เซิ่งอี่เจ๋อมองเธออย่างอ่อนโยน แล้วอันซย่าซย่าก็รวบรวมความกล้า “ขอบคุณที่สอนฉันชู้ตลูก!”
“อืม” ชายหนุ่มเบ้ปาก พลางโยนลูกบาสคืนให้เธอ “ฝึกต่อไป”
“…” เขาไม่ใช่แค่หลงตัวเองเท่านั้นนะ แต่ยังปากร้ายใจดีด้วย!
ฉีเหยียนซีเฝ้าดูปฏิสัมพันธ์อันสนิทสนมนั้นจากไกลๆ และยิ่งเกิดความขุ่นแค้นมากขึ้นอีก
เหมือนกับว่าเขาถูกขโมยของเล่นชิ้นโปรดไป
เขายืนอยู่อย่างโดดเดี่ยวท่ามกลางพื้นที่กว้างขวางนั้น เพราะทุกคนกลัวที่จะเข้ามาใกล้เขา
อย่างไรก็ตาม อยู่ๆ เสียงเล็กๆ ก็ดังขึ้นและถามอย่างนุ่มนวลว่า “นายน้อย ดื่มน้ำหน่อยไหมคะ”
ฉีเหยียนซีหันหลังมาอย่างขุ่นเคือง เวลาแบบนี้ยังจะมีเรื่องไร้สาระอะไรมากวนใจเขาอีก
เขาหันมาพบกับผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งสวมเครื่องเสื้อนักเรียนสีขาวกระโปรงดำ ใบหน้าจิ้มลิ้มของเธอดูบอบบางและน่ารัก ผิวพรรณขาวบางจนแทบเห็นเส้นเลือด ผมยาวปล่อยสยายลงไปตามแผ่นหลังและแว่นตากรอบหนาสีดำนั้นก็ตัดกับรูปร่างที่ดูสงบเสงี่ยม
“มู่หลี” เขาเอ่ยชื่อเธอเบาๆ น้ำเสียงอ่อนโยนนั้นทำเอาคนที่อยู่รอบๆ ถึงกับตกตะลึงไปตามๆ กัน
ให้ตายสิ คนอย่างฉีเหยียนซีทำไมถึงจำชื่อผู้หญิงที่ไม่น่าจดจำแบบนี้ได้นะ เธอใช้กลเม็ดอะไรกัน
พวกนักเรียนหญิงพากันจับกลุ่มและเริ่มซุบซิบกัน
มู่หลีเป็นคนหัวอ่อนเหมือนลูกแมว เธอยื่นขวดน้ำดื่มให้ฉีเหยียนซีก่อนที่เขาจะดื่มไปสองสามอึก จากนั้นชายหนุ่มก็ขมวดคิ้ว “ฉันบอกเธอแล้วไงว่าที่โรงเรียนนี้พวกเราทุกคนเป็นเพื่อนกัน เธอไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้”
มู่หลีกัดริมฝีปากพลางก้มหน้าก้มตาโดยไม่เอ่ยคำใด
ฉีเหยียนซีเองก็ไม่รู้จะพูดอะไร เขารู้ดีถึงนิสัยของเธอที่เมื่อยึดติดอยู่กับอะไรแล้วเธอก็จะมุ่งมั่นไม่ยอมเปลี่ยนใจ และไม่มีทางพูดให้เธอล้มเลิกได้ด้วย หลังจากหันกลับไปมองยังคู่รักที่น่ารำคาญตาบนสนามบาสแล้ว เขาก็ยิ่งหงุดหงิดเข้าไปใหญ่และตัดสินใจว่าจะโดดเรียนแล้วออกไปเล่นวิดีโอเกมข้างนอก
มู่หลีวิ่งเหยาะตามเขาไป ดูเหมือนว่ามีบางอย่างอยากพูดกับเขาแต่ไม่กล้า
ฉีเหยียนซีทนไม่ไหวจึงหันกลับมา “อะไร”
เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่แถวนั้น มู่หลีก็พูดอย่างหงิมๆ ได้ในที่สุด “คุณนายฝากมาบอกให้กลับบ้านไปทานอาหารเย็นด้วยค่ะ”
“บอกแม่ว่าฉันไม่มีเวลา” ฉีเหยียนซีเดินจากไปหลังถ้อยคำไร้หัวใจเหล่านั้น
มู่หลีหน้าซีดและแทบน้ำตาตก
ถ้าเขาไม่ยอมกลับ… เธอก็จะเป็นคนที่ต้องรับโทษทั้งหมด
–
หลังจากการติวเข้ม ในที่สุดอันซย่าซย่าก็ทำท่าได้ถูกต้อง ถึงแม้ว่า…อัตราการยิงลูกจะยังคงเป็นที่น่าสังเวช
เซิ่งอี่เจ๋อสอนให้อย่างใจเย็นและอยากให้ชั่วโมงเรียนยืดยาวต่อไปเมื่อเสียงกริ่งดังขึ้น
ระหว่างทางกลับบ้าน อยู่ๆ คำถามหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัวขณะที่เขามองอันซย่าซย่าซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ
ระดับไอคิวของเขาจะลดลงหลังจากขลุกอยู่กับอันซย่าซย่านานเกินไปหรือเปล่านะ
แต่อย่างไรก็ตาม เขายิ้มรับคำถามนั้นทันที
อืม ช่างเถอะ ด้วยระดับสติปัญญาแบบเขา คงจะใช้เวลานานพอดูกว่าที่เขาจะบื้อเท่าเธอ
อันซย่าซย่าเปิดดูข่าวซุบซิบในโทรศัพท์ ตั้งแต่วันนั้นที่เธอให้สัญญาว่าจะกลับบ้านเป็นเพื่อนเขา เขาก็ยืนยันจะกลับบ้านพร้อมกับเธอทุกวัน!
และหน้าที่นี้ก็เป็นภาระของคุณคนขับรถของตระกูลเซิ่ง ซึ่งหมายความว่าเธอกับเซิ่งอี่เจ๋อต้องอยู่กันสองคนในรถทุกวัน
อุ๊ย— เธอเห็นข้อความหนึ่ง
อันซย่าซย่าร้องออกมาด้วยความประหลาดใจ “ว้าว ‘ตำนานเซียนตกสวรรค์’ เริ่มถ่ายทำแล้วนี่!”
เซิ่งอี่เจ๋อตอบแค่ “อืม” จากนั้นก็เอ่ยเรียบๆ “ฉันคิดว่าเรามีฉากที่ต้องถ่ายทำสุดสัปดาห์นี้ และเราก็อาจจะต้องไปที่นั่น”
อันซย่าซย่าเปลี่ยนร่างเป็นโหมดเจ้าแมวขี้อ้อนทันที เธอขยับเข้าไปใกล้พลางขอร้อง “บอสอี่เจ๋อคะ ต้องการผู้ช่วยไหม เธอทั้งฉลาด น่ารัก การศึกษาดีและมีกำลังวังชาเยอะเลยเชียวนะ!”
เซิ่งอี่เจ๋อหัวเราะหึ “เลิกแกว่งหางได้แล้ว ฉันรู้ดีว่าเธอต้องการอะไร”