ฉือหยวนเฟิงมองดูอันซย่าซย่าซึ่งน้ำตาไหลพราก ด้วยเหตุผลอะไรก็ไม่รู้ ชายหนุ่มรู้สึกราวกับถูกเข็มจิ้มเข้าที่หัวใจและรู้สึกปวดแปลบในอก
“ฉันทำเพื่อตัวเธอเองนะ!” เขาตอบอย่างโกรธๆ
“มันไม่ใช่เรื่องของนาย!” อันซย่าซย่าโมโหจนแก้มพอง “เขาเป็นไอดอลของฉัน ทำไมฉันจะชอบเขาไม่ได้”
สีหน้าเขาเปลี่ยนเป็นแดงจัด เขายัดโทรศัพท์เธอใส่กระเป๋าเสื้อด้านใน และไม่ยอมคืนให้เธอไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม
“เอ๊ะ ทำงั้นได้ไง!”
“ฉันจะคืนให้หลังถ่ายภาพเสร็จ!” ฉือหยวนเฟิงเบ้ปากแล้วเดินไปถ่ายรูป
เหอจยาอวี๋ลูบศีรษะเธอพลางปลอบโยน “ไม่ต้องห่วงนะ เสี่ยวเฟิงก็แค่ทำตัวเป็นเด็กไปงั้น เดี๋ยวฉันจะบอกให้เขาคืนให้หลังจากเสร็จงานแล้ว ตกลงไหม”
อันซย่าซย่าพยักหน้าอย่างไม่เต็มใจ
การถ่ายรูปนั้นดำเนินไปอย่างราบรื่นและเสร็จเร็วกว่าที่คาด มีการประกาศว่าการโปรโมตละครจะเริ่มขึ้นหลังจากที่ภาพถ่ายถูกปรับแต่งแล้ว ตัวละครเองก็จะเริ่มต้นการถ่ายทำในไม่ช้าเช่นกัน
ทั้งโปรดิวเซอร์และผู้กำกับต่างก็เดินทางมายังสถานที่ถ่ายภาพด้วย ระหว่างที่การพูดคุยกับหรงเช่อเป็นไปด้วยความชื่นชม แต่ทัศนคติที่พวกเขามีต่อสตาร์รี่ไนต์กลับเป็นไปอย่างแกนๆ ผู้จัดการของหรงเช่อกลอกตามองบนจนตาแทบกลับ
สมน้ำหน้าแล้ว! เด็กอวดดีพวกนี้ชอบมองข้ามหัวผู้ใหญ่นัก บริษัทเองก็ควรจะสร้างความสบายใจให้กับทุกคนด้วยการดองเด็กพวกนี้ไปซะ!
อย่างไรก็ตาม ทั้งสามคนก็ไม่มีทีท่าว่าจะสนใจเลยสักนิด หลังจากกล่าวทักทายผู้กำกับแล้ว พวกเขาก็กลับไปล้างเครื่องสำอางและเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนที่จะเดินทางกลับพร้อมกับอันซย่าซย่า
เจ้เคอยังมีธุระที่ต้องจัดการสำหรับนักแสดงคนอื่นๆ ของหล่อนอีกจึงแยกตัวกลับเอง ในรถตู้จึงมีเพียงสตาร์รี่ไนต์สามคนกับอันซย่าซย่าซึ่งยังคงไม่คลายความเศร้าโศกของเธอลง
ฉือหยวนเฟิงคืนโทรศัพท์มือถือให้อันซย่าซย่าอย่างตาขุ่นเขียวซึ่งเธอก็รีบตรวจดูทันที และเห็นว่ารูปนั้นไม่ได้ถูกลบ อย่างไรก็ตาม หญิงสาวยังไม่หายเสียใจและตัดสินใจมองออกไปนอกหน้าต่างไม่ยอมคุยกับเขา
ฉือหยวนเฟิงเปลี่ยนหัวข้อชวนหาเรื่องคุยหลายครั้งแต่อันซย่าซย่าก็ไม่ตอบอะไรพวกเขาเลย
เมื่อถึงบ้าน อันซย่าซย่าก็กลับขึ้นห้องทันที เซิ่งอี่เจ๋อเองก็อารมณ์ไม่ค่อยดี ปรี่ตรงขึ้นชั้นบนไปเลย เหอจยาอวี๋และฉือหยวนเฟิงถูกทิ้งไว้ข้างหลัง มองหน้ากันไปมาด้วยความสับสนและเงียบงัน
“อะแฮ่ม… วันนี้นายเป็นอะไรไป” เหอจยาอวี๋เอ่ยถาม
ฉือหยวนเฟิงยังนั่งอยู่ในรถตู้พลางมองออกไปยังถนนรกร้างข้างนอกนั่น ละล่ำละลักออกมาราวกับเด็กที่ทำความผิด
“ผมไม่รู้ ผมแค่ไม่อยากให้ซย่าซย่าไปชอบไอ้คนชั่วนั่น! เฮียก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่าหรงเช่อเป็นคนแบบไหน! ถ้าซย่าซย่าต้องเจ็บปวดไม่ว่าด้านไหนเพราะเขา ผมจะไม่ให้อภัยตัวเองเลย!” พูดจบ เด็กหนุ่มก็กำหมัดแน่นด้วยใจแน่วแน่ “เฮีย ให้ผมไปหามุมมืดๆ เงียบๆ แล้วเอาก้อนอิฐทุบหัวหมอนั่นเลยดีไหม เขาจะได้ไม่เป็นอันตรายกับคนอื่น!”
เหอจยาอวี๋แทบเหงื่อตกก่อนจะฟาดหน้าผากฉือหยวนเฟิงทีหนึ่ง “อย่าบ้าไปหน่อยเลย! ถ้าทำอย่างนั้นนายจะไม่มีทางหนีไปไหนได้เลยนะ!”
“แล้วจะให้ผมทำยังไง…” อย่างไรเสีย หรงเช่อก็เป็นภาพลักษณ์ต่อสาธารณชนซึ่งถูกจัดฉากมาเป็นอย่างดี อันซย่าซย่าไม่มีทางรู้หรอกว่าที่จริงแล้วเขาเป็นคนยังไง
“ใครทำอะไรเอาไว้ก็ได้อย่างนั้นแหละ…แค่ทำหน้าที่ของเราให้ดีก็พอ!” เหอจยาอวี๋สอนเขาอย่างใจเย็น
“อ้อ…”
“ว่าแต่ ทำไมนายถึงได้เป็นห่วงเป็นใยซย่าซย่านักล่ะ แปลกนะ…” เหอจยาอวี๋มองเขาอย่างตะหงิดๆ
ฉือหยวนเฟิงทำท่าไม่รู้ไม่ชี้ “พอคิดว่าเธออาจตกอยู่ในอันตรายน่ะผมก็เลยเป็นกังวล ผมมีความสุขเวลาเธอมีความสุข ผมเศร้าเวลาเธอเศร้า… พี่ หรือว่าผม…จะตกหลุมรักอันซย่าซย่า”
เหอจยาอวี๋นิ่งอึ้งไป
เขารู้จักฉือหยวนเฟิงดี อันที่จริงแล้วเด็กหนุ่มก็เหมือนเด็กผู้ชายตัวโตๆ คนหนึ่งซึ่งมีความสนใจอะไรแค่ชั่วเวลาไม่กี่นาทีเท่านั้นเอง แต่พูดถึงอันซย่าซย่าแล้ว…
ถ้าหากว่าเขาชอบอันซย่าซย่าจริงๆ นั่นจะเป็นโชคดีหรือหายนะสำหรับเธอกันนะ