ตอนที่ 214 เจ้าดอกบัวสีขาวแสนสวย (2)
ผมสีดำปล่อยยาวถึงเอว เครื่องประดับเดียวที่เธอใส่อยู่คือกิ๊บสุดสวยที่ประดับด้วยเพชรแวบวับ เธอสวมชุดเหมือนกับนักเรียนคนอื่นๆ เครื่องแบบนักเรียนกับรองเท้าผ้าใบรุ่นลิมิเต็ด แต่ก็มีจุดที่ไม่เหมือนนักเรียนทั่วไปตรงรายละเอียดจุกจิก
ตระกูลหลียังเป็นเจ้าของบริษัทชั้นนำของประเทศอีกด้วย แถมเรื่องการเงินกับหมวดอินเทอร์เน็ตก็ไม่ขาดตกบกพร่อง
ทั้งปูมหลัง ชื่อเสียง และรูปลักษณ์ของหญิงสาว มักทำให้คนอื่นตกหลุมรักเธอได้อย่างง่ายดาย
“ฝานซิง —ฝานซิง— ” เสียงเรียกชื่อดังเข้าหูมาเป็นระยะๆ
อันซย่าซย่ายกมือขึ้นปิดหูพลางมองไปทางหลีฝานซิงที่อยู่ไกลๆ เธอเลยตัดสินใจจะตรงดิ่งไปยังห้องเรียนเลย
ขณะนี้เหล่าแฟนคลับเปลี่ยนไปรุมล้อมหลีฝานซิงกัน ประตูทางเข้าโรงเรียนเลยไม่แออัดเท่าก่อนหน้า อันซย่าซย่าส่งสัญญาณบอกซูเสี่ยวมั่วกับคังเจี้ยนให้เข้าไปด้านในพร้อมๆ กัน
หลีฝานซิงตอบคำถามนักข่าวด้วยใบหน้าประดับรอยยิ้ม กิริยาท่าทางของเธอบ่งบอกว่าเธอเป็นเด็กสาวคนเก่งที่ได้รับการอบรมสั่งสอนมาอย่างดีอีกทั้งยังเป็นคนน่าคบหาอีกด้วย
รถพอร์ชขับมาจอดข้างถนนก่อนเด็กหนุ่มร่างสูงจะลงมา เขาเดินตรงไปยังโรงเรียนโดยไม่แม้จะเหลียวแลฝูงชน
ตาเหยี่ยวของหลีฝานซิงมองไปยังผู้จัดการของเธอในทันที ฉีฉีเข้าใจก่อนจะป่าวประกาศ “ดิฉันต้องการจะขอบคุณสื่อทั้งหลายที่มากันในวันนี้นะคะ แต่ตอนนี้ก็ใกล้เวลาเข้าเรียนแล้ว ให้คุณหลีฝานซิงไปเรียนได้ไหมคะ เอาไว้เราพูดคุยกันในงานแถลงข่าวในอนาคตแทน ตกลงไหมคะ”
นักข่าวไม่คัดค้านในคำขอร้อง หลีฝานซิงเดินผ่าเผยไปยังประตูโรงเรียนโดยมีบอดี้การ์ดคอยคุ้มกัน หญิงสาวเดินมาทันเซิ่งอี่เจ๋อพอดี เธอเลยแสร้งทำเหมือนพบกันโดยบังเอิญ
เหล่านักข่าวระเบิดคำถามขึ้นอีกครั้ง ซึ่งตอนนี้เปลี่ยนมาสนใจเซิ่งอี่เจ๋อโดยแทบไม่สนหลีฝานซิงแม้แต่น้อย!
หลีฝานซิงย้ายมาที่ฉีซย่าเพราะเซิ่งอี่เจ๋อหรือเปล่า คำถามนั้นพาดหัวข่าวได้เลยนะเนี่ย!
นักข่าวลนลานทวนคำถามกันอีกครั้ง ต่างยื่นไมโครโฟนให้ทั้งสอง
หลีฝานซิงยิ้มด้วยดวงตาเป็นประกายและพูดประโยคที่เธอฝึกพูดหน้ากระจกแทบนับครั้งไม่ถ้วน “กัปตันอี่เจ๋อ ไม่ได้พบกันมาสักพักแล้ว คุณก็เป็นนักเรียนที่ฉีซย่าเหมือนกันใช่ไหมคะ ฉันหวังว่า…พวกเราจะเข้ากันได้ดีนะคะ”
หนุ่มหล่อมองเธออย่างเฉยเมย
นักข่าวรัวถ่ายรูปด้วยความตื่นเต้น พวกเขากำลังจะยิงคำถามเพิ่มในจังหวะที่ตัวเอกของเรื่องเมินหญิงสาวและเดินจากไป รักษาระยะห่างจากหลีฝานซิง
รอยยิ้มค้างเติ่งบนใบหน้าหลีฝานซิง
แผนการของบริษัทคือให้เธอเรียกความสนใจด้วยการเข้าไปพูดคุยกับเซิ่งอี่เจ๋อ เพื่อเพิ่มกระแสความเป็นที่นิยมมากขึ้น
หญิงสาวคาดไม่ถึงเลยว่าเซิ่งอี่เจ๋อจะไม่ให้ความร่วมมือสักนิดเดียว!
ดงวตาเธอฉาบด้วยความไม่พอใจ พอได้เห็นว่าเซิ่งอี่เจ๋อเดินไปทางไหนเท่านั้นแหละ เธอก็แทบจะสติหลุด
พออันซย่าซย่าเห็นเซิ่งอี่เจ๋อมาถึง ก็ช่วยไม่ได้ที่จะชะงักก่อนมองไปทางเขา
เธอมุ่ยปากเล็กน้อยเมื่อเห็นหลีฝานซิงทักทายเซิ่งอี่เจ๋อ ช่างเป็นภาพที่บาดตาเหลือเกิน
ทั้งสองดูเข้ากันมาก ต้องเป็นคู่รักที่น่ารักมากแน่ๆ …
แต่ทันใดนั้น เซิ่งอี่เจ๋อก็เดินมาทางเธอและโยนบางอย่างใส่มือเธอด้วยความรังเกียจ
อันซย่าซย่ารับมาโดยอัตโนมัติและเมื่อเห็นว่ามันคืออะไรก็เขินขึ้นมา
โทรศัพท์รุ่นเก่ากึกของเธอ…
“ยัยโง่ ทำตกอีกทีแล้วฉันจะโยนทิ้งซะ!” เขาแหวใส่ก่อนเลิกคิ้ว “มายืนทำอะไรข้างนอกนี้ล่ะ เดี๋ยวจะเริ่มเรียนแล้ว”
อันซย่าซย่าดูเหมือนเพิ่งตื่นจากภวังค์ “อ้อ ใช่ เรียน…”
เธอจับมือซูเสี่ยวมั่วและเดินไปห้องเรียนด้วยกัน
เซิ่งอี่เจ๋อยิ้มบางๆ ชายหนุ่มหมายจะเดินตามไปแต่ถูกคังเจี้ยนหยุดเขาไว้เสียก่อน
“พี่เป่ยฝากฉันมาบอกว่า นายต้องรักษาระยะห่างกับซย่าซย่าที่โรงเรียนนับแต่นี้เป็นต้นไป!”
ตอนที่ 215 เจ้าดอกบัวสีขาวแสนสวย (3)
“อ้อเหรอ” เซิ่งอี่เจ๋อยิ้ม ใบหน้าดูเจ้าเล่ห์ “มั่นใจเหรอว่าจะหยุดฉันได้”
คังเจี้ยนหัวเราะเฮอะ “ฉันไม่ปล่อยให้นายรังแกซย่าซย่าเมียฉันได้หรอก!”
เซิ่งอี่เจ๋อหรี่ตาพร้อมยิ้มกว้างกว่าเดิม
หากคังเจี้ยนรู้จักเขามากกว่านี้ละก็ จะมองออกว่าตอนนี้เซิ่งอี่เจ๋อกำลังโกรธแล้ว
โกรธมากๆ เลยล่ะ
หญิงสาวยังไม่ทันได้เป็นแฟนเขาเลย เธอจะไปเป็น “เมีย” คนอื่นได้อย่างไรกัน
คังเจี้ยนถอยหลังเพราะรังสีความเย็นชาแผ่ออกมาจากตัวเขา ชายหนุ่มกัดฟันแน่นพลางคำราม “อีกอย่าง นายไม่มีสิทธิ์พูดกับซย่าซย่าด้วย! นายไม่ได้รับอนุญาตให้มองเธอด้วยเหมือนกัน…แล้วก็ แล้วก็… นี่! ฉันยังพูดไม่จบนะ!”
หนุ่มคนดังกล่าวเดินหนีอย่างไม่แยแส ทิ้งให้คังเจี้ยนหน้าบูดบึ้งอยู่ที่เดิม
ที่ด้านหลังของพวกเขา หลีฝานซิงรู้สึกอับอายเป็นที่สุด
หลังจากตอบคำถามอีกชุดจากนักข่าว เธอก็เดินเข้าโรงเรียนโดยมีแฟนคลับจำนวนมากรุมล้อม
เด็กสาวคนหนึ่งวิ่งเหยาะๆ เข้ามาจับข้อมือเธอด้วยความรักใคร่ “คุณพี่ ฉันกำลังรออยู่เลย จากนี้ไปเราก็จะได้เรียนโรงเรียนเดียวกันแล้ว!”
คนอื่นตรงนั้นต่างส่งเสียงออกมาด้วยความประหลาดใจ “ว้าว ชั่นซิง ฝานซิงเป็นพี่สาวของเธอเหรอ”
“ใช่แล้ว!” หลีชั่นซิงไม่ได้ดูเย็นชาอย่างที่เป็นประจำแล้ว อีกทั้งยังยิ้มกว้างสดใสเหมือนกับดอกไม้ที่เริ่มผลิบาน แต่หากลองมองใกล้ๆ จะเห็นว่าดวงตาของหญิงสาวนั้นไม่ได้ยิ้มตาม
จังหวะที่ไม่มีใครมอง เธอหยิกแขนของหลีฝานซิงและเบาเสียงพูดลง “ทำไมเธอถึงมาที่ฉีซย่า”
หลีฝานซิงหัวเราะเฮอะออกมา “เธอจะบอกว่าฉันต้องคอยรายงานเธอทุกย่างก้าวงั้นเหรอ ปล่อยฉัน ก่อนที่ฉันจะเรียกเธอว่ายัยแรดนะ!”
หลีชั่นซิงกัดฟัน ทุกวันนี้พี่สาวเธอได้รับแต่ความสนใจ! ธุรกิจครอบครัวของพวกเขาก็ประสบปัญหาทางการเงินเมื่อช่วงก่อน ไหนจะวิกฤติการเงินกับภาวะฟองสบู่อีกจนเกือบต้องล้มละลาย อาชีพนักแสดงของหลีฝานซิงทำเงินให้กับบริษัทของพวกเขา ชื่อเสียงของเธอดึงดูดความสนใจลูกค้าบางรายได้
ตอนนี้หลีฝานซิงกลายเป็นลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของพ่อไปแล้ว! มากจนหลีชั่นซิงอิจฉา
เธอควรจะได้เป็นลูกสาวคนสุดท้องที่ทุกคนรักใคร่ ดูเหมือนว่ายัยหลีฝานซิงจะแย่งตำแหน่งนั้นไปจากเธอ!
“ชั่นซิง จากนี้ไปเราต้องช่วยกันนะ พี่สาวคนนี้อยากจะไปห้องเรียนของตัวเองแล้ว” หลีฝานซิงยิ้มก่อนจะสวมกอดหลีชั่นซิง แสร้งทำตัวเป็นพี่น้องสุดที่รักต่อหน้าฝูงชน จากนั้นก็เดินไปยังห้องเรียนชั้นปีที่สามชั้นบน
หลีชั่นซิงกระทืบเท้าด้วยความโมโห
–
ชั้นปีที่หนึ่งห้องซี
เมื่ออันซย่าซย่ามาถึงห้องเรียน ก็พบว่ายังมีบางส่วนที่ยังซุบซิบกันเรื่องเกี่ยวกับเธอ
“เฮ้ ฉันไม่คิดเลยนะว่าเธอจะยังบากหน้ามาโรงเรียนได้อยู่ น่าขยะแขยง!”
“เขาไม่ได้บอกว่าเป็นข่าวลือหรอกงั้นเหรอ”
“เฮอะ ก็แล้วแต่จะคิด ใครก็ตามที่คิดจะจับกัปตันอี่เจ๋อนับเป็นอีตัวหมดแหละ!”
อันซย่าซย่ากัดริมฝีปากตัวเองกับคำพูดนั้น ทันใดนั้นเซิ่งอี่เจ๋อก็เดินผ่านเธอไปยังพวกผู้หญิงที่ซุบซิบกัน
“อ้า! กัปตันอี่เจ๋อ!” เด็กสาวคนที่ผูกโบสีชมพูเอ่ยด้วยความประหลาดใจ ถามคนมาใหม่ด้วยความขวยเขิน “มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่าคะ”
เซิ่งอี่เจ๋อเหลือบมองป้ายชื่อของเธอ ถามอย่างใจเย็น “เหยียนหนิงใช่ไหม ฉันได้ยินมาว่าเธอชอบผู้หญิงนี่ น่าตกใจนะเนี่ย”
“อะไรนะ เฮ้ย เหยียนหนิง เธอเป็นเลสเบี้ยนเหรอ”
“อะไรนะ อย่ามาแตะต้องตัวฉันนะ!”
เหยียนหนิงหน้าซีด เอ่ยถามด้วยความสับสน “ไม่ใช่นะ จะเป็นไปได้ยังไง!”
เซิ่งอี่เจ๋อมองสีหน้าที่เปลี่ยนไปของเธอเมื่อเพื่อนรอบๆ ตัวเริ่มจะซักคำถามใส่ เหยียนหนิงแทบจะร้องไห้ในจังหวะที่เซิ่งอี่เจ๋อพูดออกมาอย่างเย็นชา “ขอโทษที ฉันแต่งเรื่องขึ้นมาน่ะ”
คนอื่นๆ มองเขาด้วยความงุนงง
“ข่าวฉาวเป็นเรื่องที่สร้างความเจ็บปวดได้มากที่สุด โดยเฉพาะข่าวลือไม่มีที่มาที่ไป จำเอาไว้ด้วยล่ะ คุณเหยียน”