ตอนที่ 190 อนาคตของเขา ชีวิตของเธอ (5)
เซิ่งอี่เจ๋อขมวดคิ้ว เขาเข้าปกป้องอันซย่าซย่าจากหลูเคอโดยสัญชาตญาณ
เจ้เคอโมโหจี๊ด เจ้าเด็กนี่กลัวว่าหล่อนจะกินอันซย่าซย่าเข้าไปหรือยังไงกัน
“พวกเธอสามคนควรจะหยุดเรียนไปก่อนช่วงสองสามวันข้างหน้านี้ แล้วกลับไปอยู่ห้องชุดกลางใจเมือง ฉันเกรงว่าอยู่ที่นี่ต่อไปจะไม่ปลอดภัย พวกปาปารัสซีคงตามหาที่นี่เจอในไม่ช้าก็เร็ว” เจ้เคอสั่งเขาคร่าวๆ ก่อนที่จะหันไปหาอันซย่าซย่า “ไปคุยกันเถอะ”
ควันหอมๆ ลอยกรุ่นขึ้นมาจากถ้วยกาแฟบนโต๊ะ
อันซย่าซย่าก้มหน้าก้มตาเงียบๆ
เจ้เคอยกแก้วกาแฟของหล่อนขึ้นจิบ “ซย่าซย่า ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับอี่เจ๋อคืออะไรกันแน่”
หล่อนตั้งใจใช้โทนเสียงที่อ่อนลง และยั้งตัวเองไว้ไม่ให้ใช้ท่าทีข่มขู่อันเป็นบุคลิกของนางจิ้งจอกอย่างหล่อนเพื่อไม่ให้อันซย่าซย่าตกใจกลัว
หญิงสาวเองก็ไม่รู้จะตอบคำถามนั้นอย่างไร
เซิ่งอี่เจ๋อชอบว่าเธอว่าเป็นคนซื่อบื้อตลอดมาตั้งแต่แรก เธอเองก็รู้ตัวดีว่าเธอไม่ใช่คนที่ฉลาดที่สุดในห้องเหมือนกัน
ในด้านความรู้สึกแล้ว เธอยิ่งช้าเขาไปใหญ่ เธอไม่เคยคบหากับใคร แล้วก็ไม่เคยนึกชอบใครในทางแบบนั้นมาก่อน
กระนั้น เธอเองก็รู้สึกสับสนมาตลอดเกี่ยวกับความรู้สึกที่มีต่อเซิ่งอี่เจ่อ และกระอักกระอ่วนใจว่าจะดำเนินมันต่อไปอย่างไรดี
เมื่อไหร่ก็ตามที่ทั้งคู่เริ่มเดินหน้าไปในทิศทางที่ใกล้ชิดกันมากขึ้น เธอก็จะถอยกลับมาโดยไม่ได้ตั้งใจและคอยล้างสมองตัวเองอยู่ตลอดเวลา เธอเหมือนนกกระจอกเทศที่ซุกหัวไว้ในกองทรายเมื่อมีสัญญาณอันตรายเพียงแค่เล็กน้อย การบินหนีมักจะเป็นทางเลือกแรกของเธอเสมอ
และก็ยิ่งสับสนมากขึ้นไปอีกหลังจากที่วิ่งหนีมานาน
เธอเป็นอะไรสำหรับเขากันแน่นะ
มากกว่าเพื่อนแต่ไม่ใช่เหรองั้นหรือ หรือทุกอย่างมันเป็นเพียงแค่…สิ่งที่เธอคิดไปเอง
“ฉัน… ฉันไม่รู้ค่ะ” อันซย่าซย่าให้คำตอบอย่างตรงไปตรงมาในที่สุดหลังจากเงียบไปครู่ใหญ่
เจ้เคอลอบถอนใจ หล่อนสรุปว่าอันซย่าซย่าก็ยังคงเป็นเด็กสาวอย่างที่เธอเป็น เห็นได้ชัดว่าเธอเองก็ยังไม่รู้ความรู้สึกของตัวเอง แต่ก็ได้ทำเรื่องราวที่น่าปวดหัวลงไปแล้ว
“อี่เจ๋อน่ะพยายามสร้างตัวเองอย่างหนัก และบริษัทเองก็ลงทุนกับเขาไปเยอะในการผลักดันเขามาจนถึงจุดจุดนี้ อย่างที่เคยอาจเคยได้ยินมาบ้างแล้ว ว่าเขามีความขัดแย้งเล็กๆ น้อยๆ กับบริษัทเมื่อไม่นานมานี้ ส่งผลให้เกิดความไม่พอใจขึ้น… แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทยังไม่ถอดใจในตัวเขา ฉันเองก็ปฏิบัติต่อพวกศิลปินในความดูแลเหมือนกับลูกหลานของตัวเองมาโดยตลอด โดยเฉพาะพวกเขาทั้งสามคน…” ถ้อยคำของเจ้เคอไหลลื่นและหล่อนพูดจาอย่างมีชั้นเชิง “ฉันคิดว่าเธอคงรู้ดีว่าฉันกำลังจะบอกอะไร ใช่ไหม อาชีพนักแสดงของเขาและอนาคตของเขาในฐานะดาราก็กำลังรุ่ง เขาเองก็ไม่ได้รับผิดชอบเฉพาะแค่ตัวเองเท่านั้น ในฐานะสมาชิกของวง ข่าวอื้อฉาวของเขาจะเป็นอันตรายต่อคนทั้งวง… ฉันมั่นใจว่าเธอคงไม่อยากเห็นวงสตาร์รี่ไนต์ต้องพังทลายไปเพราะเธอหรอก ใช่ไหม”
อันซย่าซย่าไม่ได้เข้าใจทุกสิ่งที่หล่อนพูด แต่เธอก็กะพริบตาปริบๆ และได้แต่ตอบ “อืม” เบาๆ
เจ้เคอเข้าไปเกลี้ยกล่อมเธอ “ซย่าซย่า เธอสัญญากับฉันได้ไหมว่าจะไม่ทำร้ายพวกเขา มันมีกลยุทธ์ในการประชาสัมพันธ์หลากหลายที่จะนำมาใช้รับมือกับสถานการณ์แบบนี้ อี่เจ๋อเองก็ยังเด็ก และในฐานะขวัญใจแฟนเพลง พวกเราปล่อยให้เขามีแฟนไม่ได้ ดังนั้นเราจำเป็นที่จะต้องแถลงการณ์ต่อสาธารณชน ยอมรับว่าเธอเป็นแฟนผู้คลั่งไคล้ของอี่เจ๋อ และเธอก็เป็นคนเสนอตัวเข้าหาเขาเอง แบบนั้นความสนอกสนใจของทุกคนก็จะหันเหออกไปจากเขา แล้วเหตุการณ์นี้ก็จะจบไป อนาคตทางอาชีพของเขาก็จะไม่ได้รับผลกระทบ…”
ลึกๆ ภายในใจนั้นเจ้เคอเองก็รู้สึกผิดบาปอย่างท่วมท้นหลังจากเอ่ยคำพูดพวกนั้นออกไป
ทว่าหล่อนก็ไม่มีทางเลือกอื่น หล่อนจำเป็นต้องทำแบบนี้เพื่อเซิ่งอี่เจ๋อและวงสตาร์รี่ไนต์
ใบหน้าของอันซย่าซย่ายิ่งดูซีดเผือดเข้าไปใหญ่
แฟนเพลงผู้คลั่งไคล้คือแฟนเพลงประเภทที่สนอกสนใจในชีวิตความเป็นอยู่ส่วนตัวของศิลปินมากผิดปกติ พวกเขาจะคอยแอบซุ่มถ่ายรูปและคอยติดตามศิลปินไปจนถึงจุดที่ละเมิดชีวิตส่วนตัว และทำแม้กระทั่งข่มขู่แฟนเพลงทั่วๆ ไปของศิลปินคนนั้นอีกด้วย!
ด้วยความลำบากใจเป็นที่สุด เธอเอ่ยถาม “เจ้เคอคะ… ฉันรู้ดีว่าอนาคตของเขาสำคัญมาก แต่ชีวิตของฉันละคะ มันสำคัญน้อยกว่ากันหรือคะ”
ตอนที่ 191 อนาคตของเขา ชีวิตของเธอ (6)
ความเงียบเข้าครอบงำทั่วทั้งห้อง
เจ้เคอถึงกับพูดอะไรไม่ออก
หล่อนเองก็ตระหนักดีถึงผลร้ายแรงที่จะตามหา ถ้าหากป่าวประกาศว่าอันซย่าซย่าเป็นเพียงแฟนเพลงที่คลั่งไคล้
ทุกคนอาจลืมเรื่องราวของเธอไม่นานหลังจากนี้ถ้าเธอโชคดี หรือไม่แล้ว พวกเขาจะพากันขุดคุ้ยทุกอย่างที่เกี่ยวกับเธอ และพยายามเปิดโปงตัวตนของเธอ สุดท้ายแล้วเธออาจลงเอยด้วยการใช้ชีวิตอย่างหลบๆ ซ่อนๆ ไปตลอดชีวิต
ในการที่จะปกป้องคนคนหนึ่ง หล่อนต้องทำลายคนอีกคนหนึ่ง หลูเคอเคยทำเรื่องแบบนั้นมาหลายต่อหลายครั้งจนแทบนับไม่ถ้วน และหล่อนก็ใจแข็งพอที่จะหาข้อแก้ต่างให้กับตัวเอง
แต่อย่างไรก็ตาม ครั้งนี้หล่อนถึงกับพูดไม่ออกกับคำถามของเด็กสาวอายุสิบหกปีคนหนึ่ง
“ซย่าซย่า เธอไม่ได้ชอบอี่เจ๋อหรอกหรือ” เจ้เคอฝืนยิ้ม
อันซย่าซย่ากัดริมฝีปาก “ฉัน…ฉันไม่รู้ค่ะ เจ้เคอ ขอเวลาให้ฉันคิดดูหน่อยนะคะ…”
เธอไม่ต้องการโกหก แต่ก็ไม่อยากให้มีอะไรเกิดขึ้นกับเซิ่งอี่เจ๋อเช่นเดียวกัน
ชีวิตเธอเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น มันจะมาจบลงอย่างนี้เดี๋ยวนี้เลยหรือ
อันซย่าซย่าลุกขึ้นยืน โค้งให้เจ้เคอพร้อมกับน้ำตาที่เอ่อขึ้นมาภายในดวงตาก่อนจะกลับขึ้นข้างบนไป
เจ้เคอถอนหายใจ รู้สึกสงสารทั้งเด็กสาวและตัวหล่อนเอง
อันซย่าซย่าเดินขึ้นบันได และเจอกับเหอจยาอวี๋ที่ชานพัก
เขาถูจมูกไปมาพลางเอ่ยอย่างเก้อเขิน “ขอโทษด้วยนะ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะแอบฟังหรอก”
อันซย่าซย่าส่ายหน้า แล้วน้ำตาก็เริ่มเอ่อไหลลงมาตามร่องแก้ม เธอเช็ดมันออกไปด้วยแขนเสื้อในทันที
เหอจยาอวี๋ส่งผ้าเช็ดหน้าให้เธออย่างอ่อนโยน
หญิงสาวรับมา ท่าทางสองจิตสองใจ ใบหน้าเล็กๆ ของเธอเงยขึ้นพลางว่า “เหอจยาอวี๋ ฉันไม่รู้จะทำยังไงดี… ฉันไม่ต้องการทำลายเซิ่งอี่เจ๋อ ฉันขอโทษ… ฉันเสียใจจริงๆ … ฉันไม่รู้จริงๆ … ฉันคิดไม่ออก…”
“ไม่ต้องร้องไห้ มันไม่ใช่ความผิดของเธอ” เหอจยาอวี๋ปลอบเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เขาวางแผนว่าจะหยุดเจ้เคอตั้งแต่ตอนที่เขาแอบได้ยินการพูดคุยกันแล้ว
เขารู้ความรู้สึกของเซิ่งอี่เจ๋อที่มีต่ออันซย่าซย่าดี ถึงแม้ว่าอันซย่าซย่าจะตอบตกลงกับแผนการนั้น เซิ่งอี่เจ๋อก็จะไม่ยอมนิ่งเฉยแน่ๆ
“ไปอาบน้ำแล้วเข้านอนดีกว่า ทำเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น พอเธอตื่นขึ้นอีกครั้งทุกอย่างก็จะหายไป อี่เจ๋อกับพวกเราที่เหลือจะคอยอยู่ข้างเธอเอง” เหอจยาอวี๋ลูบผมเธอราวกับว่าเขาเป็นพี่ชายใหญ่ อันซย่าซย่าพยักหน้าแล้วค่อยๆ เดินกลับไปยังห้องของเธอ
เหอจยาอวี๋กลับขึ้นมาที่ชั้นสาม และเห็นว่าเซิ่งอี่เจ๋อกำลังคุยโทรศัพท์อยู่
“ตามหาให้ได้ว่าใครทำ แล้วรายงานฉันด้วย”
“…”
รอยย่นที่หว่างคิ้วของเขาคลายลงเล็กน้อยหลังจากวางสาย เหอจยาอวี๋ถาม “นายควบคุมเหตุการณ์ได้หรือยัง คุยกับใครน่ะ”
เซิ่งอี่เจ๋อยิ้ม “กู้จื่อเฉิน”
“ฉันก็คิดว่าอย่างนั้น” เหอจยาอวี๋ยิ้มพลางพูดต่อ “ซย่าซย่าดูท่าทางไม่ดีเลย…เธอร้องไห้ด้วย และเจ้เคอก็ขอให้เธอยอมรับว่าเธอเป็นแฟนเพลงผู้คลั่งไคล้ของนาย… และให้บอกว่าเธอเป็นคนจู่โจมนายก่อน…”
เซิ่งอี่เจ๋อขมวดคิ้วอีกก่อนจะสบถเบาๆ “ยัยบื้อเอ๊ย!”
“ฟังฉันนะ ถ้านายชอบเธอจริงๆ ละก็ บอกเธอซะแล้วก็เปิดตัวอย่างเป็นทางการ อย่าลับๆ ลอบๆ อย่างกับว่ามันเป็นเรื่องราวที่ซุกไว้ใต้พรม” น้ำเสียงของเหอจยาอวี๋ดูจริงจัง ซึ่งเซิ่งอี่เจ๋อก็ตอบกลับพร้อมกับใบหน้าเคร่งเครียด “ฉันไม่ต้องการให้เธอทำอะไรที่ไม่อยากทำ”
“นายคงไม่ได้…จะปฏิเสธหรอกใช่ไหม” เหอจยาอวี๋คาดเดา
เซิ่งอี่เจ๋อเลือกที่จะเงียบและหลีกเลี่ยงการตอบคำถามนั้น
เสียงฝีเท้าหนักๆ ดังขึ้นมาตามขั้นบันได แล้วใครคนหนึ่งก็ขึ้นมาถึงชั้นสามด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ เขาเอ่ยถาม “เซิ่งอี่เจ๋อ นายรู้ใช่ไหมว่า โทษจำคุกข้อหาอนาจารน่ะติดคุกนานกี่ปี แล้วข้อหาล่วงละเมิดทางเพศล่ะ การพรากผู้เยาว์ล่ะ เอาข้อหาไหนดี ขึ้นศาลเลยหรือจะสถานีตำรวจ”
ถ้อยคำส่อเสียดพวกนั้นจะมาจากใครอื่นไม่ได้เลยนอกจากอันอี่เป่ย
เซิ่งอี่เจ๋อเอ่ยด้วยน้ำเสียงเชิงขอโทษ “ผมจะจัดการเรื่องนี้โดยเร็วที่สุดเท่าที่ทำได้”
อันอี้เป่ยหัวเราะหึ ท่าทียกตนข่มท่านของเขาบอกชัดว่า “ฉันจะตัดหัวนายมาเสิร์ฟในจานเลยถ้าไม่เรียบร้อย”
อยู่ๆ ฉือหยวนเฟิงก็วิ่งออกมาจากห้องของเขาพร้อมกับโทรศัพท์ในมือ “ว้าว ข่าวทั้งหมดเรื่องซย่าซย่ากับพี่อี่เจ๋อหายไปหมดแล้ว!”