ตอนที่ 172 ฉีซย่าปะทะเฉินเจียง (2)
ความเงียบเข้าครอบงำคนดูทั้งหมดขณะที่พวกเขาพากันเฝ้ามองเด็กหนุ่มผู้งดงามราวกับเทพเจ้าเดินเข้ามา ทุกจังหวะของการเดาะลูกบาสให้ความรู้สึกเหมือนเสียงกลองที่ดังกระตุ้นอยู่ภายในใจ
เหล่าเชียร์ลีดเดอร์เป็นกลุ่มแรกที่ได้สติกลับคืนมา และพวกเธอก็เริ่มส่งเสียงเชียร์ตามที่ครูผู้ฝึกออกคำสั่ง
“ฉีซย่าสู้ๆ! ฉีซย่าสู้ๆ!”
การส่งเสียงเชียร์นั้นเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนอื่นๆ และนักเรียนในหมู่คนดูเริ่มส่งเสียงตาม “ฉีซย่าสู้ๆ”
เสียงร้องเชียร์เป็นระลอกดังต่อเนื่องแล้วทั่วทั้งสนามกีฬาก็พากันส่งเสียงเชียร์ ณ ที่นั่นตรงนั้น นักเรียนทั้งหมดของฉีซย่าละทิ้งความแตกต่างและพากันส่งเสียงเชียร์ดังลั่นไปด้วยกัน
“ฉีซย่าสู้ๆ! สู้ๆ! สู้ๆ! สู้ๆ!”
ความมั่นอกมั่นใจทั้งหมดนั้นมาจากชายหนุ่มซึ่งกำลังเปล่งรัศมีผู้ยืนอยู่กลางหมู่ผู้คน
อันซย่าซย่าอ้าปากค้าง เธอตกใจแกมกังวลกับการมาของเซิ่งอี่เจ๋อ
เธอควรจะดีใจ เพราะได้เห็นฝีมือการเล่นบาสของเขามาก่อน บวกกับความมีชื่อเสียงโด่งดัง การปรากฏตัวของเขาก็เป็นสัญญาณว่าผลน่าจะออกมาดี
ทว่า… ความคิดแรกของเธอก็คือ เขายังไม่ฟื้นตัวดีจากอาการบาดเจ็บเลย…
ทำไมเจ้าคนดื้อด้านถึงชอบทำแบบนี้ทุกครั้งเลยนะ… เขาเข้าร่วมการแข่งทั้งๆ ที่ยังบาดเจ็บอยู่ และสร้างความประทับใจให้ทุกคนด้วยภาพลักษณ์หนุ่มสุดเท่ไร้ที่ติ เธอต้องยอมรับว่าเขาทั้งเท่และหล่อ แต่ทำไมเธอถึงอยากจะร้องไห้กันล่ะ…
“เฮ้ ทำไมเธอถึงร้องไห้ล่ะ” ใครคนหนึ่งพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาและอ่อนโยน ซึ่งทำให้อันซย่าซย่าดึงสติกลับคืนมา และเช็ดน้ำตาโดยไม่รู้ตัว
เธอกำลังร้องไห้จริงๆ
เธอร้องไห้…ต่อหน้าคนอื่นเพราะเธอเป็นห่วงเซิ่งอี่เจ๋อ!
โธ่… น่าอายเหลือเกิน… อันซย่าซย่าซุกหน้าเข้ากับฝ่ามือทั้งสองก่อนจะรีบมองไปรอบๆ โชคดีที่ทุกคนกำลังจริงจังอยู่กับการแข่งขัน และไม่มีใครสังเกตอาการของเธอ
แต่อย่างไรก็ตาม ผู้หญิงที่พูดกับเธอนั้นไม่ใช่หนึ่งในทีมเชียร์ลีดเดอร์ และก็ไม่ได้สวมเครื่องแบบนักเรียนฉีซย่า
เมื่อมองดูใกล้ๆ อันซย่าซย่าก็เห็นว่าเธอสวมชุดกีฬาสีฟ้าขาว… เธอเป็นนักเรียนโรงเรียนเฉินเจียง!
หญิงสาวเบิกตาโตพลางมองเด็กสาวคนนั้นด้วยความระแวดระวังราวกับเธอเพิ่งเผชิญหน้ากับสายลับ
เด็กสาวคนนั้นมีใบหน้ากลม ดวงตาดำสดใสดำขลับมีแววความเก่งกาจแฝงอยู่ในนั้น และเธอก็มีรอยยิ้มที่สามารถทลายกำแพงที่ใครๆ ก็อาจจะมีต่อเธอได้อย่างสบายๆ
ผู้หญิงคนนี้ดูหน้าคุ้นๆ …
“เธอจำฉันไม่ได้เหรอ ฉันซูเหนียนเหนียนไง! พวกเราเคยเจอกันที่การแข่งขันดนตรีตอนมัธยมต้นน่ะ” เด็กสาวคนนั้นส่งยิ้มหวานให้เธอ
นั่นกระตุ้นเตือนความจำของอันซย่าซย่า ซูเหนียนเหนียนเคยเป็นคู่แข่งตัวฉกาจในกลุ่มแข่งเปียโน แต่เธอได้ยินมาว่าสองสามปีที่ผ่านมาเธอไม่ได้เข้าแข่งขันที่ไหนเลย
ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะมาเจอเธอที่นี่
“เธอมาเชียร์ทีมโรงเรียนเธอเหรอ” อันซย่าซย่าถามเธอด้วยเสียงเล็กๆ
ซูเหนียนเหนียนพยักหน้าท่าทางไม่ค่อยสบายใจ “มันน่าเบื่อน่ะ พวกเขาชนะตลอดแล้วฉันก็ต้องตามพวกเขาไปทุกครั้งเลย”
อันซย่าซย่าอยากจะร้องไห้— มันเป็นปัญหาเฉพาะตัวของเชียร์ลีดเดอร์ทีมชั้นยอดใช่ไหม
โอ๊ย! เธอก็อยากให้ฉีซย่าชนะทุกเกมเหมือนกัน!
“ทำไมถึงร้องไห้ล่ะ ฉันเห็นว่าทีมของเธอก็มีผู้เล่นตัวฉกาจด้วยแล้วเขาก็เป็นดาราด้วยใช่ไหม เขาหล่อจังเลยเนอะ…” ซูเหนียนเหนียนยกมือทั้งสองขึ้นท้าวคางพลางยิ้มหวานหยาดเยิ้มแบบแฟนเพลง
อันซย่าซย่าถอนหายใจ “ฉันไม่รู้ว่าพวกเขาจะชนะไหมน่ะสิ”
“การแข่งขันมันจะสนุกก็เพราะเธอไม่มีทางรู้เลยว่าในท้ายที่สุดแล้วใครจะชนะ” ซูเหนียนเหนียนกะพริบตา “เธอไม่อยากให้ทีมเธอชนะหรอกหรือ”
อันซย่าซย่ากัดริมฝีปากพยักหน้า แต่แล้วก็ส่ายหน้าในอีกอึดใจต่อมา
ปฏิกิริยาของเธอทำให้ซูเหนียนเหนียนพูดไม่ออก หืม คนเราจะไม่อยากให้ทีมของตัวเองชนะและแพ้ในเวลาเดียวกันก็ได้หรือ
“ฉันอยากให้พวกเขาชนะ… แต่ฉันก็กลัวว่าจะชนะเหมือนกัน…” อันซย่าซย่าจ้องมองไปยังเซิ่งอี่เจ๋อ ใจลอย
เธออยากเห็นโรงเรียนฉีซย่าชนะอย่างเห็นได้ชัด
แต่จะชนะได้ ด้วยคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งในวันนี้ เซิ่งอี่เจ๋ออาจจะต้องลงเต็มแรง
การบาดเจ็บที่ขาของเขาอาจจะเลวร้ายลงเพราะเหตุนั้น…
อันซย่าซย่ากัดริมฝีปาก จมดิ่งอยู่กับความตื่นตระหนกซึ่งเธอไม่เคยรู้สึกมาก่อน
ตอนที่ 173 ฉีซย่าปะทะเฉินเจียง (3)
เขาเป็นคนประเภทที่ทุ่มสุดตัวเมื่อตั้งใจจะทำอะไรสักอย่าง— แล้วเขาก็เป็นแบบนั้นในธุรกิจบันเทิง ในการแข่งขันครั้งนี้ก็เช่นกัน
อันซย่าซย่าหวั่นวิตกมากเสียจนแทบมองเห็นความขัดข้องใจนั้นออกมาปรากฏบนหน้าผาก
ซูเหนียนเหนียนมองเธอด้วยความสับสน จากนั้นก็มองตามสายตาของเธอไป
เกิดความกระจ่างขึ้นในใจเธออีกครู่สั้นๆ ต่อมา
ว้าว ช่างโรแมนติกเหลือเกิน! นี่เป็นเรื่องราวของแฟนเพลงที่ตกหลุมรักไอดอลสุดหล่อ แล้วไอดอลคนนั้นก็เข้าแข่งขันเพื่อแฟนเพลงของเขา ทั้งสองจูบกันแล้วก็ลงเอยกันหลังจากไอดอลชนะการแข่งขันใช่ไหมนะ
ซูเหนียนเหนียนเจ้าแม่จอมแผนการกล่าวอำลากับอันซย่าซย่าอย่างร่าเริง ก่อนจะเดินดี๊ด๊ากลับไปที่ทีมของหล่อน
การแข่งขันผ่านไปเพียงสิบนาที ทั้งสองทีมทำแต้มได้เท่ากันอยู่
โดยมีถังหยูเป็นผู้เล่นตัวเต็ง ทีมเฉินเจียงก็ขึ้นอยู่กับทักษะส่วนตัวของเขาและเทคนิคการเล่นระดับมืออาชีพ ระหว่างที่เซิ่งอี่เจ๋อเป็นผู้เล่นตัวนำบุกในทีมฉีซย่า แต่ที่จริงแล้วเขาคุมทั้งสนามและเล่นเข้าขากับทุกคนในทีม
ด้วยแผนการเล่นแบบนี้ ประสิทธิภาพของทีมฉีซย่าก็ยกระดับขึ้นอย่างมาก
แม้ว่าอันซย่าซย่าจะไม่รู้เรื่องบาสเกตบอลมากนัก แต่ก็ยังบอกได้ว่าเซิ่งอี่เจ๋อและซีเหยียนซีมีสไตล์การเล่นที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง
ระหว่างที่คนหนึ่งพยายามสร้างให้ทุกคนในทีมมีบทบาทโดดเด่น แต่อีกคนก็เล่นเป็นภาพรวมได้อย่างสมบูรณ์แบบ
แต่อย่างไรก็ตาม… มันคงต้องเหนื่อยมากที่วิ่งขึ้นนำและวิ่งกลับลงมาอย่างนั้น เธอไม่โบกพู่ปอมปอมแล้วในตอนนี้ และทำได้เพียงแค่มองเขาอย่างกลุ้มใจ
ฉีซย่าได้อีกสองแต้มจากลูกสแลมดังก์!
เมื่อเห็นท่าทางว่าเริ่มเสียเปรียบ ทีมเฉินเจียงก็ส่งสัญญาณขอเวลานอก
ถังหยูเดินเข้าข้างสนามเพื่อพัก ร่างเล็กๆ ร่างหนึ่งก็ตรงเข้าเคียงข้างเขาพร้อมกับผ้าเช็ดตัว น้ำดื่มและการพูดคุยไม่หยุด
ใบหน้าเคร่งเครียดของถังหยูอ่อนลงเมื่อมีหล่อนอยู่ตรงนั้นพร้อมด้วยอารมณ์ที่ถูกซ่อนเร้นไว้ลึกๆ ภายในดวงตาของเขา สิงโตเจ้าป่ากลับกลายเป็นลูกแกะในเวลาเสี้ยววินาทีเดียว
ซูเหนียนเหนียนพูดคุยกับเขาอยู่นานพร้อมทำไม้ทำมือ เขาเลิกคิ้วขึ้นก่อนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสับสน “เธอจะขอให้ฉัน…ยอมแพ้การแข่งนี้”
“ไม่ใช่อย่างนั้น! นายอาจจะช่วยให้ความรักของทั้งคู่ลงเอยได้อย่างมีความสุข! พวกเรามีแต้มเพียงพอแล้ว และฉันก็ไม่สนใจเรื่องการแพ้ชนะ แต่มันไม่เหมือนกันสำหรับพวกเขา! สองคนนั้นอาจจะได้ตกลงปลงใจกันก็ได้ถ้าพวกเขาชนะ!” ซูเหนียนเหนียนกำมือพร้อมกับดวงตาอันเป็นประกาย
ถังหยูถอนหายใจและยอมแพ้ “ก็ได้ เข้าใจแล้ว ฉันจะนั่งเฉยๆ ตลอดการแข่งขันที่เหลือ พอใจไหม”
“เย้! พี่ถังหยู สุดยอดไปเลย!” ดวงตาของหล่อนยิ้มหยีจนกลายเป็นจันทร์เสี้ยว
ถังหยูมองดูใบหน้าอันร่าเริงของหล่อนจากทางหางตา เขาอดยิ้มออกมาไม่ได้
การแข่งขันดำเนินต่อไป แต่อย่างไรก็ตามทีมฉีซย่าต้องประหลาดใจ เมื่อผู้เล่นตัวหลักของทีมฝ่ายตรงข้ามถูกส่งไปนั่งพัก
ไม่ว่าพวกเขาจะวางแผนการไว้อย่างไร แต่ฉีซย่าก็มีทางเลือกเพียงทางเดียวสำหรับแผนการบุกนี้ นั่นคือพยายามต่อไป!
เซิ่งอี่เจ๋อรู้สึกตงิดๆ ก่อนจะมองไปทางที่ถังหยูนั่งอยู่ เขาเห็นแค่หมอนั่นกำลังเอาแต่นั่งเหม่อมองหน้าหญิงสาวข้างๆ
เป็นเรื่องงี่เง่าที่ผู้ชายมักทำเพื่อผู้หญิง… เซิ่งอี่เจ๋อบอกกับตัวเองอย่างเย้ยหยันในใจ มองข้ามความจริงที่ว่าเขาเองก็กำลังทำแบบเดียวกันไปโดยสิ้นเชิง
เขาชู้ตอีกสามแต้มอย่างใจเย็น และหันไปดูสกอร์ ถึงแม้ว่าถังหยูจะกลับเข้ามาแข่งขันอีกในตอนนี้ เขาก็ไม่สามารถกอบกู้ชะตากรรมของทีมเฉินเจียงได้
มากไปกว่านั้น ถังหยูก็ไม่ได้มีความคิดว่าจะกลับมาลงเล่นอีก
การแข่งขันดำเนินไปเช่นนี้จนกระทั่งนาทีสุดท้ายกับแต้มที่ไม่ธรรมดา
สีหน้าของอันซย่าซย่าเปลี่ยนจากกังวลเป็นตื่นเต้นดีใจ เมื่อกรรมการเป่านกหวีด เธอก็กระโดดด้วยความตื่นเต้น
“มั่วมั่ว เราชนะเหรอ พวกเราชนะจริงๆ เหรอ”
“อ๊ายยย! พวกเราชนะ! พวกเราทำได้แล้ว!”
ทั้งโรงเรียนโห่ร้องเชียร์ดังลั่น!
เซิ่งอี่เจ๋อปาดเหงื่อออกจากใบหน้า และพยายามไม่แสดงอาการปวดตุบๆ ที่ข้อเท้า
เธอน่าจะพอใจแล้วสินะในเมื่อพวกเขาชนะแล้ว