ยัยจอมกวนป่วนหัวใจนายไอดอล – ตอนที่ 140 ตัวตนของมู่หลี (2) / ตอนที่ 141 เชิญจัดการกับยัยบื้อซย่าซย่าตามสบายเลย

ตอนที่ 140 ตัวตนของมู่หลี (2)

 

 

คนทั้งห้องตกตะลึง แม้จะเป็นอันรู้กันว่าเจี่ยนซินเอ๋อร์มีนิสัยขี้โมโห แต่การทำร้ายเพื่อนนักเรียนคนอื่นต่อหน้าทุกคนแบบนี้มันรุนแรงเกินไป!

 

 

ผู้ดูแลห้องตำหนิเธออย่างรุนแรง “เจี่ยนซินเอ๋อร์ หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ! ไม่อย่างนั้นฉันจะรายงานครูประจำชั้น!”

 

 

“ทำไม นายออกรับแทนเธองั้นเรอะ หรือว่ามีอะไรระหว่างพวกเธอที่เราไม่รู้กันนะ” ติงอีอีหัวเราะคิกคัก ผู้ดูแลห้องถึงกับหน้าแดง

 

 

มู่หลีดิ้นขลุกขลักพลางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง “ปล่อยฉันนะ…”

 

 

เจี่ยนซินเอ๋อร์ตบเธอ “นรกเถอะ! แกกล้าดียังไงมาพูดกับฉัน! เธอเก็บงำมันมานานแล้ว ถึงเวลาที่ต้องคายความลับแล้ว และนี่คือสิ่งที่ทุกคนจะได้เก็บไปคิด ทายซิว่ามู่หลีเป็นใคร”

 

 

ทุกคนเริ่มคุยกันด้วยเสียงแผ่วเบาขณะที่มู่หลีกัดริมฝีปาก น้ำตาเอ่อนอง

 

 

“พ่อของเธอเป็นฆาตกร และแม่ก็เป็นเมียน้อยและพี่เลี้ยงของตระกูลฉีไงล่ะ!” เจี่ยนซินเอ๋อร์กล่าวด้วยน้ำเสียงสะใจ

 

 

“ตระกูลฉี ตระกูลฉีเหยียนซีน่ะเหรอ”

 

 

“ให้ตาย คนเราดูจากเปลือกนอกไม่ได้เลย ฆาตกรกับเมียน้อย ช่างน่าขยะแขยงจริงๆ!”

 

 

“ไม่แปลกใจเลยที่เธอไม่ค่อยพูด คงเป็นเพราะความละอายต่อความผิดในใจ”

 

 

ใบหน้ามู่หลีแดงก่ำกับคำพูดเหล่านั้น เธอพยายามต่อสู้สุดขีดเพื่อไม่ให้ร้องไห้ออกมา

 

 

เธอรู้มาตั้งแต่เด็กๆ แล้วว่าข่าวลือมันน่ากลัวแค่ไหน ถ้อยคำที่ตั้งใจสร้างความเจ็บปวดและสายตารังเกียจเดียดฉันท์เป็นสิ่งที่น่าอัปยศที่สุด

 

 

เธอไม่มีสิทธิ์เลือกว่าจะเกิดมาในครอบครัวไหน เพราะพ่อแม่ของเธอ ทำให้เธอได้รับสายตาเหยียดหยามตลอดเวลาตั้งแต่โตมา

 

 

หลายครั้งที่เธอไม่สามารถหาคำตอบได้ว่าทำไมโลกนี้ถึงได้เป็นแบบนี้ พ่อเธอเป็นฆาตกร ส่วนแม่ก็เป็นเมียน้อย แต่ทำไมมันถึงมาเกี่ยวข้องกับเธอด้วยล่ะ แล้วมันเป็นธุระของคนอื่นตรงไหนกัน ทำไมอดีตอันไม่น่าพูดถึงของเธอถึงได้กลายเป็นเรื่องที่ถูกหยิบเอามาพูดคุย

 

 

สิ่งที่เจี่ยนซินเอ๋อร์ทำเหมือนกับการฉีกทึ้งแผลเก่าของเธอให้เปิดออก ก่อนจะราดน้ำเกลือลงไปซ้ำ

 

 

“พอได้แล้ว เจี่ยนซินเอ๋อร์! เธอได้อะไรกับการที่เปิดแผลเก่าของคนอื่นเล่นน่ะ” ซูเสี่ยวมั่วอดรนทนไม่ไหว จึงออกรับหน้าแทนมู่หลี

 

 

“ก็หล่อนน่ารังเกียจ ทำไมฉันจะพูดไม่ได้” ด้วยมือที่ยังจิกผมของมู่หลี เจี่ยนซินเอ๋อร์กลับมองมาที่อันซย่าซย่าอย่างยั่วโมโห

 

 

คืนก่อนที่งานเลี้ยงวันเกิดของฉีเหยียนซี เธอเห็นฉีเหยียนซีลากตัวอันซย่าซย่าออกไปข้างนอก เพราะสงสัยว่ามีอะไรบางอย่างระหว่างสองคนนั้น เธอก็เลยตามทั้งสองออกไป

 

 

ไม่คิดเลยว่าเธอจะได้เห็นเซิ่งอี่เจ๋อมาช่วยอันซย่าซย่า

 

 

เธอแทบกระอักด้วยความแค้น!

 

 

พอกลับเข้ามาที่ห้องโถงด้วยความโกรธแค้น เธอก็เห็นมู่หลีในชุดคนรับใช้กำลังยืนอยู่ที่มุมห้อง

 

 

เธอจึงถามพ่อบ้านของตระกูลฉีเรื่องนี้ แล้วเขาก็เล่าให้เธอฟังเกี่ยวกับครอบครัวของมู่หลีและความจริงที่ว่าเธอมาทำงานเป็นสาวใช้ของตระกูลฉีหลังเลิกเรียนเพราะสภาพยากจน

 

 

เมื่อเจี่ยนซินเอ๋อร์ได้ยินว่าอันซย่าซย่า ซูเสี่ยวมั่วและมู่หลีค่อนข้างสนิทกันมากช่วงหลังๆ มานี้ เธอจึงได้ความคิดว่าจะสั่งสอนบทเรียนให้กับมู่หลี

 

 

มันเป็นหนทางที่จะแสดงให้อันซย่าซย่าเห็นถึงอำนาจของเธอ

 

 

แต่อย่างไรก็ตาม อันซย่าซย่าไม่เคยคิดแบบนั้นเลย เธอเพียงแต่มองเจี่ยนซินเอ๋อร์อย่างสงบ “เจี่ยนซินเอ๋อร์ เธอกำลังพยายามจะเรียกร้องความสนใจด้วยการรุกล้ำความเป็นส่วนตัวของคนอื่น และสนุกกับการเหยียบย่ำความนับถือตัวเองของคนอื่น แบบนั้นมันไม่น่ารังเกียจกว่าหรอกเหรอ”

 

 

เจี่ยนซินเอ๋อร์กัดฟันกรอด เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าอันซย่าซย่าจะเจ้าสำนวนขนาดนี้!

 

 

เพื่อนนักเรียนบางคนก็เห็นด้วยเช่นกัน

 

 

“เจี่ยนซินเอ๋อร์ เธอล้ำเส้นเกินไปนะ!”

 

 

“เฮ้อ ประวัติของมู่หลีเกี่ยวข้องอะไรกับเธอล่ะ”

 

 

“เธอไม่ได้กำลังวางแผนอะไรอย่างอื่นอยู่ใช่ไหม”

 

 

เมื่อเห็นว่าความคิดเห็นส่วนรวมดันย้อนกลับมาที่เธอ เจี่ยนซินเอ๋อร์ก็ยิ่งแค้นหนัก เธอกำลังจะตบมู่หลีอีกครั้งเมื่อลูกถีบส่งเธอให้แล่นถลาเข้ามาในห้อง

 

 

ร่างสูงโปร่งร่างหนึ่งยืนอยู่ที่ช่องประตู

 

 

“ฉันไม่เคยพูดว่าจะไม่ทำร้ายผู้หญิงนี่ ใช่ไหม”

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 141 เชิญจัดการกับยัยบื้อซย่าซย่าตามสบายเลย

 

 

ฉีเหยียนซีปรากฏตัวขึ้นด้วยใบหน้าถมึงทึงราวกับปีศาจ

 

 

เจี่ยนซินเอ๋อร์ตะเกียกตะกายลุกขึ้นยืน สั่นเทิ้มเสียจนเธอลืมที่จะร้องเพราะความเจ็บ

 

 

“นะ-นายน้อยฉี…” เจี่ยนซินเอ๋อร์พูดตะกุกตะกัก ฉีเหยียนซีเย้ยหยัน “แล้วเธอคิดว่าเธอเป็นใครกัน เจี่ยนเอนเตอร์ไพรส์กิจการดีจนต้องยื่นจมูกเข้ามายุ่งกิจการภายในของครอบครัวฉันแล้วเรอะ”

 

 

ใบหน้าเธอซีดเผือดลงขณะที่พยายามจะอธิบาย “แต่ว่ามู่หลีน่ะเป็นนางตัวร้ายที่เกิดมาต่ำต้อย! คุณไม่รู้จักกำพืด…”

 

 

ฉีเหยียนซีเตะโต๊ะแถวหน้าสุดดังปัง พลางจ้องหน้าเจี่ยนซินเอ๋อร์อย่างไว้ตัว “ทีนางตัวร้ายปากมากอย่างเธอยังเรียนที่ฉีซย่าได้เลยนี่”

 

 

เจี่ยนซินเอ๋อร์สะท้าน เมื่อพูดถึงเรื่องที่ฉีซย่า… ถึงแม้จะเป็นลูกสาวตระกูลเจี่ยน แต่เธอก็ยังต้องใช้เส้นสายมากมายกว่าจะได้เข้ามาเรียน

 

 

“เขาเป็นเพื่อนฉัน จากนี้ต่อไป ฉันไม่ต้องการได้ยินใครหน้าไหนพูดอะไรไม่ดีเกี่ยวกับเขาอีก ไม่งั้นอย่าหาว่าฉันไม่เตือน!” หลังจากประกาศออกไป ฉีเหยียนซีก็หันมามองมู่หลี จากนั้นก็เดินมายังที่นั่งของเขา

 

 

อันซย่าซย่าและซูเสี่ยวมั่วรีบเข้าไปช่วยมู่หลีทันที ซูเสี่ยวมั่วถามอย่างเป็นห่วง “เธอจะไปห้องพยาบาลไหม”

 

 

มู่หลีส่ายหน้า “ไม่เป็นไร ขอบใจ…”

 

 

เธอเงยหน้ามองเด็กสาวที่ช่วยออกหน้าแทนเธอ แล้วก็รู้สึกว่าน้ำตาเริ่มรื้นขึ้นมาอีก

 

 

เมื่อได้ยินคำขู่ที่น่ากลัวของฉีเหยียนซี ทั้งห้องก็กลับเข้าประจำที่ของตน และเตรียมพร้อมที่จะเรียนคาบเช้า

 

 

อันซย่าซย่าคุยกับซูเสี่ยวมั่วซึ่งนั่งอยู่ข้างหน้าเธอเบาๆ “นายฉีเหยียนซีนี่เป็นใครกัน”

 

 

ก่อนที่ซูเสี่ยวมั่วจะทันได้ตอบ เธอก็ดูตกใจพลางชี้ไปที่ด้านข้างของอันซย่าซย่า

 

 

ด้วยความงง อันซย่าซย่าหันไปและเห็นว่าฉีเหยียนซีกำลังนั่งลงข้างๆ เธอพร้อมกับวางกระเป๋านักเรียน

 

 

อันซย่าซย่าพูดตะกุกตะกัก “ที่นั่งนี้ไม่ว่างนะ!”

 

 

“วันนี้เขาไม่มานี่ ใช่ไหม” ฉีเหยียนซียิ้มอย่างกวนๆ “อ้อแล้วก็ ฉันยังไม่ได้แนะนำตัวเองอย่างเป็นทางการเลย ใช่ไหม ฉีเหยียนซี ทายาทของฉีกรุป”

 

 

ท่ามกลางอาณาจักรธุรกิจในเมืองอวี้แห่งนี้ กลุ่มธุรกิจกู้ เซิ่ง ฉี และเยี่ย คือสี่กลุ่มซึ่งใหญ่ที่สุด

 

 

กลุ่มธุรกิจฉีเป็นที่รู้จักกันดีถึงความร่ำรวยมหาศาล ดำเนินธุรกิจตั้งแต่ด้านอสังหาริมทรัพย์ การเงินและห้างสรรพสินค้า รวมไปถึงโรงเรียนและโรงพยาบาล

 

 

อันซย่าซย่าสูดหายใจเข้า “ก็เลยทำให้เครือฉีมีบ้านหลายหลังมากๆๆ … และที่ดินหลายแปลง…”

 

 

“อืม เธอก็รู้จักตระกูลฉันดีนี่” ฉีเหยียนซีเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง “ถูกต้องแล้ว และโรงเรียนแห่งนี้ก็เป็นของเราด้วย ฉี ซย่า นามสกุลฉันบวกกับชื่อต้นของเธอ ฮึ ดูเหมือนยังไงเราก็ต้องมารู้จักกัน”

 

 

มุมปากอันซย่าซย่ากระตุก เธอแสร้งทำเป็นกลับไปตั้งอ่านหนังสือระหว่างที่พยายามแยกแยะข้อเท็จจริงอย่างหนัก ว่าฉีเหยียนซีไม่ใช่คนธรรมดาอย่างที่เธอเคยคิด…

 

 

ฉีเหยียนซีผิวปากพลางท้าวศีรษะกับฝ่ามือ ชายหนุ่มจ้องมองอันซย่าซย่าตาไม่กะพริบ

 

 

เมื่ออันซย่าซย่ายกสมุดขึ้นมาบังหน้าเธอจากสายตาเขา เขาก็ดึงสมุดออกไป เธอเลยจะหนีไปนั่งที่อื่น เมื่อเห็นอย่างนั้นเขาจึงชิงพูดขึ้นอย่างเมินเฉย “เปลี่ยนที่ก็ได้ แต่ฉันไม่สัญญานะว่าจะเกิดอะไรขึ้น” อันซย่าซย่านั่งลงทันทีโดยไม่ตอบโต้

 

 

ซูเสี่ยวมั่วไม่อาจทนได้อีกต่อไปและเดินมาหาเขา โบกกำปั้นไปมา “อย่าได้คิดมารังแกยัยบื้อซย่าซย่าเชียวนะ! ฉันก็ใช้กำลังเป็นเหมือนกัน!”

 

 

ฉีเหยียนซีคว้าข้อมือเธอแล้วบิดแขนไปไพล่หลังไว้ ซูเสี่ยวมั่วยอมแพ้ในทันใด

 

 

“เมตตาด้วยเถอะ พ่อฮีโร่ของฉัน จะทำอะไรกับยัยบื้อนี่ก็เชิญเลย” ซูเสี่ยวมั่วสวมรอยยิ้มประจบประแจง

 

 

อันซย่าซย่าเฝ้ามองอย่างสิ้นหวัง มิตรภาพสมัยนี้ช่างเปราะบางเหลือเกิน!

 

 

ฉีเหยียนซียิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “ยัยบื้อซย่าซย่าเหรอ ชื่อดีนี่ แต่จากนี้ต่อไป ฉันจะเป็นคนเดียวที่เรียกเธอว่าอย่างนั้น!”

ยัยจอมกวนป่วนหัวใจนายไอดอล

ยัยจอมกวนป่วนหัวใจนายไอดอล

อันซย่าซย่า แอนตี้แฟนของกลุ่มไอดอลวงสตาร์รี่ไนต์ชอบหาเรื่องมาฉะด่าว่าร้าย เซิ่งอี่เจ๋อ นักร้องนำของวงไม่เว้นวัน นี่จะนับว่าเป็นงานอดิเรกสุดโปรดของเธอเลยก็ว่าได้ ทว่าเหมือนโชคชะตาเล่นตลก พอเธอเข้าเรียนมัธยมวันแรก สามหนุ่มวงสตาร์รี่ไนต์ก็กลับกลายมาเป็นเพื่อนร่วมชั้นเธอเสียได้ ซ้ำร้ายยังมาเช่าบ้านเธออยู่อีก! ถ้าเธอไม่เผลอไปเฉี่ยวชนรถคันหรูราคาแพงของเซิ่งอี่เจ๋อเข้าจนเป็นหนี้หัวโตก็คงจะมีข้อแม้มาไล่เขาออกจากบ้านได้ สุดท้ายก็ได้แต่ยอมจำนน แถมยังตกปากรับคำเป็นผู้ช่วยศิลปินจำเป็น ทำงานใช้หนี้ทั้งที่เธอยังอยู่แค่มัธยมปลายแท้ๆ จะว่าไปแล้ว เจ้าหน้าหล่อนั่นดูท่าทางจะสนใจเธอเป็นพิเศษด้วยสิ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset