ตอนที่ 138 ด้วยความยินดี และเรียกฉันว่าพลเมืองดี
แก้มทั้งสองของอันซย่าซย่าเปลี่ยนเป็นสีชมพูเรื่อในทันที
เจ้าคนบ้า! อสูรร้าย! เจ้าหมูเน่า!
เขากำลังล้อเธอเล่นเป็นเรื่องสนุกไปเลย!
เธอจ้องหน้าเซิ่งอี่เจ๋อ พยายามจะฆ่าเขาด้วยรังสีอำมหิต
อย่างไรก็ตาม มันไม่ได้ผลกับเขาเลยสักนิด แล้วเธอก็ต้องลงเอยด้วยการหดตัวกลับเข้าไปอยู่ใต้ผ้านวมพร้อมกับแก้มที่ร้อนระอุเสียจนแทบจะทอดไข่ได้!
โชคดีที่เซิ่งอี่เจ๋อไม่ตั้งใจจะแกล้งให้เธอได้อายจริงๆ แล้วจากนั้นครู่เดียวหลังจากล้อเธอเสร็จเขาก็ออกไปจากห้อง
เมื่อไม่มีเสียงอะไรภายในห้องแล้ว อันซย่าซย่าก็ค่อยๆ โผล่ศีรษะน้อยๆ ของเธอออกมาจากผ้านวม แล้วก็วิ่งเข้าห้องน้ำไปพร้อมกับผ้าอนามัย
หลังจากล้างเนื้อล้างตัวแล้ว เธอก็ปีนกลับขึ้นเตียงแล้วนั่งจ้องมองอากาศว่างเปล่าอย่างเลื่อนลอยขณะที่ถือเครื่องอุ่นมือที่เซิ่งอี่เจ๋อเพิ่งซื้อมาให้
พอมาคิดๆ ดูแล้ว เซิ่งอี่เจ๋อก็ไม่ได้น่ารำคาญเท่าตอนแรกๆ
เพราะว่าเธอชอบหรงเช่อเอามากๆ เธอเคยเฮตามคนอื่นๆ ในการโพสต์ให้ร้ายเซิ่งอี่เจ๋อ พอเธอได้โพสต์ด่าว่าเขาอย่างสะใจแล้ว ก็เริ่มที่จะเกลียดเขาขึ้นมาจริงๆ
แต่อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เธอได้รู้จักกับเซิ่งอี่เจ๋อในชีวิตจริงแล้ว ความประทับใจที่เขาทิ้งไว้ให้เธอก็เปลี่ยนไปอย่างมาก
ถึงแม้ว่าบางครั้งเขาจะทำตัวเหลือทนไปบ้าง แต่โดยส่วนใหญ่แล้ว เธอก็คิดว่าเขาเป็นคนดี
แล้วยังจูบนั่นอีก… มันเป็นแค่เรื่องตลกหรือว่าเขาตั้งใจจริงๆ นะ
อันซย่าซย่าพยายามคิดทบทวนจนปวดหัว เธอเอาข้อนิ้วเคาะหน้าผากตัวเองก่อนจะดึงผ้านวมขึ้นมาคลุมหน้าแล้วก็ผล็อยหลับไป
เมื่อตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ก็เป็นเวลากลางดึกแล้ว
ห้องเงียบสงัด มีเพียงโคมไฟดวงเดียวที่เปิดไว้ ซึ่งถูกหรี่เป็นสีเหลืองจางๆ
มีกระดาษโน้ตแผ่นหนึ่งทิ้งไว้ข้างโคมไฟ
เธอหยิบมันขึ้นมาและเห็นว่ามันมาจากเซิ่งอี่เจ๋อ
“ฉันเหลือมื้อค่ำไว้ให้ในหม้อ กินซะแล้วก็อย่านอนดึกล่ะ”
น้ำเสียงในนั้นฟังดูห้วนๆ และเฉยเมย แต่ลายมือของเขากลับดูแข็งแรง มีพลังและมีความเด็ดเดี่ยวซ่อนอยู่ภายใน
อันซย่าซย่าเบะปาก คลานออกจากเตียงและเข้าไปในครัว มีข้าวต้มซึ่งถูกอุ่นเอาไว้อยู่ในหม้อหุงข้าวไฟฟ้า
เธอตักข้าวต้มใส่ถ้วยให้ตัวเอง แล้วก็ค่อยๆ จิบกิน อยู่ๆ ร่างหนึ่งก็โผล่ออกมาจากเงามืด ซึ่งทำให้หญิงสาวสะดุ้งจนเกือบจะทำชามตก
“นั่นใครน่ะ”
“พี่เอง” น้ำเสียงเย็นเยียบและเฉยเมยนั้นทำให้เด็กสาวถอนหายใจอย่างโล่งอก
“พี่ทำให้หนูตกใจเกือบตาย! พี่ลุกจากที่นอนมาทำอะไรในครัวน่ะ” อันซย่าซย่าตบหน้าอกตัวเองเบาๆ ยังคงสั่นไม่หาย
อันอี้เป่ยคว้าชามข้าวต้มจากมือเธออย่างไม่ปรานี จิบชิมอยู่สองสามคำก่อนจะตั้งข้อสังเกตอย่างเฉียบคม “มโนธรรมอันเงียบสงบสามารถพ้นผ่านพายุฟ้าคะนองไปได้ แล้วเธอไปทำอะไรมา”
อันซย่าซย่าส่ายหน้าไปมา “เปล่านะ!”
อันอี้เป่ยจ้องมองเธออยู่ครู่หนึ่งก่อนจะยิ้ม “เธอยังจะไปเทศกาลดนตรีปีหน้าอยู่อีกหรือเปล่า เดี๋ยวนี้พี่ไม่เห็นเธอซ้อมเลย หรือว่าจะเลิกแล้ว”
อันซย่าซย่าลูบหัวตัวเอง พอมาคิดดูแล้ว เธอก็เหลวไหลมาพักใหญ่แล้วล่ะ T_T
“หนูจะเริ่มซ้อมวันพรุ่งนี้” เธอสัญญาด้วยเสียงเล็กๆ แล้วอยู่ๆ ก็ดูเหมือนบางอย่างจะกระจ่างขึ้นสำหรับอันอี้เป่ยขณะที่เขายิ้มอย่างอ่อนโยนให้อันซย่าซย่า “พี่ได้ยินว่าโทรศัพท์เธอตายสนิทไปซะแล้วนี่ พี่มีของขวัญให้เธอ”
ใบหน้าหญิงสาวสดใสขึ้น เธอมองพี่ชายอย่างคาดหมาย
ว้าว! พี่ชายเธอใจดีจังเลยที่จะซื้อเครื่องใหม่ให้เธอ!
อันอี้เป่ยโยนโทรศัพท์ให้เธอพร้อมกับรอยยิ้ม
“ด้วยความยินดี เธอจะเรียกพี่ว่าพลเมืองดีก็ได้นะ”
สีหน้าอันซย่าซย่าเปลี่ยนจากความคาดหวังไปเป็นสิ้นหวัง
ใครสักคนช่วยบอกเธอหน่อยได้ไหม ว่าไอ้เจ้าโนเกียแท่งนี้ที่หนาเตอะอย่างกับก้อนอิฐนี่มันเรื่องตลกอะไรกัน
เธอลองกดปุ่มมั่วๆ ดูเพื่อเปิดหน้าจอ แล้วภายในห้องครัวก็มีเสียงสเตอริโอคุณภาพต่ำดังขึ้น
“มะ-มันคงไม่ใช่โทรศัพท์ของคุณปู่หรอกนะ…” อันซย่าซย่าอยากจะร้องไห้ แต่ก็ร้องไม่ออก
“ถูกต้อง!” รอยยิ้มบนใบหน้าของอันอี้เป่ยเตือนให้เธอนึกถึงจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์ “ช่างเหมาะกับเธออะไรเช่นนี้ แม่น้องสาวตัวน้อยของพี่ ฝันดีนะ”
เขาโบกมือให้เธอก่อนจะออกจากครัวไป เห็นได้ชัดว่าสะใจอย่างแรง
อันซย่าซย่ายืนอยู่ตรงนั้นพลางมองขึ้นไปยังท้องฟ้าด้วยความสิ้นหวัง
เธอจะทำยังไงกับพี่ชายตัวร้ายของเธอดี ใครก็ได้บอกเธอที!
ตอนที่ 139 ตัวตนของมู่หลี (1)
อันซย่าซย่ากลับมาที่ห้องนอนพร้อมกับโทรศัพท์เครื่องนั้น หยิบเอาซิมที่ได้มาแทนอันเก่าใส่เข้าไป แต่อย่างไรก็ตาม เธอรู้สึกหมดความสนใจที่จะเล่นมัน
หญิงสาวทิ้งตัวลงนอน กลิ้งไปกลิ้งมา และกัดฟันเล่นด้วยความอึดอัดใจ
พอเห็นกองผ้าอนามัยข้างเตียงก็เตือนให้เธอนึกถึงเซิ่งอี่เจ๋ออีกครั้ง…
เธอควรจะทำยังไงเมื่อเจอเขาพรุ่งนี้
เธอจะพูดอะไรดี แล้วจะเอามือวางไว้ตรงไหน โอ๊ย!!!
เช้าวันต่อมา อันซย่าซย่าเต็มไปด้วยความสงสัยเมื่อลงมาทานอาหารเช้า ทว่าหลังจากที่รออยู่นาน ก็มีเพียงแค่เหอจยาอวี๋ที่มาทานกับเธอ เซิ่งอี่เจ๋อและฉือหยวนเฟิงไม่รู้หายไปไหน
“อีกสองคนไปไหนล่ะ” อันซย่าซย่าถามอย่างสงสัย
เหอจยาอวี๋ยิ้ม “พวกเขาออกไปถ่ายละครน่ะ เธอคงไม่ได้เจอทั้งสองคนจนกว่าจะสัปดาห์หน้าเลย”
“อย่างนั้นเหรอ…” เธอรู้สึกใจหายนิดๆ เมื่อได้ยินดังนั้น แต่ด้วยความสงสัยเธอจึงถามขึ้น “แล้วทำไมนายถึงยังอยู่ที่นี่ล่ะ”
“ฉันมีฉากที่ต้องแสดงน้อยที่สุดในทั้งสามคนแล้วก็ถ่ายเสร็จเรียบร้อยแล้ว” เหอจยาอวี๋ตอบพร้อมกับรอยยิ้มอันอบอุ่นเช่นเดียวกับสายลมในฤดูใบไม้ผลิ
อันซย่าซย่าสะดุ้งนิดๆ แต่หลังจากที่ลังเลอยู่ครู่ใหญ่เธอก็ถามอีก “ฉันขอถามอะไรหน่อยได้ไหม”
“หืม”
“พวกนายคงไม่ได้อยู่ในช่วงขาลงหรอกนะ…” อันซย่าซย่าพูดอย่างเคร่งเครียด เธอรู้สึกจากก้นบึ้งในใจว่าสตาร์รี่ไนต์เก็บตัวนานเกินไปแล้ว!
เหอจยาอวี๋ยิ้มพลางทิ้งปริศนาเอาไว้ว่า “ลองเดาดูสิ” ก่อนจะวางชามข้าวลงอย่างปรานีตบรรจงและกลับขึ้นชั้นบนไป
อันซย่าซย่ายิ่งสับสนหนัก
–
วันจันทร์
เป็นตามที่คาดไว้เลย ซูเสี่ยวมั่วหัวเราะเยาะเธออย่างไร้ความปรานี
“ฮ่าๆๆ ดูโทรศัพท์เธอเข้าสิ! ฉันหัวเราะจนแทบตกเก้าอี้แล้วเนี่ย! ใช่ไหม คังเจี้ยน นายชอบเกาลัดไม่ใช่เหรอ มีติดมาโรงเรียนด้วยไหมวันนี้” ซูเสี่ยวมั่วหัวเราะอย่างบ้าคลั่งคุมไม่อยู่
คังเจี้ยนหยิบเกาลัดสองลูกออกมาจากกระเป๋า แล้วซูเสี่ยวมั่วก็เอาโทรศัพท์กะเทาะเปลือกมันอย่างสนุกสนาน
อันซย่าซย่าพูดด้วยความสิ้นหวัง “ซูเสี่ยวมั่ว ยัยคนไร้หัวใจ! นั่นมันโทรศัพท์ฉันนะ.. อื้ม ว่าแต่เกาลัดนี่ก็อร่อยดีนะ…”
เธอเคี้ยวเกาลัดที่ซูเสี่ยวมั่วจับยัดเข้าไปในปาก พลางมองไปยังโทรศัพท์ซึ่งไร้รอยขีดข่วนพลางคิดในแง่ดีว่า “นั่นเป็นหนทางหนึ่งในการเปลี่ยนขยะให้กลายเป็นกำไร”
“ทำไมวันนี้เซิ่งอี่เจ๋อไม่มาโรงเรียนล่ะ เออนี่ แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ฉันมีอะไรจะให้เธอดู!” ซูเสี่ยวมั่วยิ้มอย่างมีเลศนัย และเปิดภาพวาดในโทรศัพท์ของหล่อนให้ดู จากนั้นก็แอบยื่นมาตรงหน้าอันซย่าซย่า
หญิงสาวแอบดูและเห็นว่ามันภาพวาดแนวมังงะ ซึ่งมีผู้ชายซึ่งเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์อันเย้ายวนอยู่ข้างบน และเด็กหนุ่มรูปหล่ออยู่เบื้องล่าง ระดับความชัดเจนแจ่มแจ้งของรูปวาดนั้นทำเอาเธอแทบเลือดกำเดาพุ่ง!
“โอ๊ยตายแล้ว!” อันซย่าซย่ายกมือป้องจมูกขณะที่ในหัวเธอเต็มไปด้วยภาพวีเชฟ ซิกซ์แพ็ก และ…
เลือดกำเดาของเธอเริ่มไหลออกมาแล้ว
พระเจ้า! หยุดเดี๋ยวนี้นะ!
ซูเสี่ยวมั่วช่างเป็นเด็กสาวที่เปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์จริงๆ และเป็นนักวาดรูปกระตุ้นจิตวิญญาณตัวจริงอย่างที่เคยบอกไว้! เธอเป็นกูรูของเหล่ากูรูอีกที!
คังเจี้ยนพึมพำ “พวกเธอสองคนทำอะไรอยู่น่ะ ขอดูด้วยสิ”
ก่อนเขาจะเข้ามาใกล้ ซูเสี่ยวมั่วก็เตะเขาออกไป “ไปให้พ้น นี่เรื่องของสาวๆ นายห้ามยุ่ง!”
คังเจี้ยนเบ้ปากก่อนจะนั่งลงอย่างอิดออด
“ฉันรีบวาดให้เสร็จเมื่อคืน…ส่วนที่สามของฉันก็เรียบร้อยแล้วนะ…” ซูเสี่ยวมั่วหัวเราะคิกคัก “เธอ ฉัน กับมู่หลีจะได้แบ่งกำไรกันเมื่อมันขายได้ วะฮะฮะฮ่า!”
อันซย่าซย่ามีท่าทางงุนงง “แล้วไหนมู่หลีล่ะ”
ซูเสี่ยวมั่วมองไปรอบๆ ห้องแล้วตบโต๊ะ “ให้ตายสิ! นางตัวร้ายเจี่ยนซินเอ๋อร์ต้องกำลังรังแกหล่อนอีกแล้วแน่ๆ ฉันจะไม่ขอทน!”
ก่อนที่ซูเสี่ยวมั่วจะทันพูดจบ ก็มีเสียงดังปังที่ประตู
เจี่ยนซินเอ๋อร์กระชากผมมู่หลีแล้วกระแทกหัวเธอเข้ากับบานประตูห้องระหว่างที่ปากก็กรีดร้อง “แกกล้าดียังถึงได้หลบ! รู้ไหมว่าแกเป็นอะไร”