ตอนที่ 152 หรงเช่อตัวจริง (1)
อันซย่าซย่ารู้สึกเหมือนมีสายฟ้าฟาดเปรี้ยงในหัวเธอแล้วเสียงนั้นก็ดังกระหึ่มก้องอยู่ในนั้น
เธอไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังเร่งฝีเท้าก้าวไวขึ้นระหว่างที่เอ่ยถาม “สาหัสแค่ไหนเหรอ ถึงชีวิตหรือเปล่า เขาบาดเจ็บได้ยังไง”
เหอจยาอวี๋ถอนหายใจ “ก็ไม่รู้เหมือนกัน เดี๋ยวถึงโรงพยาบาลก็รู้เองแหละ แต่เสี่ยวเฟิงบอกว่าค่อนข้างหนักอยู่…”
รถตู้กำลังจอดรออยู่หน้าบ้าน
ในที่สุดเมื่อทั้งสองมาถึงโรงพยาบาล เหอจยาอวี๋ก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าอันซย่าซย่ากัดริมฝีปากตัวเองอย่างแรงจนแทบไม่มีสีเลือด
เขารู้สึกเสียใจ นี่เขาทำให้เธอตกใจกลัวหรือเปล่า
แต่อย่างไรเสีย เมื่อเห็นเธอเป็นห่วงเซิ่งอี่เจ๋อขนาดนั้น ก็หมายความว่าความรู้สึกที่เพื่อนเขามีต่อเธอก็ไม่ใช่สิ่งสูญเปล่า
เขาลูบศีรษะหญิงสาวเพื่อปลอบโยนเธอ “ไม่ต้องเป็นห่วงน่า อี่เจ๋อแข็งแรงมาโดยตลอด เขาจะไม่เป็นไรหรอก”
อันซย่าซย่าพยักหน้าอย่างแกนๆ และเกือบจะสะดุดบันได โชคดีที่เหอจยาอวี๋คว้าเอาไว้ได้ทันเวลา
ณ โซนคนไข้วีไอพี
พวกเขาจองทั้งชั้นและปิดไม่ให้คนนอกเข้าออก พวกสื่อมวลชนคงระแคะระคายว่ามีเรื่องเกิดขึ้น นักข่าวจึงมากันอออยู่ข้างนอกแน่นขนัด เหอจยาอวี๋ต้องใช้ความพยายามแทรกตัวพาอันซย่าซย่าเข้าไปยังภายในอาคาร
หญิงสาวยืนอยู่ด้านหน้าแผนกพยาบาล สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ครั้งหนึ่งก่อนจะเดินเข้าไปอย่างเชื่องช้า
ทุกๆ ที่ที่เธอเดินผ่านจะพบแต่สีขาวโพลนและกลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อซึ่งเป็นลักษณะเด่นของโรงพยาบาลอยู่แล้ว
เด็กหนุ่มผู้หล่อเหลาอย่างร้ายกาจคนนั้นกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่บนเตียงคนไข้ ดูท่าทางสงบนิ่งเหมือนเคย
ฉือหยวนเฟิงทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ เตียงก่อนจะปอกแอปเปิลให้เซิ่งอี่เจ๋อ หัวคิ้วของเขาขมวดเข้าหากันด้วยความเป็นกังวล
“อี่เจ๋อ นายไม่เป็นไรใช่ไหม” เหอจยาอวี๋เอ่ยถาม
เซิ่งอี่เจ๋อเงยหน้าขึ้นมาเพราะน้ำเสียงนั้นและปรายสายตาจากเหอจยาอวี๋ไปยังเด็กสาวข้างๆ เขาโดยอัตโนมัติ
เธออยู่ในชุดกีฬาสีขาวปนชมพู เซิ่งอี่เจ๋อจำได้ว่าเป็นชุดที่ปกติแล้วเธอชอบใส่อยู่บ้าน ส่วนที่เท้าก็สวมรองเท้าแตะรูปกระต่ายขนฟูฟ่อง ผมหลุดลุ่ยยุ่งเหยิงเล็กน้อย ใบหน้าเล็กจุ๋มจิ๋มนั้นก็เต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
ไม่รู้ทำไม เห็นเช่นนั้นแล้วเซิ่งอี่เจ๋อกลับรู้สึกดีมาก
อย่างน้อยยัยจิ๋วซื่อบื้อที่เขาหยุดคิดถึงไม่ได้คนนี้ก็เป็นห่วงเขาเหมือนกัน
“ไม่เป็นอะไรมากหรอก แค่รอยข่วนน่ะ” เขาพูดอย่างสบายๆ
ชายหนุ่มเห็นชัดเจนทีเดียวว่าอันซย่าซย่าระบายลมหายใจของความโล่งใจออกมาพลางตบอกตัวเอง
ฉือหยวนเฟิงอดขัดขึ้นมาไม่ได้ “มันไม่ใช่แค่รอยขีดข่วนสิ! หมอบอกว่ากล้ามเนื้อที่ขาฉีกและต้องใช้เวลาเพื่อฟื้นฟูร่างกายอย่างน้อยครึ่งเดือน”
“ฉือหยวนเฟิง!” เซิ่งอี่เจ๋อตัดบทเขา น้ำเสียงดูไม่พอใจมาก ฉือหยวนเฟิงเบะปากแล้วกลับไปบอกแอปเปิลต่อ
อันซย่าซย่าถูมือกันไปมาและไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดอย่างไรดี ในตอนนั้นเองก็มีคนอีกสองคนเข้ามาในห้อง
เป็นผู้ชายกับผู้หญิง หรงเช่อกับหลีฝานซิงนั่นเอง
เมื่อเห็นไอดอลของตัวเอง อันซย่าซย่าก็ยังคงใจเต้นตึกตักอยู่เล็กน้อย
และก็กลายเป็นว่าหรงเช่อจำเธอได้เช่นเดียวกันก่อนจะทักทายเธอด้วยรอยยิ้ม จากนั้นเขาก็วางกระเช้าผลไม้หรูหราไว้บนโต๊ะข้างเตียงพร้อมยิ้มอย่างเป็นกันเอง “ขอให้นายหายไวๆ นะ อี่เจ๋อ”
เซิ่งอี่เจ๋อตอบรับด้วยการยิ้มมุมปาก ไม่ได้เอ่ยตอบอะไร
หลีฝานซิงผวาเข้าหาอ้อมแขนของเขา ร้องไห้ตัวโยนราวกับต้นสาลี่กำลังผลิดอกออกผลในวันที่ฝนตก “อี่เจ๋อ ฉันขอโทษ! เป็นเพราะฉันไม่ได้รัดสายเคเบิ้ลให้ดี เธอคงไม่ต้องบาดเจ็บถ้าไม่พยายามมาช่วยฉัน! ฮือ ฉันเสียใจ…”
มีคำกล่าวที่ว่า เพียงน้ำตาหยดเดียวของหญิงงามก็มีอำนาจพอที่จะยึดครองเมืองได้แล้ว
อันซย่าซย่าเคยคิดมาตลอดว่าคำกล่าวนั้นเกินจริงไปหน่อย แต่อย่างไรก็ตามในตอนนี้เมื่อหน้าสวยๆ ของหลีฝานซิงมาอยู่ตรงหน้าเธอ อยู่ๆ เด็กสาวก็ถูกถาโถมด้วยความรู้สึกต่ำต้อยขึ้นมาในทันใด
หลีฝานซิงกับเซิ่งอี่เจ๋อดูน่าจะเป็นคู่ที่น่ารักทีเดียว
เธอเดินออกจากห้องนั้นโดยไม่รู้ตัว แต่แล้วเซิ่งอี่เจ๋อก็เรียกเธอเอาไว้ “อันซย่าซย่า เธอจะไปไหนน่ะ”
อันซย่าซย่าบิดชายเสื้อไปมาราวกับเด็กน้อยที่เล่นซนแล้วถูกจับได้ก่อนจะโพล่งออกมา “เอ่อ นายอยากกินตีนเป็ดหรือเปล่า พ่อฉันบอกว่าตีนเป็ดจะช่วยรักษาร่างกายส่วนที่บาดเจ็บได้นะ ฉันจะไปหาซื้อให้!”
ตอนที่ 153 หรงเช่อตัวจริง (2)
ความเงียบเข้าครอบงำไปทั่วทั้งวอร์ด กระทั่งหลีฝานซิงเองก็หยุดคร่ำครวญแล้วชายตามองอันซย่าซย่าราวกับว่าเธอกำลังมองคนสติไม่ดีอยู่
ฉือหยวนเฟิงถึงกับอ้าปากค้าง เหอจยาอวี๋ดูท่าทางช็อก ขณะที่หรงเช่อกลับยิ้มน้อยๆ
เธอกล้าหาญขนาดเอาเซิ่งอี่เจ๋อไปเทียบกับหมูเชียวนะ เด็กสาวคนนี้มีแต่เรื่องที่ทำให้เขาประหลาดใจอยู่เสมอ!
อันซย่าซย่าเขินจนหน้าแดงเพราะเพิ่งรู้ตัวว่าได้พูดอะไรที่ไม่เหมาะสมออกไป เธอลูบศีรษะตัวเองด้วยความเก้อเขิน “ขอโทษด้วย…แต่มันมีร้านขาหมูเจ้าอร่อยอยู่แถวนี้จริงๆ นะ!”
มุมปากเซิ่งอี่เจ๋อขยับขึ้น ขณะที่ทุกคนพากันคิดว่าเขาจะต้องอารมณ์เสียเป็นแน่ แต่ชายหนุ่มกลับถามอย่างสงบ “เขามีรสอะไรบ้างล่ะ”
หืม คนอื่นๆ พากันอึ้งไปหมด
แม้กระทั่งอันซย่าซย่าเองก็ยังใช้เวลาครู่หนึ่งกว่าจะประมวลผลคำถามนั้นได้ จากนั้นจึงตอบตะกุกตะกัก “มีตีนเป็ดรสแซ่บ… รสฮอตแอนด์สไปซี่… อ้อ แล้วก็รสนิวออร์ลีนส์!”
“งั้นฉันเอาอย่างละอันแล้วกัน” เซิ่งอี่เจ๋อเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่ต่างจากเดิม
“อ๋อ…ไม่มีปัญหา!” อันซย่าซย่าพยักหน้าหงึกๆ อย่างเชื่อฟังแล้วรีบเดินออกไปซื้อตีนเป็ด
สีหน้าของหลีฝานซิงนั้นอธิบายได้ยาก หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่งเธอก็ปาดน้ำตาแล้วสวมใบหน้าร้องไห้คร่ำครวญต่อ
“อี่เจ๋อ ฉันไม่รู้จะขอบคุณยังไงดีสำหรับเรื่องนี้…” เธอเอ่ยอย่างเหนียมอาย
วันนี้เธอมีถ่ายทำฉากผาดโผน แผนการคือใช้ตัวแสดงแทนสำหรับฉากวันนี้ แต่อย่างไรก็ตาม ผู้กำกับไม่ค่อยพอใจกับภาพที่ออกมาเท่าไหร่นัก เธอก็เลยไม่มีทางเลือก ต้องแสดงฉากนี้ด้วยตัวเอง
แต่แล้วเมื่อตอนที่เธอลงมาถึงพื้นหลังจากที่ถ่ายเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ดันเกิดอุบัติเหตุขึ้น ถ้าไม่เป็นเพราะเซิ่งอี่เจ๋อที่ยืนอยู่ใกล้เธอที่สุดและคว้าตัวเธอเอาไว้ได้ทันเวลาแล้วละก็ เธอคงจะบาดเจ็บหนักกว่านี้แน่!
เซิ่งอี่เจ๋อสงวนท่าทีและผลักเธอออกห่างอย่างสุภาพ “ด้วยความยินดี ฉันก็ทำสิ่งที่ต้องทำนั่นล่ะ”
ในฐานะคนธรรมดาคนหนึ่ง การเพิกเฉยต่อคนที่กำลังเดือดร้อนมันเป็นเรื่องที่ค้านคติประจำใจของเขาอยู่แล้ว
แต่อย่างไรเสีย เรื่องที่หลีฝานซิงเคยแกล้งอันซย่าซย่าเอาไว้ยังคงฝังแน่นอยู่ในความทรงจำเขา ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่เขาจะไม่ค่อยอยากดีกับเธอนัก
เขามักจะเดินไปไหนมาไหนด้วยท่าทีสันโดษและปลีกตัวเสมอ แต่หลีฝานซิงนั้นเป็นคนที่คอยบ่อนทำลายออร่าแบบนั้นของเขา เธอกำลังจะพูดอะไรบางอย่างต่อไปอีกเมื่อเซิ่งอี่เจ๋อเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา “ขอโทษนะแต่ฉันอยากพักผ่อนแล้ว”
เธอกัดฟันกรอดพลางแสร้งปั้นยิ้ม “งั้นก็พักผ่อนเสียนะ ขอให้อาการดีขึ้นไวๆ”
จากนั้นเธอก็ออกไปจากห้องอย่างไม่เต็มใจ
เซิ่งอี่เจ๋อปรายตาไปมองหรงเช่อก่อนถามเขาด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำอย่างเนือยๆ “ยังอยู่ต่ออีกหรือรุ่นพี่หรงเช่อ”
“ฉันรู้ดีว่านายก็อยากให้ฉันไปให้พ้นๆ ยิ่งกว่าอะไร แต่ฉันอยากจะพูดอะไรสักอย่างกับนาย” หรงเช่อตอบพร้อมรอยยิ้ม
เหอจยาอวี๋ขมวดคิ้วพลางมองหน้ากับฉือหยวนเฟิง จากนั้นทั้งสองก็พากันเดินออกไปจากห้อง
“ไอ้เลวนั่นคงจะไม่พยายามทำอะไรพี่อี่เจ๋อหรอกนะ” ฉือหยวนเฟิงกำหมัดแน่น น้ำเสียงเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองใจ
เหอจยาอวี๋ยิ้ม “ไม่ต้องเป็นห่วงน่า อี่เจ๋อยังจัดการหมอนั่นได้ง่ายๆ ถึงแม้ทั้งมือและเท้าสองข้างจะถูกมัดอยู่ก็ตาม”
จากนั้นทั้งสองก็ออกไปจัดการกับนักข่าวทั้งหลาย ปล่อยให้เซิ่งอี่เจ๋อและหรงเช่ออยู่กันตามลำพังภายในห้องพยาบาล
อันซย่าซย่ากลับมาพร้อมกับตีนเป็ดถุงใหญ่กลิ่นหอมตลบอบอวล
หญิงสาวกำลังจะเปิดประตูแต่แล้วก็ชะงักกับเสียงจากด้านใน
“…เซิ่งอี่เจ๋อ! แกยังคิดว่าตัวเองเป็นหัวหน้าวงที่โด่งดังมีชื่อเสียงอยู่อีกเรอะ จะบอกให้นะ พวกแกจะถูกแขวนแน่ ไม่ช้าก็เร็ว!” น้ำเสียงหรงเช่อซึ่งปกติแล้วเตือนให้นึกถึงภาพของภูเขาในฤดูใบไม้ผลิ แต่ตอนนี้กลับฟังดูคนเป็นคนละคนไปเลย
“อ้อ อย่างนั้นเหรอ” เซิ่งอี่เจ๋อตอบอย่างสุขุม
“ฮึ! หลอกตัวเองไปเถอะ และสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นกับแกวันนี้ ฉันพูดได้อย่างเดียวเลยว่า สมน้ำหน้าแกแล้ว” นอกจากรอยยิ้มน่ามองบนใบหน้าของเขาแล้ว ถ้อยคำต่างๆ ที่ออกมาจากปากล้วนแล้วแต่อาฆาตมาดร้ายทั้งสิ้น
“ขอบคุณที่มานะ” เซิ่งอี่เจ๋อหันกลับไปอ่านหนังสือต่อ
หรงเช่อโมโหเป็นฟืนเป็นไฟกับท่าทีไม่สะทกสะท้านของอีกฝ่าย เขาหัวเราะหึแล้วหันหลังกลับ
เมื่อกระชากประตูเปิดออกก็ต้องตะลึงอยู่กับที่
“อันซย่าซย่า…”