ฉือหยวนเฟิงตอบอย่างไม่ใส่ใจ “ก็ไม่ได้ไปห้องน้ำหรอกเหรอ”
“เป็นชั่วโมงเนี่ยนะ” เซิ่งอี่เจ๋อท่าทางไม่พอใจ
ฉือหยวนเฟิงก็มีท่าทีไม่รู้จริงๆ “เธอคงไม่ได้หลงทางหรอกนะ”
เซิ่งอี่เจ๋อพูดไม่ออกพลางคิดว่าฉือหยวนเฟิงเป็นตัวนำโชคร้ายมาให้
แต่อย่างไรก็ตามเมื่อคิดๆ ดูอีกที ยัยซื่อบื้อตัวน้อยนั่นอาจจะหลงทางจริงๆ ก็ได้!
เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาโทร.หาอันซย่าซย่า สัญญาณต่อติดในทันทีแล้วเสียงหวานๆ ของเธอก็ดังขึ้นที่ปลายสาย “เซิ่งอี่เจ๋อ ทำไม มีอะไรเหรอ”
“เธออยู่ไหน หลงทางหรือถูกลักพาตัว” เซิ่งอี่เจ๋อถามอย่างปากร้ายใจดีตามสไตล์เขา โดยแอบซ่อนความห่วงใยเอาไว้
“ฉันกำลังแจกอาหารกล่องให้กับทุกคน! อร่อยมากเลยล่ะ และโอปป้าหรงเช่อก็จ่ายเงินให้ด้วย…โอ๊ย! วางสายก่อนนะ ฉันขอไปลิ้มรสความสุขของฉันเองบ้างแล้ว!”
จากนั้นก็มีเสียงตู๊ดดังขึ้น
เซิ่งอี่เจ๋อมองโทรศัพท์อย่างไม่เชื่อสายตา ยัยนั่นเพิ่งวางสายใส่เขางั้นเหรอ
แล้วมันหมายความว่ายังไงที่ว่าหรงเช่อเลี้ยงข้าวเธอ ไอ้สารเลวนั่นมาวุ่นวายกับเธออีกแล้ว
โทสะเริ่มก่อตัวขึ้นภายในขณะที่เขาเดินออกตามหาอันซย่าซย่าด้วยใบหน้าเย็นชา
ฉือหยวนเฟิงเพิ่งจั่วได้ไพ่ดีมากๆ แต่รีบทิ้งมันทันทีเมื่อเห็นสีหน้าอีกฝ่ายและรีบตามเซิ่งอี่เจ๋อไปในทันที ทั้งสองมาเจอเข้ากับเหอจยาอวี๋ ซึ่งเพิ่งฝึกซ้อมบทพูดกับหลีฝานซิงผู้เป็นนักแสดงสมทบเสร็จพอดี ฉือหยวนเฟิงตะโกน “พี่ ข่าวร้ายล่ะ! ซย่าซย่าทำอะไรให้พี่อี่เจ๋อโมโหอีกแล้ว! ดูหน้าเขาสิบอกบุญไม่รับเลย!”
เหอจยาอวี๋ยิ้มแห้งๆ “เห็นแล้วล่ะ กำลังสงสัยอยู่เลยว่าอะไรทำให้คนหน้าตายไร้ความรู้สึกอย่างหมอนั่นมีทีท่าโมโหโทโสขนาดนั้น”
อันซย่าซย่านี่เป็นตัวละครสำคัญจริงๆ
เมื่อเซิ่งอี่เจ๋อเจออันซย่าซย่าเข้า เธอกำลังหัวเราะคิกคักระหว่างที่ในมือก็ถือกล่องอาหารกลางวัน
เมื่อมองไปรอบๆ เขาก็เห็นว่าเจ้าหน้าที่กองถ่ายทั้งหมดกำลังก้มหน้าก้มตากินอาหารกล่องและต่างก็นึกอัศจรรย์ใจกับอาหาร
“ว้าว โอกาสพิเศษอะไรกัน นี่มันอาหารกล่องจากโรงแรมอวี้อัน ซ้ำยังราคาไม่ใช่ถูกๆ ด้วยนะ!”
“ใช่เลย เฮ้…หลีกทางไป! นั่นปลาเปรี้ยวหวานของฉัน”
“เฮ้ย! ใครบังอาจมาแย่งกับข้าวของฉันอีกจะถูกกล้องฟาดหัวแน่ๆ!”
ขณะที่คนในกองวุ่นวายอยู่กับอาหารเที่ยงอยู่นั้น ผู้หญิงคนหนึ่งจากฝ่ายอุปกรณ์ประกอบฉากก็หันมาหาฉีฉีที่ยืนอยู่ริมห้องโดยทันทีทันใด “ฉันได้ยินว่าเป็นหน้าที่คุณในการซื้ออาหารกลางวันใส่กล่องวันนี้นี่นา ฝานซิงใจดีมากเลยที่เลี้ยงมื้อกลางวันดีๆ กับพวกเรา…”
ฉีฉีกัดฟันกรอด—นรกสิ! หลีฝานซิงให้เงินหล่อนมาก็จริง แต่มันไม่พอที่จะซื้อของกินอะไรแบบนี้ได้หรอก!
ยิ่งไปกว่านั้น เพื่อที่จะแก้เผ็ดอันซย่าซย่า หล่อนไม่ได้เอาเงินให้เด็กนั่นตั้งแต่ตอนแรกด้วยซ้ำ แล้วเธอไปเอาอาหารดีๆ แบบนี้มาจากไหนกัน
เธอคงไม่ได้รูดบัตรซื้อมาหรอกนะ
เมื่อคิดได้อย่างนั้น น้ำเสียงหล่อนก็ชุ่มโชกไปด้วยน้ำกรด “ฉันมีงานอย่างอื่นต้องไปทำ ก็เลยมอบหมายหน้าที่ให้ผู้ช่วยของสตาร์รี่ไนต์ไปน่ะ ว่าแต่อันซย่าซย่า เธอจ่ายค่าอาหารยังไงกันนะ”
ฝูงชนที่กำลังวุ่นวายอยู่กับอาหารนิ่งเงียบไปกับคำพูดเหล่านั้น และพากันหันไปมองอันซย่าซย่าพร้อมกันเป็นตาเดียว
ตายละสิ เด็กคนนั้นอายุน้อยเกินกว่าที่จะถือเงินมากมายขนาดนั้น เธอคงไม่ได้ใช้บัตรเครดิตซื้อมาหรอกมั้ง
อย่างนั้นพวกเขาต้องจ่ายค่าข้าวกล่องกันเองหรือ
อันซย่าซย่าตื่นจากฝันกลางวันของเธอและเห็นว่าทุกคนกำลังมองมาที่เธอด้วยใบหน้าเป็นกังวล เธอถามอย่างไม่รู้อีโหน่อีเหน่ “มีอะไรเหรอคะ”
“โฮะๆ … อันซย่าซย่า ไม่จำเป็นต้องเสแสร้งทำเป็นมีน้ำใจหรอกนะ พวกเราทุกคนต่างก็รู้ดีว่าเดี๋ยวนี้สตาร์รี่ไนต์ไม่ได้ออกรายการอะไรเลย มันก็เป็นธรรมดาที่เด็กพวกนั้นจะไม่ได้มีเงินถุงเงินถัง แต่นั่นก็ไม่ใช่ข้ออ้างที่พวกเขาจะปล่อยให้ผู้ช่วยมาหลอกคนอื่นเล่นอย่างนี้ได้นะ เธอรู้ไหมว่าชุดมื้อกลางวันของโรงแรมอวี้อันน่ะมันราคาเท่าไหร่ แล้วก็ซื้อมาเสียมากมายขนาดนี้”
หล่อนกำลังจะพูดต่อ เมื่อเด็กสาวที่ยืนอยู่ข้างๆ กระตุกแขนเสื้อหล่อน “นี่ๆ วงสตาร์รี่ไนต์ทั้งสามคนอยู่ตรงนี้ด้วยนะ!”
ฉีฉีสะดุ้งเฮือก หล่อนหันหลังแล้วก็ตะลึงนิ่งอยู่กับที่ราวกับเพิ่งถูกไฟฟ้าช็อต