ฉีเหยียนซี “ทำไมจะไม่แข่งเล่า!”
“เอ้า งั้นก็แข่งสิ!”
“ฉันจะแข่ง!”
ระหว่างที่ทั้งสองคนทะเลาะกันเสียงดังนั้น เซิ่งอี่เจ๋อก็รู้สึกว่ามุมปากของเขากระตุกอย่างไม่อาจควบคุมได้
เหอจยาอวี๋ซึ่งอยู่ข้างหลังถอนหายใจ “ทำไมสองคนนี้ถึงได้ทำตัวเป็นเด็กๆ …”
เซิ่งอี่เจ๋อส่ายหน้าพลางถอนหายใจอีกคน “รู้แต่ว่ามันพิสูจน์อะไรได้อย่างหนึ่ง”
“ซึ่งก็คือ?”
“คนประเภทเดียวกันมันก็จะดึงดูดกัน ไอคิวต่ำก็อาจจะเป็นโรคที่ติดต่อกันได้”
“…” เขากำลังจะบอกว่าฉีเหยียนซีติดมาจากอันซย่าซย่างั้นเหรอ!
ไม่ไหวเลย พูดถึงซย่าซย่าของตัวเองอย่างนั้นได้ยังไง!
บ่ายวันนี้พวกเขาต้องเรียนวิชาพลศึกษา และอาจารย์พละก็ให้นักเรียนนำอุปกรณ์กีฬาที่แต่ละคนสามารถฝึกซ้อมได้ออกมา โดยครูจะเป็นผู้แนะนำให้ที่ข้างสนาม
อันซย่าซย่าเดินอาดๆ อย่างมั่นใจลงไปในสนามหญ้าที่จัดไว้เฉพาะกีฬาทุ่มน้ำหนัก คังเจี้ยนยื่นลูกเหล็กให้เธอด้วยสีหน้าอันยากที่จะอธิบาย แล้วอันซย่าซย่าก็เอื้อมมือออกไปรับมันอย่างดีอกดีใจ
แต่แล้วก็ต้องตกใจกับน้ำหนักในมือทั้งสอง
ใครก็ได้ช่วยอธิบายทีว่าทำไมลูกบอลนี่มันถึงได้หนักขนาดนี้…
ครูเน้นย้ำเรื่องหัวใจหลักให้ฟัง “ต้องให้มั่นใจว่าเธอจะขว้างลูกตุ้มออกไปได้สูงพอที่จะเกิดเป็นแนวโค้งในอากาศ เมื่อนั้นแหละเธอจะทุ่มออกไปได้ไกลพอ ครูจะทำให้ดูก่อน”
เขาทุ่มลูกตุ้มออกไปด้วยการเคลื่อนไปข้างหน้า ซึ่งอันซย่าซย่าก็มองอย่างหวั่นๆ แล้วก็เป็นตาของเธอ
เธอไม่ได้ใช้แรงในการทุ่มลูกตุ้มออกไปเลย!
อาจารย์สวมบทเป็นผู้ให้คำแนะนำ “ปกติแล้วผู้หญิงจะไม่ค่อยมีแรงเท่าไหร่ และโดยปกติก็ทุ่มได้ระหว่างสามถึงหน้าเมตร เอ่อ…อันซย่าซย่าได้สามเมตร”
“เย่! เห็นไหม!” อันซย่าซย่าดีอกดีใจและมองไปยังฉีเหยียนซี “เห็นไหม ฉันทุ่มได้ตั้งสามเมตร!”
นักเรียนคนอื่นๆ พากันตบหน้าผาก ระยะนั้นมันแทบไม่ได้อะไรเลย เธอดีใจเรื่องอะไร
ฉีเหยียนซีตอบด้วยเสียงเยาะเย้ย
ติงอีอีเป็นคนที่สองและทุ่มน้ำหนักออกไปอย่างสบายๆ ได้ระยะที่หกจุดสี่เมตร!
อันซย่าซย่ากะพริบตาแล้วใบหน้าเธอก็นิ่งงันไป
อะไรกัน นี่ไม่ใช่อย่างที่เธอคิดไว้ในหัวเลย เธอคิดว่าเธอโยนได้ไกลแล้วเชียว!
ฉีเหยียนซีเดินออกมา หยิบลูกตุ้ม แล้วก็เหวี่ยงมันออกไปอย่างแทบไม่ได้ใช้ความพยายามเลย มันตกลงที่ระยะแปดเมตร
อันซย่าซย่ามองด้วยความสิ้นหวัง
โลกนี้มันช่างโหดร้าย…
เซิ่งอี่เจ๋อเป็นคนต่อไป และเขาทุ่มได้สิบเมตร
หญิงสาวยืนพิงไหล่ของซูเสี่ยวมั่วพลางพูดว่า “บอกฉันทีว่านี่ไม่ได้เกิดขึ้นจริง”
ด้วยความที่ซูเสี่ยวมั่วสูงว่าอันซย่าซย่าสองเซนติเมตร จึงลูบผมเพื่อนสาวก่อนจะเริ่มจิกกัดเพื่อนอย่างโหดร้ายไร้ความปรานี “ซย่าซย่า ไม่เป็นไรนะ ถึงแม้ว่าการทุ่มของเธอจะห่วยแตกแต่คนอื่นก็ทุ่มได้ไกล๊ไกล! ถึงแม้เธออาจจะอ่อนแอราวกับลูกไก่แต่พวกเขาล้วนแล้วแต่เป็นนักรบผู้ทรงพลัง!”
อันซย่าซย่าชี้นิ้วอันสั่นระริกของเธอใส่ซูเสี่ยวมั่ว แต่พูดอะไรไม่ออก
หล่อนเป็นเพื่อนประสาอะไรกัน ขนาดตอนนี้ยังไม่ยอมเข้าข้างกันบ้างเลย!
เสียงหัวเราะดังขึ้นรอบวง
ฉีเหยียนซีถามอย่างเย้ยหยัน “การแข่งขันยังจะดำเนินต่อไปไหม”
อย่างไรก็ตาม เขารู้สึกไม่ดีใจเท่าไหร่ที่ได้เห็นความพ่ายแพ้ของอันซย่าซย่า
ให้ตายสิ…เขาอยากเห็นใบหน้าที่มีความสุขของเธอตอนที่เธอทุ่มได้สามเมตรนั่นมากกว่า เธอดูน่ากลัวเวลาที่หน้าของเธอย่นยู่ไปหมดแบบนั้น!
เซิ่งอี่เจ๋อมองเธอด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึกใด “อันซย่าซย่า ฉันคิดว่าเธอควรจะไปลงแข่งอย่างอื่นดีกว่า”
ครูเองก็ถอนหายใจ “ครูเห็นด้วย เรี่ยวแรงแบบเธอ ความเป็นไปได้ที่จะได้รับเหรียญนั้น… เอ่อ ครูจะพูดยังไงดี…”
ครูพละลังเล พยายามที่จะหาคำพูดที่เหมาะสมซึ่งไม่ทำร้ายจิตใจเด็กสาวไปมากกว่านี้
“นี่ อย่าเศร้าไปเลยนะ เอาเป็นว่าเธอเปลี่ยนไปเล่นอย่างอื่นแทนดีไหม เธอน่ะ เซิ่งอี่เจ๋อใช่ไหม ครูจำได้ว่าเธอเล่นบาสเกตบอลได้ดีทีเดียว ช่วยสอนเพื่อนหน่อยได้ไหม”