ตอนที่ 264 งานบอลวันคริสต์มาส (5)
อันซย่าซย่าตื่นเต้นมากเสียจนเธอพยักหน้ารับซ้ำๆ “ไป! แน่นอน! ไปกินขาไก่กันเถอะ!”
เซิ่งอี่เจ๋อยิ้มค้าง
ชุดเดรสที่ออกแบบมาเพื่อเธอคนเดียวและการเตรียมการอย่างละเอียดรอบคอบของเขาต้องมาแพ้ให้กับขาไก่…
เขาแทบได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองสูบฉีดเลือด
“นายคิดว่าไง นายไม่ชอบขาไก่เหรอ” อันซย่าซย่ากะพริบตาคู่โต “ที่ดีที่สุดคือฉันจะแบ่งนายด้วย! ฮ่าๆ ~”
พระเจ้าช่วย! เธอมีความสุขสุดขีดไปเลย เธอจะได้มีชุดเดรสสวยๆ ใส่ แถมได้กินขาไก่อีก อันซย่าซย่าไม่สามารถคิดเรื่องอื่นที่ทำให้เธอมีความสุขไปมากกว่านี้ได้อีกแล้ว
เซิ่งอี่เจ๋อมองเธออย่างท้อใจ ก่อนถอนหายใจหลังจากเว้นวรรคไปเนิ่นนาน “ตราบใดที่เธอมีความสุข”
ยัยซื่อบื้อเอ๊ย
เธอไม่รู้เหรอว่าการที่ผู้ชายชวนเธอไปงานเต้นรำมันหมายความว่ายังไง
–
ปีนี้วันคริสต์มาสเป็นวันเสาร์และวันคริสต์มาสอีฟเป็นวันศุกร์ ทุกคนในห้องเรียนแลกเปลี่ยนของขวัญและแอปเปิลซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของไมตรีจิต
อันซย่าซย่าได้รับมาจำนวนหนึ่ง อย่างไรก็ตาม มันเทียบไม่ได้เลยกับสิ่งที่เซิ่งอี่เจ๋อได้
ลิ้นชักของเขาอัดแน่นไปด้วยของขวัญ และยังมีของขวัญวางทั่วโต๊ะของเขาอีกด้วย เหลือเชื่อจริงๆ
หัวหน้าห้องเอากล่องขนาดใหญ่มาให้เขา เขาจะได้ใส่ทุกอย่างลงไปในนั้น
อันซย่าซย่าแทะนิ้วของตัวเอง ในขณะที่เธอมองทุกคนเบียดเสียดไปมา
อืม…เขาก็ดังเท่าเมื่อก่อนแหละนะ
“เธอไม่โตเกินไปที่จะเคี้ยวนิ้วตัวเองเหรอ เธอรู้ไหมว่าเธอเอาเชื้อโรคเข้าไปในปากเยอะแค่ไหน” เสียงทุ้มต่ำของเซิ่งอี่เจ๋อดังขึ้นข้างหูและอันซย่าซย่ารีบเอามือลงทันทีด้วยความกลัว
เธอพึมพำ “เซิ่งอี่เจ๋อ นายบ่นฉันบ่อยกว่าพ่อฉันอีก…”
ก้อนเมฆสีดำก่อตัวขึ้นบนหัวของเซิ่งอี่เจ๋อ “ยัยโง่ ตามใจเธอแล้วกัน”
อันซย่าซย่าเคี้ยวนิ้วของเธอต่ออย่างเศร้าสร้อย
ระหว่างช่วงพัก ซูเสี่ยวมั่วเดินมาหาเธอพร้อมถุงกระดาษในมือ เธอถามอย่างกังวล “ซย่าซย่า เธอช่วยฉันเอาถุงนี้ให้เหอจยาอวี๋หน่อยได้ไหม”
“หา” อันซย่าซย่ามองเข้าไปในถุงและเห็นผ้าพันคอที่ถักเอง!
“ว้าว มั่วมั่ว เธอถักเองเหรอ” ดวงตาอันซย่าซย่าเบิกกว้าง
เธอไม่เคยคิดว่าจะเห็นมุมผู้หญิงๆ ของซูเสี่ยวมั่วเลย
สีหน้าของซูเสี่ยวมั่วมีชีวิตชีวาเสียจนคิ้วของเธอยกขึ้นไปจนแทบจะชนกับไรผม “แน่นอน ฉันถักอยู่ตั้งครึ่งเดือนแน่ะ…”
ก่อนที่เธอจะพูดจบประโยค มีใครบางคนดึงถุงกระดาษไปจากมือของเธอ เป็นหนานกงจิ่ง ตัวปัญหาของห้องนั่นเอง
“ฉิบ เจ้มั่ว เจ้ทำเองเหรอ หึหึ มีรูตรงนี้ แล้วก็ตรงนี้ด้วย แล้วตรงนี้ด้ายไม่รัดกันแน่นไปเหรอ” หนานกงจิ่งหัวเราะลั่น ทำให้ทั้งห้องหันมามองตามเสียง
ซูเสี่ยวมั่วเสียงแหลม “เป็นบ้าอะไรเนี่ย เอาคืนมานะ!”
“ไม่คืนหรอก!” หนานกงจิ่งทำหน้าเย้าหยอก “นี่ทำให้ฉันนึกถึงเพลง ‘ถักเสื้อ’ เลย ให้ฉันร้องให้ทุกคนฟังนะ ‘ฉันรักเธอเหลือเกิน แต่เธอดันไปรักคนโง่ ถึงไอ้โง่คนนั้นไม่ได้รักเธอ แต่เธอก็ยังถักเสื้อให้มันอยู่ดี…’ ”
เขาร้องพร้อมทำท่าทางเวอร์วัง ทำให้ทั้งห้องร้องคลอไปกับเขา
ใบหน้าสะสวยของซูเสี่ยวมั่วแดงก่ำ เธอไม่เคยทำตัวจู้จี้จุกจิกและเธอก็เข้ากันได้ดีกับเพื่อนๆ ในห้องมาตลอด
เธอคงจะไม่คิดอะไร หากมันเป็นเพียงการแกล้งกันธรรมดา
แต่ตอนนี้…เธอมองไปที่เหอจยาอวี๋อย่างท้อแท้ เขายังคงนั่งอ่านหนังสือฟิสิกส์ราวกับความวุ่นวายทั้งหมดนี้ไม่มีผลกระทบอะไรกับเขาเลย
ซูเสี่ยวมั่วทนกับความโศกเศร้าไม่ไหวอีกต่อไปและเธอระเบิดออกมา “เอา คืน มา!”
หนานกงจิ่งหยุดร้องเพลงและมองมาที่ซูเสี่ยวมั่วด้วยความประหลาดใจ
“หึ ก็แค่ผ้าพันคอห่วยๆ …ไม่ว่าเธอจะเอาไปให้ใคร เขาก็คงไม่อยากได้หรอกมั้ง…”
ตอนที่ 265 งานบอลวันคริสต์มาส (6)
ประโยคนั้นจี้จุดซูเสี่ยวมั่วและทำให้น้ำตาของเธอเอ่อล้นออกมา
“ไปตายซะ! ไอ้งี่เง่า! หุบปาก!” ซูเสี่ยวมั่วกระโจนเข้าไปถีบหนานกงจิ่งร่วงลงกับพื้น
หนานกงจิ่งร้องออกมาและถุงกระดาษปลิวหลุดออกจากมือของเขา
ผ้าพันคอสีเทากระเด็นเป็นทิศทางโค้งอย่างงาม ก่อนที่จะหล่นตุบลงบนโต๊ะของเหอจยาอวี๋
ซูเสี่ยวมั่วตะลึงงัน ในขณะที่อันซย่าซย่าอ้าปากค้าง
ชายหนุ่มผู้อ่อนโยนราวกับเทวดากะพริบตาและเงยหน้าขึ้นมา เขาหยิบผ้าพันคอใส่คืนลงในถุงกระดาษ เขาลุกขึ้นยืน ก่อนจะสาวเท้าไปหาซูเสี่ยวมั่วพร้อมยื่นถุงให้กับเธอ
“คนเราควรชื่นชมของขวัญที่ได้จากผู้หญิง ไม่ว่าผ้าพันคอมันจะออกมาหน้าตายังไง คนที่ได้รับจะเป็นคนที่เห็นความสำคัญของมัน” รอยยิ้มของเขาอบอุ่นราวกับสายลมในฤดูใบไม้ผลิ ทำให้ซูเสี่ยวมั่วอึ้ง เธอยืนประหม่าอยู่ตรงนั้น
หนานกงจิ่งเกือบจะร้องอีกครั้งตอนที่คังเจี้ยนเตะเขา “เก็บอีคิวต่ำๆ ของนายไว้ใช้คราวหน้าบ้าง เห็นไหม เขาจีบสาวกันแบบนี้ เรียนรู้ซะบ้าง! ถ้ามาแหยมกับเจ้มั่วอีก ฉันจะเตะนาย…โอ้ ไม่ต้องหรอก เจ้มั่วเตะเองก็ได้!”
สุดท้ายแล้ว ซูเสี่ยวมั่วหยิบผ้าพันคอและเดินจากไปด้วยใบหน้าแดงก่ำ
เย็นวันเดียวกันนั้น อันซย่าซย่าได้รับข้อความจากเธอ
[อ๊ากกก! ฉันจะทำยังไงดี! ซย่าซย่า ทีนี้ฉันจะให้เขายังไงดี]
อันซย่าซย่าก็จนปัญญาเช่นกัน อีกอย่าง เธอไม่มีประสบการณ์ด้านนี้เลย อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เธอมีแฟนแล้ว เธอจึงรีบบึ่งไปหาเซิ่งอี่เจ๋อ
“เซิ่งอี่เจ๋อ ฉันลืมให้ของขวัญนาย…อืม นายชอบอะไร ฉันว่าฉันยังมีเวลาไปซื้ออยู่นะ…” อันซย่าซย่าบีบมือสองข้างของเธอเข้าด้วยกันราวกับเด็กน้อยที่รอการลงโทษ
ในห้องของเขา เซิ่งอี่เจ๋อชำเลืองมองเธอ “เธอลืมเหรอ”
“อืม…ฉันขอโทษ…” อันซย่าซย่ายอมรับผิด
“มานี่” เขาเรียกเธอด้วยนิ้วเพียงหนึ่งนิ้ว
อันซย่าซย่าขยับเข้ามาใกล้มากขึ้นและมองเขาโดยไม่กะพริบตา
เขาจูบเบาๆ ที่แก้มของเธอและยิ้มอย่างอ่อนโยน “ได้แล้วล่ะ”
“ได้อะไร” อันซย่าซย่าสับสน
“คิดซะว่าจูบนี้…เป็นของขวัญที่เธอให้ฉันก็แล้วกัน จูบที่รสเหมือนอันซย่าซย่า” สีหน้าของเซิ่งอี่เจ๋อกลับกลายเป็นเรียบเฉย ในขณะที่เขาพูดจีบเธอด้วยน้ำเสียงจริงจัง
อย่างไรก็ตาม ท่าทางเข้มงวดของเขาทำให้อันซย่าซย่ายิ่งหน้าแดงมากขึ้น
“นาย…อ๊าาา…” อันซย่าซย่าปิดหน้าของเธอ ก่อนเดินโซซัดโซเซออกจากห้องไป
เมื่อเห็นเธอหนีไป รอยยิ้มในดวงตาของเซิ่งอี่เจ๋อเปล่งประกาย
อันซย่าซย่ากลับมาที่ห้องของเธอ เธอเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ซูเสี่ยวมั่วฟังและได้รับคำตอบที่เต็มไปด้วยอิโมจิระเบิด มีด และปืนใหญ่ เสียงซูเสี่ยวมั่วโหยหวนออกมาจากข้อความของเธอ [บ้าเอ้ย! ฉันมาถามความคิดเธอนะ ไม่ได้อยากรู้ว่าพวกเธอรักกันแค่ไหน! มีใครอยู่ไหม ขอหมอจริงใจสักคนมารักษาหัวใจคนโสดคนนี้หน่อยค่า!]
อันซย่าซย่าไม่ได้ตอบ
–
วันงานบอลวันคริสต์มาส เวลาหกโมงเย็น
อันซย่าซย่ากำลังยุ่งกับการแต่งหน้าอยู่ในห้องน้ำ
ปกติเธอแทบจะไม่แต่งหน้าเลย เพียงแค่ปัดแก้มและเกลี่ยแป้งบนใบหน้าประมาณหนึ่ง เธอก็รู้สึกสวยแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อเธอเดินออกมา เธอพบกับสายตาแปลกๆ จากสมาชิกในครอบครัว
อันอี้เป่ยพูดขึ้นมา “อะไรเนี่ย จะไปร้องเพลงโอเปร่าหรือเล่นผีถ้วยแก้วหรือไง แก้มนี่แดงได้มากกว่านี้อีกไหม”
“ฉันนึกว่าเดี๋ยวนี้เขานิยมแต่งกันแบบนี้…” อันซย่าซย่าผิดหวัง เธอหันไปหาป่าป๊าอันอย่างมีความหวัง “ป๊าคิดว่ายังไงบ้างคะ”
ป่าป๊าอันกระแอม “ซย่าซย่า…หนูว่าไม่ต้องแต่งหน้าไปงานบอลดีไหม”
อันซย่าซย่าตอบ “ก็ได้ค่ะ…”
เฮ้อ…ถ้าเพียงแต่พวกเขาเข้าใจว่ามันยากแค่ไหนที่เกิดมาพร้อมมือซุ่มซ่าม