ตอนที่ 278 พวกเรายังมีเวลาอีกชั่วชีวิตรออยู่นะ (2)
ลูก? เซิ่งอี่เจ๋อไม่ได้ต้องการให้เธอเป็นแค่แฟนสาวแต่ยังคิดถึงอนาคตของพวกทั้งสองอีกด้วยงั้นหรือ
แต่กระนั้นเธอรู้สึกง่วงมาก พอหญิงสาวหาจุดนอนสบายๆ ในอ้อมกอดของชายหนุ่มได้เธอก็ผล็อยหลับไป
เซิ่งอี่เจ๋อลูบผมเธอไปเรื่อยๆ อย่างแผ่วเบาเท่าที่จะทำได้
อันซย่าซย่ามีความชอบที่แปลกประหลาดดี: หญิงสาวชอบให้ลูบผม
เหมือนกับลูกหมา… ที่ชอบให้แปรงขนให้
ความคิดนี้ทำให้เซิ่งอี่เจ๋อมีรอยยิ้มบนใบหน้า แต่ก็ค่อยๆ เลือนหายไป
คืนนี้เขาได้พบกับใครบางคน
คนในวงการธุรกิจที่รู้จักกันในนาม “นายน้อยซ่ง”
นายน้อยซ่งรู้จักกับเขา ทั้งสองตระกูลทำธุรกิจร่วมกัน นายน้อยซ่งหยุดคุยกับเซิ่งอี่เจ๋อสั้นๆ เป็นสาเหตุที่เขาไปหาอันซย่าซย่าช้า
ยังไงก็ตามเขากลับรู้สึกว่าการปรากฏตัวของนายน้อยซ่งที่ฉีซย่าช่างเป็นปริศนาเสียจริง
–
ดวงอาทิตย์สว่างจ้าที่ด้านนอกยามหญิงสาวตื่นขึ้นมา อันซย่าซย่าขยี้ตา สภาพแวดล้อมค่อยๆ กลับมาชัดเจน
เสื้อของเซิ่งอี่เจ๋อยับยู่ยี่ แต่ก็ไม่ได้ลดความดูดีของเขาลงเลย แสงแดดสาดส่องเข้ามาทิ้งเงาแพขนตาหนาไว้บนใบหน้าของเขา
อันซย่าซย่ากลืนน้ำลายเอื๊อกก่อนจะขยับเข้าไปใกล้ๆ เพื่อมองอีกครั้ง
อาาา… ไม่แปลกใจเลยที่คนตรงหน้าจะเป็นถึงไอดอล ใบหน้าของเขาช่างไร้ที่ติ! งดงามราวกับเทวดาสรรค์สร้างให้!
อันซย่าซย่าปิดปากตัวเองพลางหัวเราะคิกคัก ท่วมท้นด้วยความรู้สึกอ่อนหวาน
หญิงสาวยัง คงชื่นชมใบหน้าของชายหนุ่มอยู่ในจังหวะที่มือใหญ่คว้าหมับเข้าที่ข้อมือของเธอ เสียงทุ้มดังขึ้นบนหัวของเธอ “ชอบที่เห็นไหมเอ่ย”
อันซย่าซย่าตกตะลึง หญิงสาวหน้าแดง พูดปฏิเสธตะกุกตะกัก “ฉันไม่ได้มองนายอยู่สักหน่อย!”
“คุณอันครับ คุณจ้องผมมาห้านาทีแล้ว ยอมรับซะเถอะ”
อันซย่าซย่าหน้าแดงกว่าเดิม
ชายหนุ่มตื่นตั้งนานแล้วนี่!
“อะแฮ่ม… ฉันแค่จะดูว่านายมีขี้ตาหรือเปล่าต่างหาก… ก็แค่นั้นแหละ…” อันซย่าซย่าตอบกลับ นั่นยิ่งเพิ่มความอับอายให้เธอเข้าไปอีก…
อ๋าาา! ทำไมเธอต้องยกเรื่องขี้ตาขึ้นมาด้วยเนี่ย! หยุดทำอะไรโง่ๆ ต่อหน้าใบหน้าที่งดงามนี้ได้แล้ว!
เซิ่งอี่เจ๋อหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข
“เธอมีเวลาพอที่จะทำแบบนั้นอยู่แล้ว พวกเรายังมีเวลาอีกชั่วชีวิตรออยู่นะ” พูดจบชายหนุ่มก็ลุกจากเตียง ส่วนอันซย่าซย่ากำลังตาพร่าให้กับความหล่อของเขาอยู่
ชายหนุ่มปลดกระดุมเสื้อตัวเองเผยให้เห็นแผงอกข้างใต้ อันซย่าซย่าแอบมองเล็กน้อยก่อนจะมุดเข้าไปใต้ผ้าห่มตามเดิม
เซิ่งอี่เจ๋อเปลี่ยนชุดเสร็จเรียบร้อยแล้วในตอนที่หญิงสาวค่อยๆ โผล่หน้าออกมาจากผ้าห่ม ชายหนุ่มดูอบอุ่นและอ่อนโยนขึ้นในเสื้อสเวตเตอร์สีครีมแบบนี้
“เดี๋ยวฉันจะไปเรียกคุณหมอมาตรวจเธออีกที”
ชายหนุ่มเดินออกไป ทิ้งให้อันซย่าซย่าเอานิ้วชี้จิ้มกันอยู่ใต้ผ้าห่มคนเดียว
พอนึกถึงหุ่นดีๆ ของชายหนุ่มแล้ว อันซย่าซย่าก็ได้แต่ตำหนิตัวเองที่ไม่แอบมองหุ่นของเขาอีกสักครั้ง…
แหวะ! หยุดคิดไปเลยนะ! เดี๋ยวเธอก็เลือดกำเดาไหลหรอก!
–
เซิ่งอี่เจ๋อไปพาคุณหมอมาตรวจ แต่ก่อนที่เขาจะเดินเข้าห้องเขาก็ได้ยิน “คุณเมียซย่าซย่า!” เสียงดัง ใบหน้าเคร่งขรึมขึ้นทันใด ชายหนุ่มเปิดประตูห้องและพบว่าคังเจี้ยนกำลังทำตัวฉอเลาะกับอันซย่าซย่าขณะที่จับแขนเธอไว้ “คุณเมียซย่าซย่า ได้โปรดเถอะ! หมัวะ! รักน้า!”
อันซย่าซย่าพยายามดิ้น “เจ้าคังคนไร้ค่า! เจ้าโง่! ปล่อยฉันนะ!”
คังเจี้ยนหัวเราะ “ปฏิเสธแล้วฉันจะส่งรูปสุดอัปลักษณ์ของเธอตอนเด็กไปให้เซิ่งอี่เจ๋อดู!”
เขากำลังคิดว่าคำขู่นี้ต้องได้ผลแน่ๆ ในตอนที่น้ำเสียงเย้าแหย่ดังขึ้นจากด้านหลังตัวเอง “ฉันอยากเห็นนะ”
คังเจี้ยนหันหลังไปและแทบจะเป็นลม
เขาตายแน่ๆ ! คุณแฟนหนุ่มสุดหวงมาจับได้คาหนังคาเขาเลยว่าชายหนุ่มไปแกล้งแฟนสาวของเขา! เขาต้องทำยังไงดี! นี่มันน่ากลัวเกินไปแล้ว!
ตอนที่ 279 โย่! โย่! เอาละนะ! (1)
“โฮะๆ … สวัสดี เซิ่งอี่เจ๋อ ฉันมาเยี่ยมซย่าซย่าน่ะ ซย่าซย่ายาหยี พักผ่อนเยอะๆ นะ” รอยยิ้มบนใบหน้าคังเจี้ยนช่างน่าเกลียดเกินกว่าใบหน้าบูดบึ้งเสียอีกตอนที่เขาปล่อยแขนของอันซย่าซย่า
อันซย่าซย่าพ่นลมหายใจอย่างโล่งอก ขณะที่ซูเสี่ยวมั่วที่ยืนข้างๆ ชายหนุ่มเยาะเย้ยเขา “ไม่ขู่ต่อแล้วเหรอ คังเจี้ยน! ดูซิว่าคุณชายอี่เจ๋อจะจัดหนักกับนายยังไงดี!”
คังเจี้ยนคอตก รีบถอยเข้ามุม คุณหมอตรวจอันซย่าซย่าและบอกว่าเธอสบายดี โรงพยาบาลสามารถปล่อยตัวเธอได้เลย หญิงสาวเพียงแต่ต้องทานยาให้ตรงเวลาตอนอยู่บ้านเท่านั้น
“เธอบอกพ่อฉันเรื่องที่เกิดขึ้นยังไงเหรอ” อันซย่าซย่ามองซูเสี่ยวมั่วอย่างกังวล
ซูเสี่ยวมั่วตบแก้มหญิงสาวเบาๆ “อย่าห่วงเลย ฉันบอกคุณลุงว่าเธอมานอนค้างคืนที่บ้านฉัน เขาไม่สงสัยอะไรด้วย”
“ดีแล้ว” หญิงสาวไม่ต้องการให้ครอบครัวของเธอต้องเป็นห่วง
ทั้งสองคุยกันเป็นปกติโดยที่มีแต่ข้อหาสุดอาฆาตที่ซูเสี่ยวมั่วมีต่อเจี่ยนซินเอ๋อร์และติงอีอี
ซูเสี่ยวมั่วเป็นสาวแกร่งเหมือนกับทุกๆ ที ความเห็นสุดหยาบพรั่งพรูออกมาจากปากของเธอ ซึ่งนั่นทำให้อันซย่าซย่ารู้สึกไม่สบายใจ เธอทำอะไรไม่ได้นอกจากลอบมองเซิ่งอี่เจ๋อที่นั่งตรงข้ามเธอ
เซิ่งอี่เจ๋อยืนสูงเด่นอยู่ข้างกำแพงกับคังเจี้ยน กำลัง “ขอร้องอย่างสุภาพ” กับอะไรบางอย่างอยู่
“ ฮึก … คุณชายอี่เจ๋อ ปล่อยผมด้วยเถอะ ผมจะไม่ยุ่งกับอันซย่าซย่าอีกเลย…” คังเจี้ยนยกมือปิดหน้าพลางเอ่ยปากขอร้อง
เซิ่งอี่เจ๋อถามสบายๆ “นายบอกว่านายมีรูปอันซย่าซย่าสมัยเด็กๆ ใช่ไหม”
“ใช่ครับ ใช่ครับ ผมมี! มีทั้งรูปน่ารัก น่าเกลียดเลยครับ!”
“เอารูปมาให้ฉันแล้วฉันจะยกโทษให้”
“จริงเหรอ จริงๆ หรือครับ”
หลังจบประโยคนั้น อันซย่าซย่าก็ไม่ทนอีกต่อไป “เจ้าเพี้ยน นายจะขายฉันแบบนั้นเลยเหรอ! อย่าเอาให้เขานะ!”
หลังเทศกาลคริสต์มาสก็เป็นเทศกาลขึ้นปีใหม่ ฉีซยายังมีประเพณีจัดงานกาล่าวันขึ้นปีใหม่ด้วย คังเจี้ยนคนเซ่ออยากจะขึ้นแสดงมากๆ แต่ซูเสี่ยวมั่วปฏิเสธเขาทุกครั้ง ชายหนุ่มเลยจำเป็นต้องมาพึ่งอันซย่าซย่าแทนๆ
“เดี๋ยวจัดให้” เซิ่งอี่เจ๋อหรี่ตาพลางส่งยิ้มเป็นมิตรให้
คังเจี้ยนหลงเชื่อในทันทีพร้อมแปะมือกับคนตรงหน้า ทั้งคู่ดูคล้ายเพื่อนสนิทกันจริงๆ
แต่กระนั้นอันซย่าซย่าและซูเสี่ยวมั่วคิดว่าพวกเขาแทบจะเห็นหูจิ้งจอกคู่หนึ่งงอกออกมาบนหัวเซิ่งอี่เจ๋ออยู่แล้ว…
เด็กหนุ่มเจ้าเล่ห์คนนี้ช่างน่ากลัวเสียจริง!
–
หลังจากที่ไปแอบอาศัยอยู่ที่บ้านของซูเสี่ยวมั่วอยู่สองวันเพื่อรักษาตัว อันซย่าซย่าก็ไปโรงเรียนตามปกติในวันจันทร์
หญิงสาวเห็นเด็กนักเรียนหลายๆ คนชี้มายังเธอตอนที่เธอเดินเข้าโรงเรียน เธอรู้สึกงุนงงเป็นอย่างมาก
หญิงสาวเดินตรงไปยังห้องเรียนของเธอโดยไม่พูดไม่จา ทันทีที่ก้าวเข้าไปในห้อง เพื่อนร่วมห้องจอมจุ้นต่างเข้ามาล้อมเธอเอาไว้
“คุณพระ เธอมาสักทีอันซย่าซย่า! เธอกำลังคบกับกัปตันอี่เจ๋ออยู่เหรอ”
“ต้องไม่ใช่แบบนั้นสิ! ฉีเหยียนซีเป็นคนที่มาปกป้องเธอต่างหาก! พวกเธอสถานะอะไรกัน”
“พระเจ้าช่วย นี่เรื่องใหญ่มากๆ เลย! เล่ามาๆ! แฟนของเธอคือคนไหน”
“…”
อันซย่าซย่ารู้สึกสับสนเป็นอย่างมากและไม่รู้ด้วยว่าต้นตอคำถามนี้มาจากไหน
หรือว่ามาจากที่เซิ่งอี่เจ๋อกับฉีเหยียนซีมาช่วยเธอไว้ตอนคืนงานบอลนะ
เสียงชายหนุ่มดังแทรกความคิดหญิงสาวเข้ามา —
“อันซย่าซย่าเธอได้ยินข่าวหรือยัง เจี่ยนซินเอ๋อร์กับติงอีอีถูกไล่ออกจากฉีซยาเพราะเธออ้ะ!”
“อะไรนะ” อันซย่าซย่าตกใจ
ด้านนอก ฉีเหยียนซีเตะประตูให้เปิดออกพร้อมเอ่ยอย่างเย็นชา “มาสุมหัวอะไรกันอยู่ตรงนี้มิทราบ”
ฝูงชนตกใจกลัวหัวหดและสลายตัวกันในทันที
ฉีเหยียนซีเดินตรงดิ่งมาที่โต๊ะของตัวเอง อันซย่าซย่าวิ่งตามเขามา “ฉีเหยียนซี เกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย”