ตอนที่ 136 ฉันกลัวว่านายจะเรียกฉันว่ายัยงี่เง่า (2)
“ทีนี้เจ็บแล้วเหรอ แล้วตอนอยู่ในน้ำน่ะคิดอะไร!” เซิ่งอี่เจ๋อเอานิ้วดีดหัวเธออย่างแรง พอเห็นเธอเบ้ปากก็ดีดเข้าให้อีกครั้ง
เพียงแต่ครั้งนี้อ่อนโยนลงกว่าเดิม
“ฉันกลัวว่านายจะเรียกฉันว่ายัยงี่เง่า… แต่ว่าฉันไม่ได้ตั้งใจทำเลยนะ ฉันส่งบทพูดให้ฝานซิง ยังไม่ทันได้แตะต้องตัวหล่อนเลยด้วยซ้ำ ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมหล่อนถึงได้สะดุดจนทำต่างหูตกลงไปในน้ำได้…” อันซย่าซย่าอธิบายให้ฟังด้วยน้ำเสียงเล็กๆ ของเธอ จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยดวงตาวิบวับ “ต่างหูนั่นแพงมากเลยใช่ไหม จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเราหาไม่เจอ…”
“พวกเขาก็จะขายเธอให้ชาวเขาห่างไกลและบังคับให้เธอแต่งงานกับลุงแก่ๆ เธอก็จะมีลูกเป็นโหลกับเขาแล้วจากนั้นพวกเขาก็จะขายเธอต่อให้กับเหมืองถ่านหินผิดกฎหมายไปเป็นกรรมกรเมื่อเวลาที่เธอหมดความสวยแล้ว!” เซิ่งอี่เจ๋อจงใจแกล้งเธอเล่น
อันซย่าซย่าคิดว่าคำพูดพวกนั้นเป็นความจริง แล้วน้ำตาก็เอ่อขึ้นมาภายในตาของเธอทันที หญิงสาวขดตัวเป็นลูกบอลเล็กๆ ดูท่าทางน่าสงสารเป็นที่สุด
“ฮือ… เซิ่งอี่เจ๋อ ฉันจะเก็บของแล้วหนีเอาชีวิตรอดตอนนี้เลยดีไหม ฉันไม่อยากถูกขาย…” อันซย่าซย่าเอาปลายนิ้วชี้จิ้มกันไปมา
ชายหนุ่มหายใจพรืด “มันก็ขึ้นอยู่กับว่าจากนี้ไปเธอทำตัวยังไง”
“หา”
–
ระหว่างนั้นเอง ที่สถานที่ถ่ายทำ
กลุ่มคนกลุ่มใหญ่กำลังทำการกอบกู้ต่างหูในน้ำกันอย่างเป็นระบบ ซึ่งทำเอาคนทั้งกองถ่ายทึ่งไปตามๆ กัน
“คนพวกนี้เป็นใครกัน…”
“ได้ยินว่าเป็นทีมค้นหามืออาชีพที่เซิ่งอี่เจ๋อจ้างมา”
“แหมๆ เขาช่างเป็นห่วงเป็นใยผู้ช่วยคนนั้นจังเลยนะ”
“ก็แหงละ ดูสิว่าเด็กคนนั้นสวยน่ารักขนาดไหน… เด็กวัยรุ่นที่ไหนก็คงจะชอบเธอทั้งนั้นแหละ!”
ขณะที่ทุกคนกำลังซุบซิบกัน หลีฝานซิงซึ่งนั่งอยู่ที่มุมมุมหนึ่งก็กำบทพูดเอาไว้แน่น
เธอวางแผนทุกอย่างที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่เช้าวันนี้แล้ว
เธอเป็นคนดึงแป้นต่างหูให้หลวมเอง แล้วอันซย่าซย่าก็ไม่ได้แตะต้องตัวเธอเลย เธอทำทั้งหมดนี้เพื่อให้อันซย่าซย่าได้อายต่อหน้าทุกคน! เธออยากให้อีกฝ่ายดูแย่!
แต่ไม่เคยคิดเลยว่าเซิ่งอี่เจ๋อจะออกมารับหน้าแทนอันซย่าซย่า โดยไม่แคร์สักนิดว่าจะทำให้เกิดข่าวลือเสียหาย!
ซึ่งนั่นไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการเห็น
เธอโมโหมาก!
ในไม่ช้าต่างหูก็ถูกนำขึ้นจากน้ำ แล้วหลีฝานซิงก็ไม่ใส่ใจมันอีกต่อไป รีบออกจากกองถ่าย เก็บงำอารมณ์ในดวงตาเอาไว้ภายใต้แสงสลัวๆ ที่เหลือของวัน
–
ที่บ้านครอบครัวอัน
เซิ่งอี่เจ๋อเดินพาอันซย่าซย่าไปที่ห้องของเธอโดยจูงมือเอาไว้ตลอดเวลา
หญิงสาวรู้สึกว่าหัวใจเต้นตึกตักอยู่ข้างใน ในที่สุดก็รวบรวมความกล้าเอ่ยปากถามเขา “ทะ-ทำไมนายต้องจูงมือฉันด้วย”
เซิ่งอี่เจ๋อนิ่วหน้าพลางมองเธอราวกับว่าเขาเพิ่งได้ยินเรื่องตลก
อันซย่าซย่าถอยหลังอย่างไม่สบายใจ เขาก็ก้าวเข้ามาหา บังคับต้อนเธอให้เข้ามุม
“ฉันคิดว่าเธอรู้แล้วซะอีกว่าฉันรู้สึกยังไงกับเธอ”
“แล้วรู้สึกยังไงล่ะ” อันซย่าซย่าถามด้วยความสับสน เซิ่งอี่เจ๋อมองหน้าเธอด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก จากนั้นก็พูด “อันซย่าซย่า ฉันสงสัยจริงนะว่าชาติก่อนฉันไปทำอะไรร้ายกาจไว้ขนาดไหน ชาตินี้ถึงได้มาเจอกับเธอเข้า!”
อันซย่าซย่าเอาปลายนิ้วชี้จิ้มกัน “ฉันก็คิดว่าอย่างนั้นเหมือนกัน”
เซิ่งอี่เจ๋อพูดไม่ออกเลย ยัยซื่อบื้อเอ๊ย!
“งั้นเธอคิดว่าจูบเมื่อคืนมันหมายความว่าอะไร” เขากัดฟันถาม
เพราะเธอไม่ปฏิเสธ เขาจึงสรุปเอาว่าเธอยอมรับ เขาแทบไม่ได้นอนเลยเมื่อคืนนี้และวันนี้ก็เขินมากจนไม่กล้ามองหน้าเธอ
ไม่มีใครคิดมาก่อนว่าเซิ่งอี่เจ๋อ ชายหนุ่มผู้ไม่เคยเกรงกลัวสิ่งใด กลับได้ลิ้มรสความกลัวเป็นครั้งแรกในชีวิต
อันซย่าซย่านึกถึงสมมติฐานน่ากลัวที่เธอตั้งเอาไว้ทั้งหมดได้ พลางยกมือขึ้นปิดปากด้วยความกลัว
“ฉัน- ฉันลืม! ฉันไม่รู้!” เธอปฏิเสธอย่างดื้อดึง
เซิ่งอี่เจ๋อหน้าบึ้งตึงขณะที่ความโมโหเริ่มก่อตัวขึ้นภายใน
เธอกล้าดียังไงมาบอกว่าจำไม่ได้!
ก่อนที่เขาจะมีโอกาสระเบิดอารมณ์ออกมา อยู่ๆ หญิงสาวก็กดฝ่ามือทั้งสองเข้าที่ท้องขณะที่สีสันบนใบหน้าจางหายไปแล้วเหงื่อก็เริ่มผุดขึ้นบริเวณหน้าผากของเธอ
“เซิ่งอี่เจ๋อ… ฉัน… ฉันรู้สึกไม่สบาย…”
ตอนที่ 137 ไอดอลเซิ่งซื้อผ้าอนามัย
“อันซย่าซย่า ฉลาดขึ้นแล้วสินะ แกล้งแสดงละครแล้วเหรอทีนี้” เซิ่งอี่เจ๋อแผดเสียงใส่เธอ หน้าตาบูดบึ้ง อันซย่าซย่าแทบยืนไม่ไหวและเกือบจะล้มลงกับพื้น
เซิ่งอี่เจ๋อเพิ่งตระหนักว่ามีอะไรไม่ถูกต้องจึงอุ้มเธอไว้ในอ้อมแขน
ริมฝีปากหญิงสาวไร้สีเลือด เรือนผมดกดำของเธอก็เริ่มเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ เธอได้แต่คอยเอามือกุมท้องไว้และไม่ยอมปล่อย
เซิ่งอี่เจ๋ออุ้มเธอไปที่เตียงทันที แล้วอันซย่าซย่าก็คว้าผ้านวมมากอดไว้ ก่อนจะซุกตัวเข้าไปอยู่ใต้นั้น
“เป็นอะไร ปวดตรงไหนเหรอ” น้ำเสียงเขาฟังดูกระวนกระวายขณะที่ความเป็นไปได้ทุกอย่างแล่นเข้ามาในสมองของเขา ไส้ติ่งอักเสบเหรอ หรือปอดอักเสบ หรือว่าจะตะคริว
อันซย่าซย่าสะอื้นตอบ “เปล่า…”
“แล้วทำไมถึงร้องไห้ล่ะ!” เซิ่งอี่เจ๋อตวาด ซึ่งนั่นทำให้อันซย่าซย่าสะอื้นหนักขึ้น
“อย่าร้องสิ ฉันจะโทรเรียกหนึ่งสองศูนย์แล้ว เดี๋ยวหมอก็จะมาแล้ว” เซิ่งอี่เจ๋อลูบผมเธอเพื่อปลอบโยน
มือคู่เล็กๆ จับมือใหญ่โตของเขาไว้ “ฉันไม่ได้ป่วย มัน มันเป็นช่วงนั้นของเดือน…” ปกติแล้วเธอไม่มีอาการปวดเกร็งหรอก แต่วันนี้เธอแช่อยู่ในน้ำเย็นๆ นานเกินไปและมันก็เลยค่อนข้างจะรุนแรงอยู่
เซิ่งอี่เจ๋อฟังแล้วงงไปครู่หนึ่งก่อนที่สมองจะว่างเปล่า
เขาเคยเรียนวิชาสุขศึกษามาก่อน เซิ่งอี่เจ๋อกระแอมด้วยความเก้อเขินก่อนจะกดวางสาย
“ปวดประจำเดือน?”
อันซย่าซย่าพยักหน้า
เซิ่งอี่เจ๋อถอนหายใจด้วยความโล่งอก “เจ้านั่นอยู่ไหนล่ะ ฉันจะอุ้มเธอไปห้องน้ำเอง”
หญิงสาวหน้าแดงพลางชี้ไปที่ลิ้นชักภายในห้อง
เซิ่งอี่เจ๋อเปิดลิ้นชักออกมาดูก็พบกับความว่างเปล่า
สำหรับอันซย่าซย่าแล้ว ข่าวนั่นเหมือนกับสายฟ้าฟาดลงมากลางวันแสกๆ เลยทีเดียว
หมดแล้วเหรอ!
เซิ่งอี่เจ๋อพูดอะไรไม่ออก
เขาเดินกลับมา ห่มผ้าให้อันซย่าซย่าแล้วก็ออกไปร้านสะดวกซื้อหลังจากบอกเธอ “รอนี่นะ”
ถึงแม้จะมีเกราะป้องกันจากหมวกและผ้าปิดปากแล้ว เซิ่งอี่เจ๋อก็ยังรู้สึกสิ้นหวังอยู่ดีเมื่อเขาเห็นชั้นวางผ้าอนามัยยาวเหยียดภายในร้านสะดวกซื้อ
ยิ่งไปกว่านั้น เขาดันลืมถามอันซย่าซย่าว่าปกติแล้วเธอใช้ยี่ห้อไหน…
ทางเลือกสุดท้าย เขาโยนผ้าอนามัยทุกยี่ห้ออย่างละแพ็กใส่รถเข็น
และเขาเพิ่งนึกได้เรื่องที่เคยอ่านทางออนไลน์ จึงเดินไปหยิบน้ำตาลทรายแดงและเครื่องอุ่นมือมาด้วย เมื่อเขาไปที่เคาน์เตอร์จ่ายเงินพร้อมกับของเต็มคันรถ พนักงานคิดเงินสาวก็ดูท่าทางอึดอัดใจ
“เอ่อ คุณคะ จะรับหมดนี่เลยเหรอคะ”
“ครับ” เขาพยายามรักษามาดสุขุมเอาไว้
พนักงานคิดเงินยิ้มฝืดๆ ก่อนจะหยิบทุกอย่างใส่ถุงให้เขา
เซิ่งอี่เจ๋อรีบกลับมาที่บ้านพร้อมกับถุงใบมหึมา
อันซย่าซย่าคลานออกมาจากที่นอน กึ่งๆ คุกเข่าอยู่กับพื้น พยายามจะหยิบยาแก้ปวดมากินเมื่อเซิ่งอี่เจ๋อกลับมาพร้อมกับถุงใส่ของใบยักษ์
พอเห็นยาในมือเธอ เขาก็รีบเดินเข้าไปหาพลางถามด้วยสีหน้าเครียดๆ “จะกินอะไรน่ะ”
“ก็ยาแก้ปวดไง…” อันซย่าซย่าตอบอย่างเหนียมอาย
เซิ่งอี่เจ๋อขยับเข้ามาใกล้ๆ และเห็นคำอธิบายข้างกล่องซึ่งบอกเกี่ยวกับผลข้างเคียงของยา เขานิ่วหน้าแล้วคว้ายามาจากมือเธอ
“เรียกตัวเองว่าลูกสาวของหมอได้ยังไง ไม่รู้เหรอว่าจะกินยามั่วๆ ไม่ได้น่ะ”
แน่นอนว่าเธอรู้ดี แต่อาการปวดเกร็งนี่กำลังจะฆ่าเธอ!
“เป็นเด็กดีแล้วทนเอาอีกหน่อยนะ” น้ำเสียงเขาอ่อนโยนอย่างไม่น่าเชื่อขณะที่เขาอุ้มเธอกลับไปยังที่นอนราวกับว่าเธอเป็นสมบัติอันล้ำค่าที่สุดในโลก
เขารีบชาร์จเครื่องอุ่นมือสองอันทันที แล้วก็วางอันหนึ่งบนหน้าท้องของเธอ ส่วนอีกอันวางไว้ใต้เท้า จากนั้นเขาก็ชงน้ำตาลทรายแดงมาให้แล้วสั่งให้เธอดื่มครึ่งถ้วย
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ในที่สุดอันซย่าซย่าก็รู้สึกดีขึ้นมาก
แล้วน้ำเสียงหยอกเย้าของเซิ่งอี่เจ๋อก็ดังขึ้น “เธอลุกขึ้นเองไหวไหม ถ้านานไปกว่านี้โดยไม่มีเจ้านี่ละก็ ฉันคิดว่าเธอคงจะต้องเอาผ้าปูที่นอนไปซักแล้วล่ะ” พูดจบ เขาก็โบกห่อผ้าอนามัยลายหวานแหววในมือไปมาพร้อมกับรอยยิ้มชั่วร้าย