คังเจี้ยนสังเกตเห็นสีหน้าสิ้นหวังของอันซย่าซย่าจึงถามออกไปเรียบๆ “มีอะไรเหรอ”
มือที่ถือโทรศัพท์อยู่นั้นเริ่มสั่นสะท้าน ตรวจทานจำนวนตัวเลขในใบแจ้งหนี้อีกครั้งแล้วแทบลมจับ!
พระเจ้าช่วยลูกด้วย! ทำไมมันถึงได้แพงขนาดนี้! ต่อให้เอาเธอไปขายทั้งตัวยังไม่พอใช้หนี้เลยนะ?!
หญิงสาวตัดสินใจโทร.หาเฉียวมู่ทันที
เพียงแค่เดี๋ยวเดียวเธอก็ได้ยินน้ำเสียงนุ่มนวลแต่ฉะฉานของเฉียวมู่ “หวัดดี ซย่าซย่า โทรมาหาพี่มีอะไรเหรอ”
อันซย่าซย่าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนร้องไห้ไปโวยวายไป “พี่น่ะ คราวก่อนที่หน้าบริษัท รถพี่ดันไปชนปอร์เช่คันหนึ่งเข้า… เจ้าของรถมาทวงค่าชดเชยกับฉันแพงมาก…” ก่อนที่เธอจะทันพูดจบ เฉียวมู่ก็ชิงขัดขึ้นเสียก่อน “อะไร แกไอ้พวกนักต้มตุ๋นใช่ไหม ทำไมถึงยังใช้เล่ห์เหลี่ยมอะไรโง่ๆ แบบนี้อยู่อีก หุบปากแล้วพูดความจริงมาเสียดีๆ โอเค้”
“ฉันพูดความจริง… ฉันซย่าซย่าเอง!” เด็กสาวตะโกน
“ฮึ ฝันไปเถอะ!” เฉียวมู่ยื่นโทรศัพท์ออกห่างจากใบหูขณะพึมพำ “พวกหลอกลวงสมัยนี้มันไฮเทคขนาดนี้เชียวเหรอ ทำเสียงซะเหมือนเป๊ะ… นี่มันโปรแกรมเลียนเสียงแบบใหม่หรือยังไงกัน”
เรื่องแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับเฉียวมู่ เธอจึงตัดสายทิ้งรีบทำงานต่อ ทิ้งให้ซย่าซย่ายืนอยู่ตรงนั้นด้วยความสับสนงุนงง
“ซย่าซย่า… สีหน้าเธอตอนนี้นี่หลอนสุด…” คังเจี้ยนตั้งข้อสังเกต
อันซย่าซย่าตอบด้วยความโมโห “คังเพี้ยน ฉันอาจจำเป็นต้องย้ายโรงเรียนหรือหนีออกจากบ้านเชียวนะ ฉัน… ฉันเป็นหนี้หัวโตเลย!”
คังเจี้ยนล่าถอยไปไกลสามเมตรพลางพูดด้วยใบหน้าเฉยเมย “ซย่าซย่า แม่ฉันโทรมาเรียกให้กลับบ้านไปซักผ้าพอดี บ๊ายบาย!”
จากนั้นเด็กหนุ่มก็ชิ่งหนีไปอย่างไว
อันซย่าซย่าอยากร้องไห้แต่ก็ร้องไม่ออก ได้แต่หยิบกระเป๋านักเรียนขึ้นมาและมุ่งหน้ากลับบ้าน
ไม่มีใครอยู่บ้านเลยสักคน เด็กสาวคิดว่าจะโทรหาพ่อหรือพี่ชายดีไหม แต่หลังจากคิดอยู่พักหนึ่งสุดท้ายก็ไม่ได้โทรหาใครเลย
–
เธอฝันร้ายตลอดทั้งคืน
อันซย่าซย่าไปถึงโรงเรียนพร้อมกับตาแพนด้า
เธอค่อยๆ คืบคลานเข้าห้องเรียนชั้นปีหนึ่งห้องซีอย่างหวาดกลัวก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งที่โต๊ะ จากนั้นก็มีเสียงเคาะเป็นจังหวะดังขึ้นบนโต๊ะเธอ
หญิงสาวค่อยๆ ชำเลืองมองไปที่โต๊ะ ก็เห็นมือขาวๆ เรียวยาว เล็บมือสะอาดได้รับการตัดแต่งอย่างประณีต
เมื่อเลื่อนสายตาจากนิ้วขึ้นไปก็เห็นร่างเพรียวสูงสวมเครื่องแบบมัธยมฉีซย่ากับคอเสื้อเชิ้ตสีขาว เน็กไทที่คอหลวมเล็กน้อยเผยให้เห็นกระดูกฐานลำคอชวนมอง
เมื่อเธอมองไปยังใบหน้าของคนคนนั้น อันซย่าซย่าก็แทบจะตกจากเก้าอี้
โครงสร้างกรอบหน้าของเขาช่างเหมือนงานศิลปะ เหมือนกับงานประติมากรรมและไฝเสน่ห์ที่ใต้ตาข้างซ้ายของเขา
เซิ่งอี่เจ๋อ! เซิ่งอี่เจ๋อตัวจริง!
ถ้าวันนี้เป็นวันธรรมดาๆ ละก็ อันซย่าซย่าคงจะถูกกำราบด้วยความงดงามของเซิ่งอี่เจ๋อไปแล้วต่อให้เป็นแอนตี้แฟนก็เถอะ แต่หลังจากข้อความเมื่อวาน สิ่งเดียวที่เธอรู้สึกได้ก็คือความปวดร้าวจากการล้มละลาย!
“ไง… สวัสดี ให้ช่วยอะไรไหม” อันซย่าซย่าพยายามตั้งสติ พลางถามคำถามที่เธอก็รู้คำตอบอยู่แล้ว
เซิ่งอี่เจ๋อกะพริบตาปริบๆ “ฉันส่งข้อความหาเธอเมื่อวาน ได้อ่านหรือเปล่า”
พอเขาพูดจบ ทุกคนในห้องต่างก็อ้าปากค้างด้วยความตกใจโดยพร้อมเพรียงกัน
สวรรค์! เซิ่งอี่เจ๋อส่งข้อความหาอันซย่าซย่าจริงเหรอ พวกเขามีความสัมพันธ์กันเหรอ
อันซย่าซย่ามีสีหน้าอมทุกข์ “อ่านแล้ว”
เซิ่งอี่เจ๋อพยักหน้าพลางเหลียวมองไปรอบๆ ก่อนจะเอ่ย “ในห้องเรียนมีคนมากเกินไป ออกไปข้างนอกไปคุยกันดีๆ เถอะ” เขาเว้นช่วงพลางยิ้มเยาะก่อนจะเรียกชื่อเธออย่างชัดถ้อยชัดคำ “เพื่อนร่วมห้องอันซย่าซย่า”