ตอนที่ 254 หุบปากแล้วเงียบซะ! (3)
อันซย่าซย่าค่อยๆ ยกมือของเธอขึ้นอย่างระแวดระวัง “ฉันเล่นเป็นนักฆ่ากับผู้บำบัดได้นะ”
ฉีเหยียนซีกล่าวเสริมด้วยความตื่นเต้น “ฉันเล่นเป็นมือกระบี่ได้ ฉันมีของเจ๋งๆ เพียบเลย!”
คนอื่นๆ ยิ้มแหยๆ เกม “สายลมและหมู่เมฆ” เป็นเกมที่เป็นที่นิยมพอสมควร แต่มีไม่กี่คนที่จะเล่นเก่ง ด้วยสถานการณ์ตอนนี้ ไม่มีใครอยากจะแสดงตัวว่าเก่ง
คุณครูถังอี้จวินที่เงียบมาตลอดเอ่ยปากขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม “ครูเล่นปืนถังได้นะ”
อาจารย์ไป่จื่อเย่ว์หน้าแดง เธอกัดฟัน “เอาละ อันซย่าซย่าเป็นนักฆ่า ฉีเหยียนซีเป็นมือกระบี่ ครูถัง…เป็นปืนถัง ส่วนอาจารย์จะเล่นเป็นผู้บำบัดเอง…ยังต้องการอีกหนึ่งคน มีใครอาสาไหม”
เซิ่งอี่เจ๋อยกมือขึ้น ทำให้อาจารย์ไป่จื่อเย่ว์ประหลาดใจ “เซิ่งอี่เจ๋อ เธอก็เล่นเป็นเหรอ”
“ไม่เป็นครับ” เซิ่งอี่เจ๋อตอบอย่างใจเย็น “แต่เธอสอนผมได้” เขาชี้ไปที่อันซย่าซย่า
อันซย่าซย่าเขินจนแก้มแดง “กะ…ก็ได้”
อาจารย์ไป่จื่อเย่ว์ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง เธอคิดว่ายังไงก็ไม่มีตัวเลือกอื่นอยู่แล้ว ให้เซิ่งอี่เจ๋อลองเล่นดูก็ไม่น่าเสียหายอะไร
พวกนักเรียนจากโรงเรียนเยี่ยหยางเริ่มแกล้งพูดจาดูถูกอีกครั้ง “อาจารย์ เป็นอะไรกันหรือเปล่าครับ ถ้าคนไม่ครบห้าคน ก็ยอมแพ้ไปเลยไหมครับ”
ด้วยน้ำเสียงอันเย่อหยิ่ง ทำให้แม้แต่อันซย่าซย่ายังอยากชกหน้าพวกเขา
พวกเขาน่ารำคาญจริงๆ!
ในขณะที่คนอื่นๆ ที่เหลือพยายามอย่างหนักที่จะไม่โมโห คุณครูถังอี้จวินหัวเราะออกมา “หนุ่มๆ ฉันต้องสอนเรื่องมารยาทและการเคารพผู้อื่นให้ไหม พูดแบบนี้เพราะแพ้บาสเกตบอลใช่ไหมล่ะ”
พวกนักเรียนจากโรงเรียนเยี่ยหยางเงียบเสียงทันทีเมื่อมีการเอ่ยถึงการแข่งขันที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม คุณครูถังอี้จวินพูดต่อ ประโยคถัดมาเป็นไม้เด็ด “ถ้าใช่ละก็ หุบปากแล้วเงียบซะ!”
น้ำเสียงของเขาดุดันขึ้นมาทันควัน ทำให้นักเรียนทุกคนตัวสั่นด้วยความกลัว
พวกนักเรียนจากโรงเรียนเยี่ยหยางรู้สึกเหมือนจะร้องไห้ พวกเขาไม่ใช่แค่ต้องอับอายขายหน้า แต่ยังโดนคุณครูด่าอีก…
อีกฝั่งหนึ่ง อันซย่าซย่ารีบใช้เวลาที่เหลืออยู่ในการสอนเซิ่งอี่เจ๋อบังคับตัวละครของเขา
เธอเข้าใช้งานบัญชีตัวมิวสิกมาสเตอร์ ซึ่งเป็นเมจแห่งเกมสายลมและหมู่เมฆ พลังของตัวละครนี้สามารถทำคะแนนดาเมจได้สูง แต่ค่าประสบการณ์ของมันน้อยมากและไม่ค่อยมีเกราะป้องกัน
“ปุ่มนี้เดิน ปุ่มนี้กระโดด ส่วนปุ่มนี้คลาน…สกิลสองสกิลนี้มีช่วงคูลดาวน์น้อยที่สุด นายใช้พร้อมกันได้ นี่สกิลอัลติเมตนะ ทำดาเมจเยอะสุด แต่ระวังค่าพลังของนายด้วยล่ะ…” อันซย่าซย่าสอนด้วยน้ำเสียงจริงจัง เธออยู่ใกล้กับเซิ่งอี่เจ๋อมาก ใกล้มากเสียจนเขาได้กลิ่นหอมออกมาจากผมของเธอ
นัยน์ตาเขาอ่อนโยน ไม่ว่าใครเห็นก็ต้องใจละลาย
ยัยซื่อบื้อคนนี้เรียนไม่เก่ง แต่เธอเล่นเกมเก่งมาก
เขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา ทำให้อันซย่าซย่ายิ่งกังวลมากขึ้น เธอเคาะหน้าผากของเขา “นี่! ตั้งใจหน่อยสิ! ฉันต้องคอยปกป้องนายถ้านายโดนโจมตีนะ!”
ค่าประสบการณ์ของนักฆ่าก็น้อยเหมือนกัน! ทั้งสองคนสามารถกลายเป็นศพคู่รักนอนตายอยู่ในเกมได้เลยนะ!
เซิ่งอี่เจ๋อหรี่ตา ก่อนมองเธออย่างใจเย็น
อันซย่าซย่ากลับมาตั้งสติ เธอวางมือของเธอลงฉับพลัน
อืม…นี่เธอเพิ่ง…ตีเซิ่งอี่เจ๋อ
อ๊ากกก! ยัยตัวร้ายเอ๊ย! ใครอนุญาตให้เธอทำแบบนั้น!
เธอรู้สึกผิดอย่างมาก เธอฝืนยิ้มให้เซิ่งอี่เจ๋อ แต่สีหน้าเธอดูแย่กว่าตอนเธอร้องไห้อีก
เซิ่งอี่เจ๋อมองดูเธอด้วยความไม่พอใจ เขาพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ “ไว้เราค่อยคุยเรื่องนี้กันทีหลัง”
อันซย่าซย่ารู้สึกเหมือนจะร้องไห้ นั่นไง เขาจะให้เธอนั่งจำบทกลอนโบราณอีกแล้ว!
“เริ่มเลย” เซิ่งอี่เจ๋อพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ อย่างไรก็ตาม มีบางอย่างในน้ำเสียงของเขาที่ทำให้ทุกคนต้องทำตามคำสั่ง
ทุกคนรู้สึกได้ว่าขนที่ต้นคอลุกเกรียว
รังสีที่แผ่ออกมาจากผู้ชายคนนี้น่ากลัวจริงๆ!
ตอนที่ 255 หุบปากแล้วเงียบซะ! (4)
เสียงกลองในเกมดังระรัวและการต่อสู้ก็เริ่มต้นขึ้น
ฝ่ายเยี่ยหยางถูกความหยิ่งยโสกลืนกิน ผู้เล่นที่เคยแข่งมาก่อนรีบแจกแจงแผนการให้ทีมของเขาฟัง และทั้งหมดก็ทำตามแผนการทันที พวกเขาค่อยๆ ล้อมตัวละครของฝ่ายฉีซย่า
อันซย่าซย่ารีบเปลี่ยนเป็นโหมดลอบสังหาร เธอแฝงกายเข้าไปในเงามืดพร้อมมีดสั้นในมือของเธอ
ฉีเหยียนซีตามไปปกป้องเธอ ทั้งสองคนช่วยกันและกัน ในไม่ช้า พวกเขาก็สามารถทำให้ตัวละครของฝ่ายเยี่ยหยางติดสตั๊นได้
คุณครูถังกับอาจารย์ไป่เคลื่อนไหวรวดเร็วจนน่าหวาดกลัว ในขณะที่คุณครูถังอี้จวินรีบวิ่งไปพร้อมขวานในมือ อาจารย์ไป่จื่อเย่ว์ก็ใช้สกิลคำสาปใส่ศัตรู ส่วนเซิ่งอี่เจ๋อก็สาดสกิลทั้งสองใส่ โดยไม่ต้องดูวิธีเล่น
ตุ้บ…
ร่างของตัวประกอบฉากหมายเลขหนึ่งร่วงลงกับพื้น
“คุมสติและรักษาตำแหน่งไว้! ฆ่าผู้บำบัดก่อน!” หัวหน้าฝ่ายเยี่ยหยางตะโกน อย่างไรก็ตาม เขาร้องออกมาทันที “ฉิบหาย! คีตกวีฝั่งมันเนี่ยเก่งจริงๆ”
ตัวละครของเขาโดนลดพลังการโจมตี เป็นเพราะคีตกวี
โชคดีที่เขาสามารถโจมตีได้หลายครั้งในหนึ่งนาที เขาจึงวิ่งหนีออกมาได้ระยะหนึ่ง แต่ทว่าเขาก็ไม่รอดพ้นจากเปลวไฟที่พุ่งตามมา
ชายคนนั้นมองหน้าจอสีเทาของตนเองด้วยน้ำตาปริ่ม
เขาเคยลงแข่งระดับเมืองมาก่อนนะ! ทำไมคีตกวีถึงจัดการเขาได้ล่ะ!
เป็นคีตกวีมือใหม่ด้วย มือใหม่! หมอนั่นเล่นเกมนี้ได้ไม่ถึงห้านาทีด้วยซ้ำ!
อ๊ากกก!
นี่สินะความแตกต่างระหว่างคนฉลาดกับคนธรรมดา
เขาทำใจยอมรับมัน ก่อนจะฝากความหวังไว้ที่เพื่อนร่วมทีมอีกสามคนที่เหลือ
แต่เขาคงจะไม่เจ็บปวดมากนัก ถ้ารีบทำใจทิ้งความหวังไปซะ…
เซิ่งอี่เจ๋อพิมพ์บอกตำแหน่งของทั้งสามคนจากฝ่ายเยี่ยหยางด้วยนิ้วเรียวยาวของเขาแก่เพื่อนร่วมทีม จากนั้นพวกเขาต้อนทั้งสามคนเข้าด้วยกันราวกับต้อนเป็ด ในขณะที่อีกสี่คนที่เหลือผลัดกันสาดสกิลใส่ เซิ่งอี่เจ๋อยืนอยู่ห่างออกไปและใช้สกิลอัลติเมตของเขา
ไม่ว่าอีกกี่ปีผ่านไป ผู้เล่นฝ่ายเยี่ยหยางก็ยังต้องโดนถามถึงความรู้สึกในวันนี้อยู่เป็นแน่
ทั้งห้าคนคงจะตอบด้วยการถามกลับว่า เคยรู้สึกท้อแท้สิ้นหวังไหมล่ะ
นั่นแหละความรู้สึกของพวกเขา…ท้อแท้สิ้นหวัง
เมื่อเห็นเอฟเฟกต์รายละเอียดสูงของอุกกาบาตตก ฝนน้ำแข็ง และอวัยวะสีเลือดพุ่งออกมาจากหัวของตัวละครของพวกเขา ทั้งสามคนพยายามเป็นครั้งสุดท้าย แต่ทว่าปาฏิหาริย์ก็ไม่เกิดขึ้น ระดับเลือดของพวกเขาลดลงจนเหลือศูนย์
ทีมฝ่ายเยี่ยหยางจ้องมองหน้าจอของตนเอง พวกเขาแทบไม่อยากจะเชื่อ
“คุณแพ้” เสียงพูดในเกมดังฟังชัดราวกับเสียงน้ำตกสูง
“ฮึก…เราแพ้อีกแล้ว”
“อย่ามายุ่งกับฉัน ฉันขอเวลาแป๊บนึง”
“แป๊บนึงนี่มันนานแค่ไหน”
“ไปให้พ้น! อย่ามาคุยกับฉัน!”
ในขณะที่ฝ่ายเยี่ยหยางครวญคราง ฝ่ายฉีซย่าดีใจกันสุดๆ
คุณครูถังอี้จวินผลักคีย์บอร์ดออกไปพร้อมลอบยิ้ม “คุณไป่ ผมเห็นว่าคุณอยู่ไม่ห่างเลยนะ”
อาจารย์ไป่จื่อเย่ว์มองเขา “ฉันนึกว่าคุณเลิกเล่นไปนานแล้วซะอีก ดูเหมือนคุณจะฝึกฝนมาดีสินะ?”
“ผมต้องปกป้องคนที่ผมรักสิ คนที่ติดนิสัยใช้พลังตลอดเวลาน่ะ…” คุณครูถังอี้จวินหัวเราะ ดวงตาดำขลับของเขามองอาจารย์ไป่จื่อเย่ว์ไม่ละสายตา
อาจารย์ไป่จื่อเย่ว์เลือดฝาดแก้ม “คุณเรียกใครว่าคนรักน่ะ คุณเป็นครูนะ! ทำตัวดีๆ หน่อย!”
อันซย่าซย่าเดินไปหาเซิ่งอี่เจ๋อ ก่อนจะกล่าวชื่นชม “เซิ่งอี่เจ๋อ ทำไมนายเก่งจังเลย เพิ่งฝึกไม่กี่นาทีเอง!”
ฉีเหยียนซีผลักหัวของเธอออกห่างจากเซิ่งอี่เจ๋อด้วยความไม่พอใจ “อย่ามาแตะเนื้อต้องตัวกันกลางวันแสกๆ สิ แล้วก็ยัยบื้อซย่าซย่า เธอเชื่อจริงๆ เหรอว่าเขาเล่นเกมคอมพิวเตอร์ไม่เป็นน่ะ”
“ว่าไงนะ” อันซย่าซย่าตกใจ ในขณะที่เซิ่งอี่เจ๋อถามอย่างเย็นชา “นายเรียกใครซื่อบื้อ”