ตอนที่ 358 เขาหมั้นคืนนี้ (7)
เธอมอบความไว้วางใจอันไร้ซึ่งเงื่อนไขนี้ให้กับเซิ่งอี่เจ๋อไปแล้ว
“เธอโง่ไปแล้วจริงๆ!” ฉีเหยียนซีโพล่งประโยคนี้ออกมาด้วยความอิจฉาที่อยู่ในใจ
เขาเข้าใจขึ้นมาทันทีว่าทำไมเขาถึงเกลียดเซิ่งอี่เจ๋อมากขนาดนี้
นอกจากเกลียดแล้ว ยังมีความริษยา
ริษยาที่เซิ่งอี่เจ๋อมีอันซย่าซย่าผู้หญิงที่ดีงามถึงเพียงนี้ได้
เสียงโกลาหลดังมาจากห้องโถงที่อยู่ทางด้านหลัง ทำให้อันซย่าซย่าและฉีเหยียนซีต้องหันกลับไปมอง
–
ภายในห้องโถง
ตอนที่ซ่งชิงเฉินจูบเขา เซิ่งอี่เจ๋อก็เบี่ยงตัวไปด้านข้างเล็กน้อย จูบนั้นที่เดิมทีควรจะประทับลงบนริมฝีปากเขากลับไม่ได้แตะลงมา มีเพียงคนนอกเท่านั้นที่เห็นเหมือนว่าจูบลงมาที่แก้ม
เมื่อหันกลับไป เขาก็พบอันซย่าซย่าโดยบังเอิญ
สายตาเขามองตามอันซย่าซย่าที่วิ่งเหยาะๆ ออกไป หัวใจกระตุกอย่างรุนแรง
เธอต้องเข้าใจผิดแล้วแน่ๆ!
เขาเองก็ไม่คาดคิดว่างานเลี้ยงนี้จะเป็นงานหมั้นของเขา!
“ซ่งซ่ง นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” น้ำเสียงของเขาเริ่มไม่พอใจ
ซ่งชิงเฉินกล่าวอย่างน่าสงสาร “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน…คุณลุงเซิ่งให้ฉันมา…พี่อาเจ๋อ หรือว่าพวกเราจะโดนหลอกเข้าแล้ว?”
นัยน์ตาเธอมีร่องรอยความเจ้าเล่ห์
หากมองจากมุมของอันซย่าซย่านั้น จะต้องเห็นว่าเธอจูบกับเซิ่งอี่เจ๋อไปแล้วอย่างแน่นอน
อีกอย่างงานหมั้นนี้จัดโดยเซิ่งชิงอี้ เซิ่งอี่เจ๋อจะกล้าหักหน้าพ่อของเขาได้อย่างงั้นหรือ ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้วทั้งสองก็จะได้หมั้นหมายกันอย่างราบรื่นตามขั้นตอน พอถึงตอนนั้นเธอก็จะไปหาอันซย่าซย่าเพื่อให้อันซย่าซย่าเลิกกับเซิ่งอี่เจ๋อก็ยังได้…
แผนการของเธอเป็นไปอย่างเหมาะเจาะ แต่ชายหนุ่มรูปงามที่อยู่ข้างๆ กลับยิ้มอย่างเยือกเย็น
รอยยิ้มนั้นทำให้เธอไม่สบายใจเล็กน้อย
ซ่งชิงเฉินรู้สึกสังหรณ์ใจ พลางจับกระโปรงแน่น
“อี่เจ๋อ มัวทำอะไรอยู่ สวมแหวนให้ซ่งซ่งสิ!” เซิ่งชิงอี้แสดงท่าทาง มีคนรีบส่งกล่องแหวนให้ทันที
เพชรที่เจิดจรัสแวววาว ออกแบบมาอย่างประณีตจนทำให้สาวๆ หลายคนต่างส่งเสียงร้อง “ว้าว” ออกมา
“ผมไม่เห็นด้วยกับการหมั้นในครั้งนี้” เขาพูดด้วยน้ำเสียงอันหนักแน่น ยืดหลังตรงโดยไม่เกรงกลัวเลยสักนิด
เซิ่งชิงอี้หน้าถอดสีพลางกดเสียงต่ำ “มีหลายคนกำลังจับจ้องอยู่ แกอย่าทำให้เสียเรื่อง! อีกอย่างร่างกายซ่งซ่งก็ไม่แข็งแรง แกอย่าทำร้ายจิตใจเธอ!”
เซิ่งอี่เจ๋อหันมาสบตากับซ่งชิงเฉินพร้อมกับรอยยิ้มอันน่าประหลาด
ซ่งชิงเฉินจมอยู่กับรอยยิ้มของเขา รู้สึกเพียงว่าดวงตาสีดำคู่นั้นที่อยู่ตรงหน้าส่องแสงเจิดจ้ายิ่งกว่าดวงดาว
“ซ่งซ่ง เธอเต็มใจจะแต่งงานกับคนที่ไม่ได้ชอบเธอได้เหรอ เต็มใจที่จะมอบความสุขทั้งชีวิตของเธอไว้แบบนี้เหรอ เธอเองก็โดนหลอกมาไม่ใช่รึไง”
ซ่งชิงเฉินอยากตอบออกไปโดยไม่รู้ตัว : ตราบใดที่เป็นคุณ ฉันเต็มใจ
แต่นั่น…เกรงว่าจะยิ่งเป็นการสร้างปัญหาให้เซิ่งอี่เจ๋อ
เธอก้มหน้าลงและเลือกที่จะไม่พูดอย่างชาญฉลาด
“เซิ่งอี่เจ๋อ!” เซิ่งชิงอี้ตำหนิเขา “เรื่องนี้แกไม่มีสิทธิ์!”
“เรื่องของผม ต้องให้พ่อมาจ้ำจี้จ้ำไชสั่งตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” โทนเสียงเซิ่งอี่เจ๋อฟังดูเย็นชาขึ้น “พ่อเป็นคนสร้างเรื่องขึ้นมาเองก็จัดการเองแล้วกัน อยากหมั้น พ่อก็มาหมั้นเองสิ!”
แขกทุกคนต่างฮือฮา
“เกิดอะไรขึ้น…”
“เกรงว่างานหมั้นครั้งนี้จะไม่สำเร็จแล้วสิ!”
“จุ๊จุ๊ นี่ไม่ใช่ว่ากำลังล้อเล่นกับพวกเราหรอกนะ…”
“……”
หลังจากที่พูดเสร็จ เขาก็เดินจากไปอย่างไม่แยแส เขาทำให้เซิ่งชิงอี้โมโหจนกุมหน้าอก
แววตาซ่งชิงเฉินเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
–
พอเซิ่งอี่เจ๋อออกมาจากห้องโถงก็เจอกับอันซย่าซย่า
เซิ่งอี่เจ๋อก้าวไปข้างหน้าโดยไม่อธิบายใดๆ เพียงพูดเบาๆ ว่า “ซย่าซย่า เรากลับบ้านกันเถอะ”
อันซย่าซย่าช็อกไปสองวิก็พยักหน้าตกลง
กลับบ้าน ช่างเป็นคำที่อบอุ่นเหลือเกิน
แต่ความขมขื่นในใจก็ค่อยๆ แผ่ซ่าน
ฉีเหยียนซีเดินเข้าไปต่อยเซิ่งอี่เจ๋อและพูดอย่างเกรี้ยวกราด “อย่าให้ฉันเห็นว่านายขอโทษซย่าซย่าอีก! ไม่อย่างนั้นฉันจะแย่งเธอไปซะ!”
ตอนที่ 359 เราเลิกกันเถอะ (1)
เซิ่งอี่เจ๋อเช็ดเลือดตรงมุมปาก พร้อมกับพูดว่า “นายไม่มีโอกาสหรอก”
อันซย่าซย่ากัดริมฝีปากแน่น “นายไม่เป็นอะไรนะ…”
“ไม่เป็นไร” เซิ่งอี่เจ๋อยิ้มเล็กน้อย ฉีเหยียนซีกลอกตามอง “ได้ ฉันจะไม่เข้าไปยุ่งกับพวกนายสองคน แต่อย่ามาโชว์หวานต่อหน้าฉัน คนโสดมันทนไม่ได้โว้ย!”
เขาดูโมโหยิ่งกว่าอันซย่าซย่าและจากไปด้วยความหงุดหงิด
เซิ่งอี่เจ๋อจับมืออันซย่าซย่าแล้วพาเธอขึ้นรถ
ภายในรถเงียบสงัด
มือเรียวใหญ่รัดเข็มขัดนิรภัยและรัดให้อันซย่าซย่า เขายังไม่ถอยรถออกไปทันทีแต่บีบแก้มอันซย่าซย่าไว้ “โกรธเหรอ?”
“โอ๊ย…อย่าบีบ เจ็บ…” อันซย่าซย่าพึมพำ “ฉันโกรธอะไร…ถึงอย่างไรนายก็ต้องหมั้นแล้วนี่ หึหึ…”
“ไหนบอกว่าไม่ได้โกรธไง?” เซิ่งอี่เจ๋อขมวดคิ้ว
อันซย่าซย่ายิ้มแข็งทื่อ “ฉันเห็นกับตาตัวเอง นายจะให้ฉันคิดยังไง? เซิ่งอี่เจ๋อ ถ้ารักกันมันยากมากขนาดนี้ เราก็เลิกกันเถอะ”
นายมีอนาคตที่สดใสของนาย ส่วนฉันก็ต่างคนต่างไปดี
เธอเชื่อในตัวเซิ่งอี่เจ๋อ เชื่อในความรู้สึกของพวกเขา
แต่อย่างไรก็ตามสิ่งที่เซิ่งชิงอี้พูดมาในวันนั้นก็ไม่ผิด แม้ว่าความสัมพันธ์จะลึกซึ้งแค่ไหน แต่อนาคตของพวกเขาก็ไม่ใช่จะพูดอย่างไรก็ได้ มันซับซ้อนและทุกข์ทรมานมากจนความกล้าของเธอแทบจะหมดลงแล้ว
ทันใดนั้นกลิ่นอายในตัวเซิ่งอี่เจ๋อก็เย็นยะเยือก เขาบีบคางอันซย่าซย่าอย่างเผด็จการ “ซย่าซย่า อย่าพูดว่าเลิกตามใจปากสิ!”
นัยน์ตาสีดำของอันซย่าซย่ามองตรงไปที่เขา “ถ้าฉันบอกว่าฉันจริงจังล่ะ?”
เธอไม่อยากเหนื่อยกับความรัก ความรักที่ให้ความรู้สึกไม่ปลอดภัยแบบนี้
เซิ่งอี่เจ๋อขมวดคิ้วแน่นด้วยความโกรธ เขาจูบริมฝีปากของเธออย่างรุนแรง งัดริมฝีปากและลิ้นออกจากกัน จากนั้นก็จูบอย่างเอาเป็นเอาตาย
อันซย่าซย่าถูกกดไว้กับเบาะนั่ง ไม่รู้ว่าจูบกันนานแค่ไหนเขาถึงจะปล่อยเธอไป
หน้าอกของเธอกระเพื่อมขึ้นลง เธอหอบหายใจไม่หยุดและพูดด้วยความโมโห “นายทำเกินไปแล้ว! ฉันกับนายเลิกกัน ไม่ว่านายจะจูบอีกครั้ง ยังไงก็ต้องเลิก!”
“เกินไป?” เซิ่งอี่เจ๋อยิ้มอย่างเย้ยหยัน “ฉันทำได้มากกว่านี้อีก เธออยากลองดูไหมล่ะ?”
มือใหญ่เลิกเสื้อเธอขึ้น มืออุ่นแตะที่เอวของเธอแล้วค่อยๆ ลูบไล้
อันซย่าซย่าเป็นคนขี้ตกใจ เธอมองเซิ่งอี่เจ๋อด้วยความตื่นตระหนก
นัยน์ตาเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา เธอสูดลมหายใจ “ไอ้บ้า! รังแกฉันอยู่ได้!”
น้ำตาไหลลงมาอย่างไม่ทันตั้งตัว
เธอเองก็ไม่อยากร้องไห้ แต่มันน่าเจ็บช้ำน้ำใจเหลือเกิน
การดูถูกของเซิ่งอี่เจ๋อ การยั่วยุของซ่งชิงเฉิน และด้วยสถานะของเซิ่งอี่เจ๋อ ความรักครั้งนี้มันทำให้เธอรู้สึกแย่มากจริงๆ
ตอนนี้เธอไม่รู้สึกปลอดภัยเลยด้วยซ้ำ
เมื่อเซิ่งอี่เจ๋อเห็นเธอร้องไห้ เขาก็ถอนหายใจและจัดแจงเสื้อผ้าให้เธอ จากนั้นก็หยิบทิชชู่มาเช็ดน้ำตาให้
“ซย่าซย่า เธออย่าร้อง…ฉันมันไม่ดีเอง…”
“เรื่องวันนี้เป็นความเข้าใจผิด ฉันคิดว่ามันเป็นงานเลี้ยงธุรกิจตระกูลเซิ่ง ไม่คิดว่าพอมาถึงก็พบว่ามันคืองานหมั้น”
“ฉันไม่ได้อยากแต่งงานกับซ่งชิงเฉินจริงๆ ฉันต้องทำอย่างไรเธอถึงจะยอมเชื่อฉัน?”
เขาพล่ามออกมาหลายประโยค อันซย่าซย่าทุบเขาไปสองหมัด จากนั้นก็เอาน้ำมูกน้ำตาถูบนตัวเขาแล้วถอนหายใจอย่างแง่งอน
เซิ่งอี่เจ๋อไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี แต่อันซย่าซย่าดูเหมือนจะนึกเสียใจและถามเขาอย่างระแวง “ชุดนายคงแพงมากใช่ไหม?”
“ไม่เป็นไร เธอสบายใจก็ดีแล้ว จะถูอีกกี่ครั้งก็ได้นะ?” เซิ่งอี่เจ๋อหาได้สนใจไม่ อันซย่าซย่าเหมือนต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับถูกเขาหยุดริมฝีปากไว้
“อืม…”