ชายหนุ่มทั้งสามยังอยู่ในชุดโบราณ เมื่อยืนอยู่ตรงนั้น ทั้งสามก็ได้ทำให้เกิดเป็นภาพประหนึ่งว่ามีมนตร์ขลัง
ฉีฉีแทบอยากจะตบปากตัวเอง หล่อนเพียงแค่อยากจะหยามให้อันซย่าซย่าได้อาย แต่ไม่เคยคิดเลยว่าจะมาถูกเจ้านายของเธอจับได้คาหนังคาเขาแบบนี้!
ไม่ว่าสตาร์รี่ไนต์จะตกต่ำลงแค่ไหนหรืออาจจะเป็นไปได้ว่าจะถูกเก็บเข้าลิ้นชัก หล่อนก็ไม่อยู่ในฐานะที่จะค่อนขอดพวกเขาต่อหน้า
หล่อนฝืนยิ้มพลางพยายามหาข้อแก้ตัว แต่อย่างไรก็ตาม ทั้งสามคนไม่มีใครมองหล่อนเลย เซิ่งอี่เจ๋อรีบเดินเข้ามาหาพวกหล่อนและนิ่วหน้าใส่อันซย่าซย่า จากนั้นก็ยื่นบัตรเครดิตให้เธอ “คราวหน้าใช้นี่นะ พวกเราเลี้ยงเอง”
อันซย่าซย่ามองดูบัตรใบนั้นแต่ก็ยังงงๆ อยู่ ระหว่างที่คนอื่นๆ พากันสูดหายใจแรง
บัตรแบล็กการ์ด…
บัตรลิมิเต็ดแบล็กการ์ดที่มีวงเงินมหาศาล…
ไม่มีใครมีข้อกังขาอีกต่อไปแล้วว่าอาหารสุดหรูมื้อนี้มาได้อย่างไร อีกอย่างคือ โรงแรมอวี้อันจะยอมขาดทุนฟรีๆ อย่างนั้นเหรอ การคาดเดาของพวกเขาช่างงี่เง่าซะจริง!
ตอนนี้หลายคนเริ่มมองฉีฉีด้วยสีหน้าไม่พอใจ
เหมือนกับหล่อนกำลังนั่งอยู่บนเข็มเป็นร้อยเล่มและไม่สามารถนึกกระดากใจไปได้มากกว่านี้แล้ว หล่อนก้าวเข้าไปหาพลางเอ่ย “เอ่อ กัปตันอี่เจ๋อคะ นั่นมันเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันเล็กๆ น้อยๆ …”
เซิ่งอี่เจ๋อเงยหน้าขึ้น แววตาดำมืดจับที่ใบหน้าหล่อน กิริยาท่าทางสง่างามนั้นรุนแรงเกินกว่าที่ฉีฉีจะรับได้
ด้วยเสียงดังตุ้บ หล่อนร่วงลงไปนอนกับพื้น
ความเงียบเข้าครอบงำฝูงชนทั้งหมด
ในตอนนั้นเอง คนส่งอาหารก็เดินเข้ามาใกล้ก่อนจะพูดกับอันซย่าซย่าพร้อมรอยยิ้ม “คุณผู้หญิงครับ หลังจากรับประทานอาหารกันเรียบร้อยแล้วกรุณาโทร.หาพวกเราเพื่อมาเก็บจานชามได้เลยนะครับ”
“โอเค ขอบคุณค่ะ” อันซย่าซย่าซาบซึ้งด้วยความช่วยเหลือที่ไม่ได้คาดหวังนั้น ในใจคิดว่าบริการจากโรงแรมห้าดาวแห่งนี้ช่างเป็นเลิศจริงๆ
คนส่งอาหารโค้งคำนับและจากไปเมื่ออันซย่าซย่าร้องเรียกไล่หลังเขา “ขอใบเรียกเก็บเงินด้วยนะคะ”
ผู้ชายคนนั้นอึ้งไปเล็กน้อย “ได้เลยครับ สักครู่ครับ”
เขาวิ่งออกไปและกลับมาหลังจากนั้นครู่หนึ่ง พร้อมกับนำใบเรียกเก็บเงินที่ยาวมากๆ มาด้วย
อันซย่าได้ยินเสียงหัวใจร่ำร้อง เธอคาดหวังว่าจะได้ใบเรียกเก็บเงินพร้อมกับลอตเตอรี่แบบขูดเสี่ยงโชคมาสักใบ…
นี่มันช่างสูญเปล่าจริงๆ … อาหารก็แพงขนาดนี้ แต่ไม่มีการ์ดขูดมาให้สักใบ…
เมื่อเห็นใบเรียกเก็บ ใบหน้าของฉีฉีก็ซีดลงยิ่งกว่าเดิม
นี่มันเจ็บปวดเสียยิ่งกว่าตบหน้าตัวเองเสียอีก!
เซิ่งอี่เจ๋อปรายตามองใบหน้าเศร้าสร้อยของอันซย่าซย่าแล้วมุมปากของเขาก็บิดเบ้พูดอะไรไม่ออก จากนั้นเขาก็เรียกเธอด้วยน้ำเสียงแผ่วต่ำ “ไปเถอะ กลับบ้านกัน”
“อื้อ…” อันซย่าซย่ายังมีสีหน้าเจ็บปวดอยู่ แต่ก็เดินตามสตาร์รี่ไนต์ขึ้นรถตู้ไปภายใต้สายตาที่มองดูอย่างเงียบๆ ของคนอื่นๆ
ทันทีที่ทั้งสี่คนกลับไป ทีมงานก็แตกฮือแล้วเสียงซุบซิบก็เริ่มแพร่สะพัดออกไป
“พระเจ้าช่วย สตาร์รี่ไนต์ทำเงินได้มากมายขนาดไหนกันตลอดหลายปีมานี้น่ะ นั่นมันแบล็กการ์ดเชียวนะ!”
“ฉันไม่คิดว่าดารานักร้องธรรมดาๆ จะมีได้นะ พวกเขาเป็นทายาทเศรษฐีหรือเปล่านะ”
“แล้วนี่แม่ผู้จัดการของหลีฝานซิงนี่ก็ประสาท…เชอะ จะเป็นผลดีกับเธอกว่านี้นะถ้ารีบหาผู้จัดการใหม่”
ฉีฉีกลับไปยังห้องแต่งตัวด้วยใบหน้าที่ซีดเผือด
ภายในห้อง หลีฝานซิงยิ้มรับหล่อน
แต่ตัวฉีฉีเองกลับรู้สึกเสียววาบ
การทักทายต่อมาที่ฉีฉีได้รับคือการตบฉาดเข้าที่ใบหน้า!
น้ำตาเอ่อขึ้นในดวงตาขณะที่ฉีฉีพึมพำ “ฝานซิง ฉันขอโทษ ทุกอย่างเป็นความผิดฉันเอง”
ความโกรธเข้าครอบงำใบหน้าบอบบางน่ารักของหลีฝานซิง หล่อนควบคุมอารมณ์ให้สงบลงหลังจากสูดหายใจเข้าลึกๆ สองสามครั้ง
“อีกครั้งเดียว เธอจบเห่!” หลีฝานซิงยิ้มเ**้ยมเกรียม
“จ้ะ” ฉีฉีผู้น้ำตาตกตอบทันที
หลีฝานซิงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาก่อนจะพิมพ์ข้อความลงไป
[กัปตันอี่เจ๋อคะ นี่ฝานซิงนะ ฉันได้ยินว่าน้องสาวฉันอยู่โรงเรียนเดียวกับพี่ ช่างบังเอิญอะไรอย่างนี้นะ อีกหน่อยฉันก็จะไปเข้าเรียนที่ฉีซย่าเหมือนกัน หวังว่าพวกเราจะเข้ากันได้ดีนะคะ ^_^]