ตอนที่ 382 ย้ายโรงเรียน (1)
ในคลิปวิดีโอ เซิ่งอี่เจ๋อถือกีต้าร์ฮัมเพลงอย่างเนือยๆ
เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวพร้อมกับผูกเนคไทเส้นนั้นที่อันซย่าซย่ามอบให้เขา ผมดำนุ่มสลวย แววตาไม่ได้เย็นชาดังเช่นเคย แต่กลับย้อมด้วยสีแห่งความอบอุ่น ไฝใต้ตาเม็ดนั้นยังช่วยเพิ่มเสน่ห์ความเป็นตัวเขามากยิ่งขึ้น
เขาหันหน้าเข้าหากล้อง แต่คุณกลับรู้สึกว่าเขาร้องให้คุณเพียงคนเดียว
อันซย่าซย่ากุมหน้าตัวเอง หัวใจของสาวน้อยเอ่อล้นออกมา
ฮือ ฮือ ฮือ หล่อจัง! แล้วยังร้องเพราะมากอีกด้วย! พ่อเทพบุตรสุดยอดจริงๆ เลย!
เธอเข้าไปในเวย์ปั๋วของเซิ่งอี่เจ๋อ คลิปวิดีโอนี้ถูกโพสต์ลงตอนเที่ยงคืนพร้อมกับเขียนบรรยายว่า : ร้องให้ใครบางคน
ความคิดเห็นและยอดไลค์ที่อยู่ใต้ล่างเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งบรรดาความคิดเห็นเหล่านั้นต่างก็มีเสียงคร่ำครวญ—-
“หลีกทางไปให้หมด! สามีฉันโพสต์เวย์ปั๋วแซ่บมาก!”
“อี่เจ๋อน่ารักจังเลย~ เสียงก็เพราะมาก~ ใจละลาย~”
“ใครบางคนคนนั้นเป็นใครกันแน่! อ๊าาาา อยากรู้จัง!”
“เพื่อนๆ จำสัมภาษณ์เมื่อครั้งที่แล้วได้ไหม…ที่อี่เจ๋อบอกว่ารับโฆษณาเพราะแฟนสาว เพราะฉะนั้นเพลงนี้ต้องร้องให้แฟนของเขาแน่ๆ! มนุษย์หน้าโง่!”
“โชว์เลี่ยน ลากออกมาตีให้ตาย! ตีให้ตาย!”
“ขอเพียงอี่เจ๋อมีความสุขมากๆ ก็ดีแล้ว พวกเราแฟนๆ จะอวยพรให้คุณ~”
“……”
อันซย่าซย่ากวาดตามองอย่างรวดเร็ว ในความคิดเห็นล้วนแล้วแต่เป็นคำอวยพร นั่นทำให้เธอประหลาดใจเล็กน้อย
แต่เมื่อลองคิดดูแล้ว วงการบันเทิงในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาไม่จำเป็นต้องปิดบังเรื่องแต่งงานหรือเรื่องลูกอีกต่อไป ในทางตรงกันข้ามเรื่องความรักและการแต่งงานของดาราคนดังกลับกลายเป็นประเด็นที่ดี และหากสร้างกระแสอย่างเหมาะสมก็จะช่วยเรียกคะแนนนิยมได้
หรือจะพูดได้ว่าดาราเป็นเช่นไรก็จะมีแฟนคลับเป็นคนเช่นนั้น
แหะแหะ ช่างเป็นแฟนคลับที่มีคุณสมบัติยอดเยี่ยมจริงๆ ซึ่งนั่นก็อธิบายได้ว่าเซิ่งอี่เจ๋อเองก็เป็นคนดีเหมือนกัน~
อันซย่าซย่ากอดโทรศัพท์และผลอยหลับไป
ในความฝันก็ยังคงมีความสุข
–
หลังจากอำลาปีเก่าและเก็บเงินแต๊ะเอียเรียบร้อยแล้ว ชีวิตในช่วงปิดเทอมฤดูหนาวของอันซย่าซย่าก็เหลือเพียงเร่งทำการบ้านชิ้นสุดท้าย
เซิ่งอี่เจ๋อพูดอย่างเย็นชาว่าจะไม่ยอมให้เธอลอกการบ้าน แต่ผลสุดท้ายก็ยังให้ลอกจนได้…
หลักการของใครบางคน ก็ดูเหมือนจะไร้หลักการสำหรับอันซย่าซย่า
สตูดิโอของวงสตาร์รี่ไนต์กำลังดำเนินไปอย่างราบรื่น ทั้งสามคนใช้เวลาพักผ่อนได้ไม่ถึงครึ่งเดือนก็เริ่มออกงานโชว์ตัวบินขึ้นเหนือล่องใต้
หลังจากผ่านเทศกาลโคมไฟและทานบัวลอยลูกอ้วนกลมไปเรียบร้อยแล้ว โรงเรียนมัธยมฉีซย่าก็เปิดเทอมอย่างเป็นทางการ
ในวันเปิดเทอมวันแรก อันซย่าซย่า ซูเสี่ยวโม่ และคังเจี้ยนก็ไปโรงเรียนด้วยกัน
คลาสแรกเป็นการประชุมในห้องเรียนของไป่จื่อเยว์ เธอเดินไปยังแท่นบรรยายและมองนักเรียนในชั้นเรียนที่อยู่ข้างล่างพลางพูดอย่างยิ้มๆ “ดูเหมือนทุกคนจะใช้เวลาในช่วงปิดเทอมได้ดีมาก ตอนนี้ห้องของพวกเราเหมือนมีลูกชิ้นกลิ้งไปมา! แต่ละคนดูอิ่มเอิบไม่น้อย กินอะไรก็อร่อยงั้นเหรอ?”
“แหะแหะ…” ทุกคนในชั้นเรียนหัวเราะเยาะและทำท่ารังเกียจกัน
“แกน่ะอ้วน!”
“แกน่ะสิอ้วน!”
“เนื้อตรงแก้มเป็นก้อนไปหมดแล้ว ฮ่าฮ่า!”
“เอาล่ะ! พวกพิคาชูทั้งหลาย!”
เมื่อบรรยากาศเริ่มเสียงดัง ไป่จื่อเยว์จึงยกมือขึ้นห้าม “ทุกคนเงียบก่อน เทอมนี้มีเพื่อนนักเรียนคนใหม่ย้ายมาเรียนที่ห้องของพวกเรา ทุกคนช่วยดูแลเธอและทำตัวดีดีกับเธอด้วยล่ะ”
ทันทีที่สิ้นเสียง ประตูห้องก็ถูกคนผลักออก มีเด็กสาวหน้าตาสะสวยสวมชุดนักเรียนโรงเรียนมัธยมฉีซย่าเดินเข้ามา
ผมหางม้า หน้าสด แต่ความสวยกลับทำให้ผู้คนไม่อาจละสายตาได้ มีกลิ่นอายแห่งความสง่างามราวกับกล้วยไม้ในหุบเขาที่กำลังออกดอกตูม
เวลาที่เธอยิ้มจะเห็นลักยิ้มที่แก้มทั้งสองข้าง “สวัสดีทุกคน ฉันชื่อซ่งชิงเฉิน”
“ว้าว สาวสวย!”
“มองมาทางนี้ มองทางนี้!”
นักเรียนชายในห้องต่างทักทาย แต่อันซย่าซย่ากลับตัวแข็งทื่ออยู่กับที่ราวกับถูกไฟช๊อต
ตอนที่ 383 ย้ายโรงเรียน (2)
ซ่งชิงเฉิน? เธอมาทำอะไรที่ฉีซย่า?
ซ่งชิงเฉินกวาดตามองไปทั่วห้องและหยุดสายตาที่ตัวอันซย่าซย่า เธอนิ่งไปชั่วขณะ จากนั้นก็เบนสายตาไปทางอื่นพร้อมกับโค้งทักทายทุกคน “ฝากเนื้อฝากตัวด้วยค่ะ”
ไป่จื่อเยว์ “นักเรียนซ่ง เธออยากนั่งตรงไหน?”
“คุณครูคะ หนูนั่งตรงนั้นได้ไหม?” เธอชี้ไปยังที่นั่งข้างๆ อันซย่าซย่า
วันนี้เซิ่งอี่เจ๋อไปงานโชว์ตัวจึงไม่ได้เข้าเรียน
หัวใจอันซย่าซย่ารัดแน่น เธอมีเจตนาอย่างแน่นอน!
ไป่จื่อเยว์ส่ายหน้า “ที่นั่งตรงนั้นมีคนนั่งแล้วน่ะ”
“งั้นฉันนั่งตรงนั้นได้ไหมคะ?” ซ่งชิงเฉินยิ้มแสนดี
ไป่จื่อเยว์มองไปตามทางที่เธอชี้ จริงๆ แล้วนั่นเป็นที่นั่งของฉีเหยียนซี!
ต้องเข้าใจว่าปีศาจฉีมีชื่อเสียงเลื่องลือว่าไม่มีใครกล้านั่งโต๊ะเดียวกับเขามาแต่ไหนแต่ไรแล้ว นักเรียนใหม่คนนี้ช่างกล้าหาญจริงๆ!
ฉีเหยียนซีเหล่ตามองซ่งชิงเฉินตั้งแต่หัวจรดเท้า จากนั้นก็พูดอย่างหงุดหงิด “ก็ได้”
“ในเมื่อพวกเธอสองคนไม่มีความเห็นอะไร งั้นเธอก็ไปนั่งเถอะ” ไป่จื่อเยว์พูดไปด้วยยิ้มไปด้วย
ซ่งชิงเฉินถือกระเป๋านักเรียนแล้วเดินไปนั่งข้างๆ ฉีเหยียนซีด้วยท่าทางสง่างาม
ฉีเหยียนซีกดเสียงต่ำ “คนรักวัยเด็กของเซิ่งอี่เจ๋อเหรอ?”
ซ่งชิงเฉินเอียงศีรษะ “ถ้านั่นคือคำอธิบาย นายก็คงเป็นคู่หูวัยเด็กของเซิ่งอี่เจ๋อสินะ?”
ฉีเหยียนซีมองเธอเข้าไปลึกๆ จากนั้นก็ยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย
“สวัสดี ซย่าซย่า” ซ่งชิงเฉินทักทายอันซย่าซย่าผ่านหน้าฉีเหยียนซี
ถ้าอันซย่าซย่าไม่รู้จักโฉมหน้าที่แท้จริงของเธอ เกรงว่าจะมองเธอเป็นเพื่อนคนหนึ่ง
ในเมื่อตอนนี้รู้แล้ว อันซย่าซย่าจึงยิ้มพอเป็นมารยาท “สวัสดี”
พอจบคลาสเสียงกระดิ่งก็ดังขึ้น ภายในชั้นเรียนกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
ทันใดนั้นก็เกิดความวุ่นวายที่หน้าประตู พออันซย่าซย่าเงยหน้าขึ้นก็เห็นหลีฝานซิงเดินลงมาจากชั้นสาม
เธอเร่งฝีเท้าเดินมาหาซ่งชิงเฉินพลางจับมืออย่างสนิทสนม “ซ่งซ่ง เธอมาเรียนที่ฉีซย่าแล้ว! ฉันดีใจจังเลย!”
ทั้งสองจับมือกันไปมาทำเหมือนมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งแบบพี่สาวน้องสาว
อันซย่าซย่าบีบปากกาแน่น ที่จริงเธอควรจะคิดได้ตั้งนานแล้ว
หลีฝานซิงจะต้องรู้จักกับซ่งชิงเฉินอย่างแน่นอน!
เพราะไม่อย่างงั้นตอนที่ถ่ายโฆษณาครั้งที่แล้วหลีฝานซิงคงไม่พูดออกมาเช่นนั้น! และหลังจากนั้นก็คงไม่ส่งรูปถ่ายตอนที่ซ่งชิงเฉินกับเซิ่งอี่เจ๋ออยู่ด้วยกันมาให้เธอ!
หลังจากพี่สาวน้องสาวรำลึกความหลังกันเสร็จแล้ว หลีฝานซิงก็หยิบกล่องข้าวลายการ์ตูนออกมาจากกระเป๋า แล้ววางไว้ตรงหน้าฉีเหยียนซีอย่างอายๆ
“เอ๊ะ? นี่มันอะไร?” ฉีเหยียนซีถามอย่างเกียจคร้าน
หลีฝานซิงก้มหน้าลงและบิดเสื้อผ้าราวกับเด็กน้อยไร้เดียงสา “นี่เป็นอาหารกลางวันที่ฉันทำมาให้เธอ”
ฉีเหยียนซียิ้มเหมือนกำลังล้อเล่นกับเหยื่อ เสียงทุ้มๆ พูดว่า “มานี่”
หลีฝานซิงเผยสีหน้าดีใจพลางเดินไปยืนข้างๆ เขาและจับแขนของเขาไว้
เนื่องจากทั้งสองใกล้ชิดกันเกินไปจึงทำให้แขนของฉีเหยียนซีถูกับหน้าอกอันน่าภาคภูมิใจของเธอ เธอไม่เพียงแค่ไม่ปล่อยมือแต่กลับถูเข้าไปอีก
นักเรียนในชั้นเรียนมองไปที่ทั้งสองคนพลางซุบซิบ อันซย่าซย่าเองก็เป็นหนึ่งในบรรดาคนเหล่านั้นที่อยู่ใกล้ที่สุด ทั้งยังเห็นชัดเจนที่สุด เธออดไม่ได้ที่จะตัวสั่นและขนลุกไปทั่วทั้งแขน
ภาพนี้มัน…ฮอตสุดๆ ไปเลย…
นัยน์ตาฉีเหยียนซีกำลังยิ้ม แต่ถ้ามองอย่างละเอียดจะพบสายตาดูถูกซ่อนอยู่ข้างในนั้น
“เปิดมาดูซิ”
หลีฝานซิงหยิบกล่องข้าวมาเปิดออกอย่างเชื่อฟัง ข้างในมีทั้งข้าวห่อสาหร่าย ไข่ครึ่งลูก กุ้ง เนื้อวัวและแครอท…อาหารทำมาอย่างหลากหลายและปราณีตจนคนเห็นแล้วต้องน้ำลายสอ
“คงใช้ความพยายามมากเลยสินะ?” ฉีเหยียนซียิ้ม แต่กลับเขวี้ยงข้าวกล่องลงในถังขยะที่อยู่ด้านหลัง “แต่ว่า ฉันไม่ชอบ!”
ตอนที่ 384 เทศกาลดนตรี (1)
หลีฝานซิงหน้าซีดลงเล็กน้อย
ฉีเหยียนซีกระดิกขา ใบหน้าหล่อเหลาเหมือนมีน้ำค้างแข็งปกคลุมอยู่
“ยังมีอะไรอีกไหม?” เขายกมุมคางเชิดขึ้นและถามด้วยความจองหอง
ฉีเหยียนซีจะไม่แสดงสีหน้าดีดีให้กับคนที่ตัวเองไม่ชอบ
หลีฝานซิงหน้าแข็งกร้าว เธอพยายามฝืนยิ้มออกมาอย่างเต็มที่ “ถ้านายไม่ชอบ คราวหน้าฉันทำอย่างอื่นมาให้ก็ได้”
“ได้” ไม่คาดคิดว่าฉีเหยียนซีไม่เพียงแต่ไม่ปฏิเสธ เขายังพยักหน้าพูดเสียงแข็ง “คราวหน้าฉันจะเขวี้ยงมันให้ตรงกว่านี้ ถ้าเธอไม่ทำมาให้ฉัน ชีวิตก็คงสนุกน้อยลง จริงไหม?”
“ฮ่าฮ่า น่าขำชะมัด เป็นดาราแล้วยังไง คุณชายฉียังไม่มองเลย…”
“สนุกว่ะ เอ๊ะ มีใครถ่ายรูปไว้บ้างไหม? โพสต์ลงเวย์ปั๋วด้วย!”
“นางฟ้าอย่าร้อง นางฟ้ายังมีฉัน!”
“เฮ้ย! แกน่าเกลียดขนาดนี้ นางฟ้าจะมองแกได้ยังไง?
“……”
หลีฝานซิงยังไม่เคยมีประสบการณ์ได้ยินคำพูดเยาะเย้ยเหล่านั้นจากผู้คนโดยรอบมาก่อน
เมื่อก่อนฉีเหยียนซีดีกับเธอโดยไม่จำเป็นต้องพูดอะไร หากมีคนในโรงเรียนมัธยมฉีซย่ามาก่อกวน พวกเขาก็จะถูกฉีเหยียนซีจัดการอย่างน่าเวทนา
เขาดีกับเธอทุกครั้งที่ร้องขอ เอาอกเอาใจเธอเหมือนขึ้นสวรรรค์ แต่ในเวลานั้นเธอมักจะเอาแต่ใจและทำให้ฉีเหยียนซีเจ็บปวดอยู่ไม่น้อย
เขาเคยเข้าแถวทั้งคืนในค่ำคืนฤดูหนาวที่หนาวเหน็บเพียงเพื่อซื้อสร้อยข้อมือรุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่นให้เธอเป็นของขวัญวันเกิด;เขาเคยนั่งเครื่องบินข้ามวันข้ามคืนในเวลาหลายชั่วโมงเพื่อเอาขนมมาให้เธอ;เพียงเธอพูดเพียงประโยคเดียว เขาก็ไม่เคยสูบบุหรี่ต่อหน้าเธออีกและยังไม่ให้เพื่อนๆ สูบบุหรี่ต่อหน้าเธอ
เขาเคยทำเพื่อเธอมามากมายจริงๆ แต่เธอกลับไม่เคยรักษามันไว้
ตอนนี้สถานะภายนอกของตระกูลหลีอาจดูสวยงาม แต่สถานการณ์ภายในกลับสั่นคลอน ผู้เป็นพ่อจึงให้เธอหาคนมาเกี่ยวดองด้วย ดังนั้นเป้าหมายของเธอมีเพียงสองคนนั่นก็คือ เซิ่งอี่เจ๋อกับฉีเหยียนซี
เซิ่งอี่เจ๋อปฏิเสธเธออย่างไม่ใยดีเลยสักนิด เธอจึงทำได้เพียงแค่ตั้งความหวังไว้ที่ฉีเหยียนซี
หลีฝานซิงคิดว่าตราบใดที่เธอยอมอ่อนข้อและปฏิบัติต่อฉีเหยียนซีดีหน่อย เขาก็จะคิดถึงความสัมพันธ์เก่าๆ และค่อยๆ บ่มเพาะความรู้สึกขึ้นมาอย่างช้าๆ แบบนี้ก็กลับมาคืนดีได้แล้ว
ถึงอย่างไรจิตใจของคนเราล้วนเติบโตขึ้น หัวใจที่ได้ความเจ็บปวดอย่างสุดซึ้งจะยังคงเหมือนอดีตที่ผ่านมาได้อย่างไร?
หลีฝานซิงอับอายหาทางลงไม่ได้ ซ่งชิงเฉินยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน “ฝานซิง คุณชายฉีคงล้อเธอเล่นแน่ๆ ~ นี่ก็ใกล้จะเข้าเรียนแล้ว เธอรีบกลับไปเถอะ~”
คำพูดนี้ถือว่าเป็นการหาทางลงให้หลีฝานซิง เธอรีบสาวเท้าเดินออกไป ฉีเหยียนซีเบนสายตาและสบถอย่างเย็นชา เขาลากเก้าอี้มานั่งข้างๆ อันซย่าซย่า
“นี่…ตรงนี้มีคนนั่งแล้ว!” อันซย่าซย่าหมดคำพูด
“แต่เซิ่งอี่เจ๋อยังไม่มาอยู่ดี” ฉีเหยียนซีเอนหลังพิงเก้าอี้อย่างสบายๆ เขากระดิกเท้าพลางผิวปากทำตัวเหมือนอันธพาลตัวจริง
อันซย่าซย่าส่ายหน้า เธอหยิบปากกาขึ้นมาลอกลงสมุด แต่เปลวไฟแห่งการซุบซิบนินทาที่อยู่ลึกๆ ในใจกำลังลุกโชน เธอวางปากกาอย่างทนไม่ไหวและถามฉีเหยียนซี “ฉีเสี่ยวฮัว ตอนนั้นนายชอบหลีฝานซิงเพราะอะไร?”
“ยุ่งน่า อย่าเรียกฉันด้วยชื่อนั้น!” ฉีเหยียนซีระเบิด ทำให้ดึงดูดสายตาของคุณครูที่กำลังสอนอยู่
“มองอะไร สอนของคุณไปสิ อย่ามารบกวนผมคุย!” เขาพูดอย่างเอาแต่ใจ ครูฟิสิกส์ร่างบางคอหดไม่กล้าคัดค้านและยังคงสอนต่อไปอย่างอ่อนแรง
อันซย่าซย่าเหงื่อแตก พลางให้กำลังใจครูฟิสิกส์ในใจอย่างเงียบๆ
ฉีเหยียนซีเอียงหน้ามาหาเธอแล้วยิ้มอย่างชั่วร้าย “อยากรู้จริงเหรอ?”
อันซย่าซย่าลังเลอยู่นาน แต่ก็ยังไม่สามารถเอาชนะความอยากรู้ได้ ดังนั้นเธอจึงพยักหน้าอย่างหนักแน่น!
“เพราะ ยัยนั่น นม ใหญ่ กว่า เธอ!”