ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง – ตอนที่ 140 สตรีที่ถูกทิ้งในตำหนักเย็น

ฉากกอดรัดฟัดเหวี่ยงบนเตียงสามนาทีนั้น ถูกเหล่าแฟนคลับบนอินเตอร์เน็ตยกให้เป็นฉากวาบหวามสุดโรแมนติกของเรื่อง 
 
 
และเพราะว่าเป็นหนังตำนานเซียน ที่จริงแล้วจึงแค่เผยขาอ่อนและไหปลาร้าเท่านั้น ภายใต้ผ้าโปร่งสีแดงที่คลุมไว้ทำให้มองเห็นแค่เงาคนเคลื่อนไหว แต่ความคิดของคนดูสามารถปะติดปะต่อจินตนาการได้ ภาพที่ออกมาจึงดูงดงามดุจความฝันฉากหนึ่ง 
 
 
ผู้ชมพากันเรียกร้อง : อยากเห็นเจ๊หลันทอดเสน่ห์ อยากเห็นเจ๊หลันฟาดแส้! 
 
 
ในความคิดของตู๋กูซิงหลัน ตอนที่ร่วมแสดงบนเตียงเดียวกันกับนักแสดงชายนั้นก็ถือเป็นฉากวาบหวามแล้ว 
 
 
ถึงแม้ว่าทั้งสองคนจะแค่ทำท่าโอบๆ กอดๆ ที่สวยงามเท่านั้นก็เถอะ….. 
 
 
พอคิดถึงเรื่องราวในชาติก่อน นักแสดงชายที่เคยเป็นคู่แสดงกับนางนั้น แต่ละคนล้วนแต่เด็ดๆ ดังๆ ทั้งนั้น 
 
 
โอ้ คนงามทั้งรุ่นใหญ่รุ่นเล็กทั้งหลาย ตอนนี้คงไม่ได้เจออีกแล้ว 
 
 
สุดท้ายต่อมาอาจารย์ของนางมาเห็นฉากที่นางแสดงเข้า ก็ออกคำสั่งเด็ดขาดห้ามมิให้นางทำอีก ทั้งยังกำหนดข้อบังคับสามข้อเอาไว้ : ห้ามจูบ ห้ามขึ้นเตียง ห้ามเปิดเผยเนื้อหนัง 
 
 
ดังนั้นจูบกับฮ่องเต้ในวันนี้ ก็เป็นแค่จูบจริงๆ 
 
 
วิญญาณทมิฬเห็นสีหน้าที่เอาแต่ครุ่นคิดถึงอดีตของนาง ก็ถอนใจเบาๆ สองครั้ง “ข้าว่าเจ้าฮ่องเต้นั่น น่าจะคิดอยากเล่นฉากวาบหวามกับเจ้าอยู่ “ 
 
 
ตู๋กซิงหหลัน “………” ให้เล่นกับฮ่องเต้น่ะหรือยังคงแล้วไปเถอะ จะอย่างไรก็ได้ชื่อว่าเป็นแม่ลูกกัน ไม่ดีไม่ดีหรอก 
 
 
วิญญาณทมิฬทำหน้าลึกลับ “ข้ารู้สึกว่าเขาต้องมีแผนการจัดการเจ้าอยู่แน่” 
 
 
ตู๋กูซิงหลัน ” ข้าว่าเขากำลังวางหลุมพลางอยู่ต่างหาก “ 
 
 
วิญญาณทมิฬครุ่นคิดอย่างละเอียด “ที่เจ้าพูดก็ถูก เขาคิดจะล่อลวงเจ้า ให้เจ้าตกหลุมรักเขา จากนั้นค่อยยึดครองหัวใจของเจ้าไว้ ทำให้เจ้ากลายเป็นสตรีที่ถูกทอดทิ้งอยู่ในตำหนักเย็นอย่างแท้จริง! “ 
 
 
” ดูสิ ข้าบอกให้เจ้าล่อลวงเขาแต่แรก เจ้าก็ไม่ทำ พอตอนนี้ถูกฮ่องเต้หลอกลวงบ้าง เสียดายเลยไหมละ? “ 
 
 
ตู๋กูซิงหลัน “??? “ 
 
 
ทำไมนางถึงได้รู้สึกว่าสมองของตนเองตามไม่ทันอยู่บ้างนะ? 
 
 
 
 
 
…………………………….. 
 
 
เมื่อฝ่าบาทมีรับสั่งให้ยกเลิกการคัดเลือกพระสนม ก็ทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยต้องผิดหวัง 
 
 
ที่ตำหนักชางอู๋ บาดแผลของอันหว่าจรือฟื้นฟูจนหายดีแล้ว นางแต่งหน้าอย่างงดงาม สวมใส่กระโปรงกำมะหยี่ชั้นเลิศที่สูงค่า 
 
 
ท่านย่า เรื่องนี้จะทำอย่างไรดี ข้าเข้าวังมาก็เพื่อจะแต่งงานกับฝ่าบาทนะเจ้าคะ ยามนี้ฝ่าบาทยกเลิกการคัดเลือกนางสนมไปแล้ว เช่นนี้ก็กลายเป็นว่าข้าไม่มีโอกาสแล้วนะสิ? “ 
 
 
อันหว่านจือคุกเข่าอยู่ที่ข้างกายของอันหร่วน กอดขานางไว้ด้วนความกระเง้ากระงอด 
 
 
” อยู่ดีๆ กลับยกเลิกการคัดเลือกนางสนมเสียเฉยๆ เรื่องนี้แม้แต่ข้าก็ยังดูฮ่องเต้ไม่ออกเช่นกัน ” อันหร่วนที่กำลังปิดตาสวดลูกประคำในกำมือ พอถูกอันหว่านจือโยเยเข้าใส่ก็ได้แต่ลืมตาขึ้นมา 
 
 
“ข้าว่ายังจะไม่ใช่ฝีมือของสตรีในตำหนักเฟิงหมิ่งผู้นั้นอีกหรือ! ” อันหว่านจือกล่าวอย่างกรุ่นโกรธ ” ท่านย่าเจ้าคะ วันทั้งวันท่านก็เอาแต่อยู่เฝ้าในตำหนักชางอู๋หลังนี้ ทำไมถึงได้ไม่สนใจข่าวคราวในวังบ้างเลย! “ 
 
 
” ฟังว่าเมื่อหลายวันก่อนนางเฒ่าเจียงคนนั้นพาหลานสาวสายนอกของนางมาเข้าพบตู๋กูซิงหลัน คงคิดจะให้ตู๋กูซิงหลันช่วยพูดอะไรดีๆ ให้ในยามที่คัดเลือกนางสนม จะได้ให้ฝ่าบาททรงแต่งตั้งนังซ่งหรูหย้วนนั่นเป็นพระสนมเฟย “ 
 
 
” แต่แล้วเป็นไงละ? ตู๋กูซิงหลันผู้นั้นไม่เพียงไม่ช่วยเหลือ กลับยุให้ฝ่าบาทโยนพวกมันทั้งสองคนออกนอกวังไป! “ 
 
 
” ข้าเห็นกับตาเลยว่ายายหลานคู่นั้นถูกเอาไปโยนทิ้งอย่างไร! ฮิๆ ผู้คนมากมายต่างพากันหัวเราะพวกนาง” 
 
 
อันหร่วนเพียงแต่รับฟังเท่านั้น 
 
 
” ท่านย่าเจ้าคะ ไยท่านถึงยังนิ่งเฉยอยู่ได้? ” อันหว่านจือเห็นท่าทางที่ไม่รีบไม่ร้อนของนาง ตัวเองก็ชักจะเดือดร้อนขึ้นมาบ้างแล้ว 
 
 
” ก่อนหน้านี้ไม่เห็นฝ่าบาทจะมีท่าทีว่าต้องการยกเลิกการคัดเลือกนางสนม แต่ว่าแค่เสด็จไปตำหนักเฟิ่งหมิงเพียงรอบเดียว ก็กลายเป็นเช่นนี้ นี่จะต้องเป็นเพราะตู๋กูซิงหลันแน่ๆ! “ 
 
 
” นางเป็นไทเฮาอยู่ดีๆ แต่แล้วกลับไม่ต้องการ คิดจะครอบครองฝ่าบาทเอาไว้เพียงผู้เดียว! ท่านรีบคิดหาวิธีเร็วเข้าสิเจ้าคะ “ 
 
 
อันหร่วนสวดประคำช้าลงเรื่อยๆ ” เจ้าเด็กคนนี้ ทำอะไรรีบๆ ลนๆ “ 
 
 
” ข้าจะไม่รีบได้อีกหรือเจ้าคะ? หากว่าเกิดตู๋กูซิงหลันกลายเป็นสนมคนโปรดของฝ่าบาทขึ้นมา เช่นนั้นข้าจะยังมีโอกาสได้เป็นพระสนมอีกหรือ? ” อันหว่านจือไม่มั่นใจเลยแม้แต่น้อย 
 
 
” นางเป็นไทเฮา ย่อมถูกกำหนดไว้แล้วว่าไม่อาจอยู่ร่วมกับฝ่าบาท อย่างมากก็ได้แต่สะบัดสะบิ้งตามอารมณ์สาวน้อย หรือไประบายอารมณ์ใส่พวกพระสนมในวัง เจ้ายังจะถือเป็นจริงเป็นจังด้วยหรือ? ” อันหร่วนตอบอย่างไม่รีบร้อน 
 
 
” เป็นไทเฮาแล้วอย่างไร นั่นก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงความจริงที่ว่านางอายุเพียงสิบหน้าปีเท่านั้น แถมยังเกิดมาเป็นนางจิ้งจอกขนานแท้ บุรุษคนใดพอเห็นนางแล้วจะไม่หวั่นไหวใจได้บ้างกัน? ” อันหว่านจือลุกขึ้นมา นางเดินไปรอบๆ ห้องอย่างอย่างไม่อาจสงบใจลงได้ “ยิ่งไปกว่านั้นธรรมเนียมของแคว้นต้าโจวเองก็เปิดกว้าง เรื่องที่ลูกชายจะแต่งกับแม่เลี้ยงก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนนิเจ้าคะ “ 
 
 
” ถึงจะเปิดกว้างเพียงไร แต่ว่าในวังก็มีกฎระเบียบอยู่มากมายยิ่งกว่า ” อันหร่วนตอบ ” ข้ารู้จักฝ่าบาทดี พระองค์ทรงเป็นผู้ที่รักษาตนอยู่ในกรอบประเพณี ไม่มีทางที่พระองค์จะยอมกระทำเรื่องที่ผิดกฎของบรรพชนเพียงเพื่อสตรีเพียงนางเดียว “ 
 
 
แต่ว่าการคัดเลือกนางสนมก็ถูกยกเลิกไปแล้ว ข้าควรทำเช่นใดถึงจะสามารถทำให้ฝ่าบาทพอพระทัยในตัวข้า แต่งตั้งข้าเป็นพระสนมได้กันละเจ้าคะ? “ 
 
 
เรื่องนี้สำหรับนางแล้วถือเป็นปัญหาใหญ่ที่สุด นับตั้งแต่ที่ครั้งก่อนนางไปเสียทีที่ตำหนังเฟิ่งหมิง นางก็ไม่กล้าไปไหนในวังอย่างสุ่มสี่สุ่มห้าอีก เข้าวังมาก็ตั้งนานแล้วแต่ว่าพระพักตร์ของฝ่าบาทเป็นเช่นไรกลับไม่เคยได้เห็น แค่คิดจะให้ฝ่าบาทสังเกตเห็นนางบ้างไยจึงยากเย็นเช่นนี้ 
 
 
ทั้งหมดนี่ย่อมต้องโทษนางหญิงชั่วตู๋กูซิงหลันผู้นั้น ทำให้นางเสียโอกาสในการเข้าร่วมคัดเลือกนางสนมไปเสียเปล่าๆ! 
 
 
” เจ้าจะวุ่นวายไปทำไม ” อันหร่วนวางประคำสวดมนต์ในมือลง หันไปกล่าวกับนางว่า “การคัดเลือกนางสนมถูกยกเลิกแล้ว นี่จึงจะเป็นเรื่องดีต่อตัวเจ้า “ 
 
 
“ท่าย่ากล่าวเช่นนี้หมายความเช่นไรเจ้าคะ? ” อันหว่านจือมองดูนางด้วยสายตาที่ไม่เข้าใจ 
 
 
” ทุกวันนี้เจ้าก็พำนักอยู่ในวังหลวงอยู่แล้ว เรื่องที่จะได้พบฝ่าบาทเมื่อไหร่ก็แค่ช้าเร็วเท่านั้น หากว่าไปยืนรวมอยู่กับสตรีเหล่านั้น ก็เท่ากับไปเป็นหัวผักกาดหรือไชเท้าให้ฝ่าบาททรงเลือก ไหนเลยจะเทียบได้กับหอสูงริมน้ำ ได้รับแสงจันทร์ก่อน หากว่าฝ่าบาททรงได้เจอกับเจ้าเพียงผู้เดียว เจ้ายังจะกังวลว่าไม่มีโอกาสอีกหรือ? “ 
 
 
อันหร่วนกล่าวเช่นนี้ ดวงตาทั้งคู่ของอันหว่านจือก็ทอประกายสดใส สาวเท้าวิ่งเข้ามาถึงข้างกายนาง คว้าเอวของนางเอวไว้อย่างแนบแน่น ออดอ้อนว่า “ท่านย่า ข้ารู้อยู่แล้วว่า ท่านดีต่อหว่านจือที่สุดแล้ว “ 
 
 
ยากนักที่ใบหน้าซึ่งจริงจังอยู่เสมอของอันหร่วนจะปรากฎรอยยิ้มอ่อนโยนขึ้นมาบ้าง “บิดามารดาของเจ้าจากไปเร็วเกินไป มอบเจ้าให้ข้าดูแล ข้าย่อมจะต้องเห็นเจ้าเสมือนลูกหลานแท้ๆ หากไม่ดีกับเด็กน้อยอย่างเจ้าให้มาก จะให้ไปดีกับใครเล่า? “ 
 
 
อันหว่าจรือผงกศีรษะอย่างหนักแน่น “ถึงแม้ว่าท่านพ่อท่านแม่จะยังอยู่ ก็เกรงว่าคงจะไม่มีทางรักข้าเท่ากับท่านย่าได้หรอกเจ้าค่ะ “ 
 
 
อันหร่วนมองดูท่าทางที่ออดอ้อนและเชื่อฟังของนาง ก็ยิ่งเพิ่มพูนความรักในตัวนางเข้าไปอีก ” หลายปีนี้เจ้าอยู่เป็นเพื่อนข้าที่เขาจงหลิงมาตลอด ย่าจะต้องไม่ยอมให้เจ้าได้รับความอยุติธรรมเด็ดขาด “ 
 
 
พูดแล้วนางก็ยกเอาประคำสวดมนต์ขึ้นมาคล้องไว้บนมืออีกครั้ง ” มานี่เถอะ ย่ามีคำพูดบางอย่างจะกล่าวกับเจ้า “ 
 
 
” อืม เจ้าค่ะ ” อันหว่านจือเขยิบเข้าไปใกล้ขึ้นอีก 
 
 
……………………………………………….. 
 
 
แม้ใกล้จะสิ้นปีเข้าไปทุกที แต่หิมะกลับตกลงหนักขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่หลายวันนี้ก็ไม่เคยหยุด 
 
 
ในพระตำหนักตี้หัว ถ่านเงินชั้นดีถูกเผาจนหมดไปหลายตระกร้า งานของบ้านเมืองในช่วงนี้ก็ยิ่งมากมาย ทุกวันฮ่องเต้ทรงวุ่นวายกับการสะสางงานราชการ แม้จะเลิกประชุมแล้วก็ยังไม่ยอมหยุด 
 
 
ในห้องทรงพระอักษร ฮ่องเต้ทรงตอบฎีกาที่หนาหนักติดต่อกันหลายเล่ม พระองค์ทรงฉลองพระองค์คลุมสีทองตัวหนา สะบัดพู่กันในพระหัตถ์อย่างต่อเนื่อง 
 
 
หลี่กงกงที่เฝ้าอยู่ด้านข้าง ได้แต่ชมดูจนปวดใจ 
 
 
ผู้คนทั้งแผ่นดินต่างอิจฉาในพระราชอำนาจบารมี แต่ผู้ใดเลยจะรู้ว่าผู้ซึ่งครอบครองอำนาจและบารมีนี้จะต้องตื่นก่อนไก่โห่ นอนหลังสุนัขเห่าหอนอยู่ทุกวัน 

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset