกับสิ่งที่ซือเป่ยมอบให้นาง
แม้ว่าที่จริงนางจะต้องทุกข์ทรมานเพราะพลังวิญญาณทั้งหมดในร่างถูกดูดซับออกไป แต่ว่าในความทุกข์ทรมานนั้นก็ยังแฝงเอาไว้ด้วยความสุขสม นั้นเป็นความรู้สึกที่แสนจะซับซ้อนและสับสน เอาเป็นว่านางพอใจก็แล้วกัน
แม้กระทั่งเมื่อฮว๋ายยู่เกือบจะไปถึงตรงหน้าของคนทั้งสองอยู่แล้ว ตี้หยูเอ๋อร์ก็ยังคงไม่รู้สึกตัว
นางบิดกายไปมา กอดก่ายเคลื่อนไหวอยู่ในอ้อมอกของซือเป่ย ภาพที่ปรากฏอยู่นั้นเปิดเผยสู่สายตาของฮว๋ายยู่อย่างหมดเปลือก
ส่วนซือเป่ยนั้นหันหน้าให้กับฮว๋ายยู่ และแม้ว่าจะมองเห็นฮว๋ายยู่แล้ว เขาก็ยังไม่หยุดความเคลื่อนไหว แต่กลับเพิ่มความรุนแรงทารุณตี้หยูเอ๋อร์ยิ่งขึ้นไปอีกด้วยซ้ำ
ส่วนตี้หยูเอ๋อร์กลับจมดิ่งอยู่ในความสุขสำราญ
ฮว๋ายยู่เห็นภาพทั้งหมด ใบหน้าที่เดิมเป็นสีเขียวคล้ำ ตอนนี้ถึงกับปราศจากสีเลือดไปแล้ว
นางตัวสั่นสะท้าน โกรธเคืองจนแทบจะกระอักเลือดออกมา
ครู่หนึ่ง นางถึงได้ตะโกนออกไปว่า “พวกเจ้ากำลังทำอะไร?!”
ตี้หยูเอ๋อร์ถูกเสียงตะโกนของนางฉุดออกมาจากความสำราญ นางหันหน้ากลับไป ร่างสั่นสะท้าน
“หมู่…หมู่โฮ่ว!”
ครู่ใหญ่ ตี้หยูเอ๋อร์ถึงได้หาเสียงของตนเองเจอ
แต่ช่างน่าเสียดาย ตอนนี้นางรู้สึกหมดกำลัง พลังวิญญาณในร่างถูกสูบออกไปมากเกินไป ตอนนี้แม้แต่จะพูดนางก็หายใจไม่ทัน
ซือเป่ยกลับสงบนิ่ง เขากับตี้หยูเอ๋อร์ยังคงพัวพันกันอยู่ ทั้งยังไม่คิดจะขยับออกเลยสักนิด
“ก็อย่างที่เทียนโฮ่วทรงเห็นแล้ว ว่าธิดาของท่านเป็นฝ่ายโถมเข้ามาในอ้อมอกของข้าเอง”
เพราะเห็นซือเป่ยเอ่ยอย่างสงบนิ่ง ตี้หยูเอ๋อร์จึงเอ่ยอย่างร้อนใจขึ้นมา นางรีบบอกกับฮว๋ายยู่ว่า “หมู่โฮ่ว ข้ารักจ้านเสินเกอเกอด้วยใจจริง ตอนนี้ข้าวสารก็กลายเป็นข้าวสุกไปแล้ว ท่านโปรดอนุญาตให้พวกเราอยู่ด้วยกันเถอะนะ”
“รอให้…รอให้ฟู่หวังทรงฟื้นขึ้นมา ก็ค่อยขอให้พระองค์พระราชทานสมรสให้ข้ากับจ้านเสินเกอเกอดีไหม?”
ซือเป่ยยังอยู่ในร่างของนาง ที่จริงแล้วการถูกคนรักกระทำต่อหน้าต่อตามารดาตนเอง นับว่าน่าอับอายอย่างที่สุด
แต่ว่าตี้หยูเอ๋อร์กลับรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา แม้แต่ความสุขที่ได้รับก็ยังเพิ่มพูนขึ้นอีกหลายส่วน
ฮว๋ายยู่รู้สึกว่าลำคอหวานวูบ เกือบจะกระอักเลือดออกมาอยู่แล้ว
“ทำไมข้าถึงได้คลอดตัวอัปยศอย่างเจ้าออกมาได้!”
มือของนางประคองอยู่บนหน้าท้อง สองตามืดมัวไปหมด ศีรษะหนักรู้สึกเหมือนจะเป็นลม
ซือเป่ยมองดูนางก็หัวเราะออกมา “เทียนโฮ่ว มีมารดาอย่างไรก็มีบุตรสาวเช่นนั้น ท่านด่าทอองค์หญิงเช่นนี้ มิเท่ากับว่าด่าตนเองไปด้วยหรอกหรือ?”
เขาหัวเราะออกมา ขณะเดียวกันหมอกสีดำในร่างก็ยิ่งเพิ่มพูนขึ้นด้วย แม้แต่แววตาทั้งสองข้างก็ยังกลายเป็นสีดำสนิท
คำพูดของซือเป่ย ทำเอาตี้หยูเอ๋อร์ไม่เข้าใจอยู่บ้าง หมู่โฮ่วระวังรักษากริยา อยู่ในกรอบประเพณีเสมอ ไม่เคยกระทำเรื่องผิดใดๆทั้งสิ้น
“อ้อ องค์หญิง ลืมบอกท่านไปเลย ว่าเด็กในท้องของหมู่โฮ่วท่าน เป็นของข้าแม่ทัพเอง”
……………….
Related
ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง – ตอนที่ 742 มีมารดาเช่นไรก็มีบุตรสาวเช่นนั่น
Posted by ? Views, Released on January 17, 2022
, ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง
Recommended Series
Comment
Facebook Comment