ซ่งชิงเฉินกอดกล่องเปียโนร้องไห้ราวกับสายฝนอย่างน่าสงสาร
เมื่อคนขับแท็กซี่เห็นดังนั้นก็รีบถาม “เอ่อ แม่หนู เป็นอะไร? อกหักเหรอ?”
ซ่งชิงเฉินยิ้มอย่างขมขื่น ถ้ารักเพียงข้างเดียวเรียกว่าอกหักได้ งั้นเธอก็คงได้ลิ้มรสชาติของการอกหักแล้ว
ห้านาทีที่แล้วหลังจากการแสดงจบ เซิ่งอี่เจ๋อยื่นบัตรใบหนึ่งให้เธอ
เขาทำตามที่เธอขอ
หลายวันมานี้เธอปลอมตัวและเล่นละครต่อหน้าเซิ่งอี่เจ๋อมาโดยตลอด หัวใจเธอชอบชายหนุ่มคนนี้จริงๆ
เขาเป็นคนที่แสนดี แต่กลับมอบหัวใจให้กับผู้หญิงอีกคน
เธอจึงพยายามลองใช้แผนการแย่งเขามา จนตอนนี้เธอเหนื่อยล้าเหลือเกินและตื่นได้เสียที
การร่วมมือกับหลีฝานซิงก็เหมือนเป็นการขอหนังเสือจากเสือ เมื่อร้องขออะไรที่มากเกินไปก็ไม่สมหวัง และคนที่เสียใจที่สุดก็คือเธอ!
ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจจากไป
ก่อนจากมา เธอคิดจะเขย่งเท้าจูบเซิ่งอี่เจ๋อ แต่เซิ่งอี่เจ๋อกลับเบี่ยงตัวหนีและพูดอย่างเฉยชาว่า “เดินทางปลอดภัย”
ซ่งชิงเฉินยิ้มกระดากอาย “อืม ลาก่อนค่ะ พี่อาเจ๋อ”
ลาก่อน คงไม่ได้พบกันอีก
เรื่องเหลวไหลในหลายวันมานี้ ล้วนปล่อยไปตามสายลม
แม้ในใจจะคิดได้แบบนี้ แต่น้ำตาก็ยังไหลไม่หยุด
ขณะที่รถแท็กซี่กำลังขับไปตามทางสนามบิน ซ่งชิงเฉินก็มองวิวทิวทัศน์ที่เปลี่ยนไปอยู่ริมหน้าต่าง เธอร้องไห้อย่างเงียบๆ
เนื่องจากคนขับรถเป็นคนกระตือรือร้น เขาจึงหาเรื่องมาพูดปลอบใจให้เธอมีความสุข
“ถึงคางคกสองขาจะหายาก แต่ผู้ชายสามขานั้นหาง่าย…เธอทิ้งผู้ชายคนนั้นไปซะ ในโลกนี้ยังมีผู้ชายดีดีอีกตั้งมากมายให้เธอได้เลือก!” น้ำเสียงจังหวะสูงต่ำทำให้ซ่งชิงเฉินหัวเราะได้ จู่ๆ เธอก็ได้ยินคนขับรถบ่น “แม่หนู เธอคงไม่ได้ไปล่วงเกินใครมาใช่ไหม รถบิวอิคก์คันข้างหลังตามเรามาตั้งสามเส้นทางแล้วแน่ะ!”
หัวใจซ่งชิงเฉินเย็นเฉียบและเริ่มมีลางสังหรณ์ไม่ดี
หลีฝานซิง
ไม่ได้! ถ้าเธอไปแล้ว หลีฝานซิงจะต้องไม่ยอมปล่อยเธอไปแน่ๆ!
เมื่อเห็นสีหน้าเธอดูไม่ค่อยดี คนขับรถก็ตบหน้าอก “ไม่ต้องกลัว ฉันจะขับเร็วอีกหน่อย ดูสิว่าจะสลัดมันไปได้หรือไม่!”
รถแท็กซี่เร่งความเร็วและขับเฉียดรถแท็กซี่ที่อันซย่าซย่านั่งพอดี
หลังจากที่ซ่งชิงเฉินเห็นอันซย่าซย่านั่งในรถคันนั้น เธอก็คิดบางอย่างในใจ
“คุณลุงคนขับคะ…ฉันมีความคิดดีๆ ที่จะสลัดรถคันนั้นได้แล้ว…”
–
“ซย่าซย่า ไม่แน่ว่าอาจจะมีเรื่องเข้าใจผิดก็ได้นะ…” ซูเสี่ยวโม่เกลี้ยกล่อมอันซย่าซย่าอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก “งั้นเราไปหาเซิ่งอี่เจ๋อกันดีไหม ฉันจะต่อยเขาให้เอง! บอกมาสิว่าอยากให้ฉันจัดการเขายังไง?”
“พรืด…เอาล่ะ โม่โม่ เธอไม่ต้องปลอบใจฉันแล้ว”
“จุ๊บๆ เธอแค่จำไว้ว่าเธอยังมีฉันเป็นเพื่อนอยู่อีกคนก็พอแล้ว!”
ทั้งสองกำลังคุยกัน ตรงบริเวณถนนทางแยกหนึ่ง ในขณะที่คนขับเลี้ยวรถก็มีรถแท็กซี่คันหนึ่งที่อยู่ข้างๆ เร่งความเร็วแซงขึ้นไปและขับเข้าไปในซอยเล็กๆ อย่างรวดเร็ว
สัญญาณไฟแดงสว่างขึ้น รถบิวอิคก์ก็จอดในที่สุด ไม่ง่ายเลยที่กว่าจะถึงสัญญาณไฟเขียว ผู้ชายที่นั่งตำแหน่งคนขับก็กร่นด่า “บ้าชิบ อย่าให้พวกมันหนีไปได้ล่ะ”
“ไม่หนีหรอก อยู่ข้างหน้านี่ไง!” เจี่ยนซินเอ๋อร์ชี้ไปยังรถแท็กซี่ที่อยู่ข้างหน้า “เร็ว รีบตามไป!”
ชายคนดังกล่าวเหยียบคันเร่งขับตามไปอย่างรวดเร็ว
–
ในซอยเล็กๆ
คนขับรถอดชื่นชมไม่ได้ “แม่หนู เธอนี่เก่งจริงๆ เลย แค่แวบเดียวเธอก็จำได้ว่าเลขทะเบียนรถคันนั้นต่างกับรถของฉันไปแค่หนึ่งหลัก…แล้วยังใช้ช่วงที่รอสัญญาณไฟหนีออกมาได้อีก ฉันเดาว่ารถบิวอิคก์คงติดกับ ตามรถคันนั้นไปแล้วแน่ๆ …”
“ยังเป็นเพราะคุณคุ้นเคยเส้นทางดีด้วย ถึงรู้จักถนนซอยนี้…” ซ่งชิงเฉินฝืนยิ้มพร้อมกับคาดเข็มขัดนิรภัย
อันซย่าซย่าเป็นเพราะเธอโชคไม่ดีเอง จะโทษฉันไม่ได้นะ!
ตอนที่ 406 เป็นหรือตาย (5)
คนขับแท็กซี่ขับขึ้นบนถนนทางหลวงที่ไม่ค่อยมีคน ซูเสี่ยวโม่บ่นว่า “คุณลุง นี่มันสุสานสาธารณะเมืองอวี้ไม่ใช่เหรอ ทำไมคุณถึงขับมาถึงที่นี่?”
“อัยหยา ทางนี้ใกล้กว่า ประหยัดน้ำมันด้วย…” คนขับยิ้มอย่างมีเลศนัย ซูเสี่ยวโม่บุ้ยปากพลางคิดว่าการทำมาหากินก็คงไม่ใช่เรื่องง่าย เธอจึงไม่พูดอะไรมาก
ทันใดนั้นรถก็จอดกะทันหัน คนขับพูดอย่างอายๆ “ดูเหมือนรถจะเสีย ฉันจะลงไปดูหน่อย”
เขาลงไปอยู่นาน จากนั้นก็ยื่นหัวเล็กๆ เข้ามาทางหน้าต่างพร้อมกับพูดอย่างเกรงใจ “ดูเหมือนว่ารถจะเสียจริงๆ …ทางนี้ก็เป็นถนนทางแยกด้วยสิ จอดก็ไม่ได้ รบกวนสาวสวยทั้งสองท่านช่วยลงไปเข็นรถให้ฉันหน่อยได้ไหม…แค่กๆ ฉันไม่เก็บค่าโดยสารหรอก!”
อันซย่าซย่ากัยซูเสี่ยวโม่เงยหน้าขึ้นฟ้าอย่างช่วยไม่ได้
ในฐานะที่เป็นเด็กสาวที่ชอบช่วยเหลือคนอื่น เธอทั้งสองจึงลงจากรถเพื่อจะช่วยคนขับเข็นรถ
รถบิวอิคก์คันข้างหลังจอดลง มีชายฉกรรจ์ชุดดำสองสามคนลงมาจากรถ คนขับจึงพูดด้วยความโง่เขลา “เอ๊ะ พี่ๆ น้องๆ มาช่วยหน่อยได้…”
คำว่า “ไหม” ยังไม่ทันหลุดออกจากปาก เขาก็ถูกเตะจนล้มลงกับพื้น
“กรี๊ด—” อันซย่าซย่ากับซูเสี่ยวโม่กรีดร้องเป็นเสียงเดียวกัน ชายฉกรรจ์พวกนั้นเดินมาทางพวกเธอแล้วส่งสายตาให้กัน
ดูเหมือนจะต่างกับหญิงสาวที่อยู่ในรูป
อย่างไรก็ตามวันนี้อันซย่าซย่ากับซ่งชิงเฉินใส่เสื้อโค้ทสีแดงเหมือนกันพอดี ชายฉกรรจ์ชุดดำพวกนั้นจึงเลือกลงมือกับอันซย่าซย่า!
ซูเสี่ยวโม่ปกป้องอันซย่าซย่าไว้ข้างหลัง แต่หมัดทั้งสองของเธอก็ยากที่จะเอาชนะมือทั้งสี่ ไม่นานชายทั้งสองก็จับตัวไว้ได้และไม่ปล่อยให้เธอดิ้น
“นี่! ปล่อยฉันนะ! ไอ้บ้า พวกแกทำผิดกฎหมายนะรู้ไหม! ลักพาตัวผู้หญิงกับเยาวชนจะต้องติดคุกนานเท่าไหร่?” เธอพยายามแผดเสียงเพื่อดึงดูดผู้คนให้เข้ามา
แต่สุสานขนาดใหญ่กลับเงียบสงัดและไม่มีผู้คนสัญจรผ่านไปมา
อันซย่าซย่าพยายามดิ้นด้วยการเตะต่อย แต่กลับถูกคนที่อยู่ด้านหลังใช้ผ้าขนหนูคลุมไว้ เมื่อได้กลิ่นฉุนลอยเข้ามา นัยน์ตาก็มืดสนิท เธอตกเข้าสู่ความเลือนลาง
หลังจากที่ชายฉกรรจ์เหล่านั้นพาอันซย่าซย่าเข้าไปในรถ รถบิวอิคก์ก็เร่งความเร็วและหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ซูเสี่ยวโม่รีบหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเพื่อโทรหาตำรวจ!
–
บนรถ
เจี่ยนซินเอ๋อร์ดึงผ้าขนหนูออกเพราะอยากเห็นคนรักวัยเด็กของเซิ่งอี่เจ๋อว่าหน้าตาเป็นอย่างไร แต่เธอก็ต้องตกใจเมื่อเปิดผ้าออก
“มีอะไร?” ชายหนุ่มคนที่นั่งตำแหน่งคนขับเห็นเธอเงียบไปจึงถามอย่างอดไม่ได้
เจี่ยนซินเอ๋อร์หน้าถอดสี “จับผิดคนแล้ว…”
“แม่งเอ๊ย! พวกแกทำงานยังไงกันเนี่ย?” ชายคนนั้นโมโห
ชายฉกรรจ์ที่นั่งอยู่แถวหลังเย็นวาบไปทั่วทั้งแผ่นหลัง พลางลดศีรษะลง
“จับก็จับมาแล้ว พามันกลับไปก่อน” เจี่ยนซินเอ๋อร์ตาเป็นประกาย ชายหนุ่มขมวดคิ้ว เขาเองก็คิดเช่นนั้น ถ้าส่งคนคนนี้กลับไป เธออาจจะตกใจเรียกตำรวจก็เป็นได้และพอถึงตอนที่พวกเขาจะลงมือซ่งชิงเฉินอีกครั้งก็คงไม่ง่ายแล้ว
–
เมื่ออันซย่าซย่าตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอก็รู้สึกหายใจติดขัด รอบๆ เต็มไปด้วยกลิ่นคาวปลา เธอลองขยับดูแต่กลับพบว่ามือและเท้าของเธอถูกมัดไว้
เสียงผู้หญิงที่คุ้นเคยลอยเข้ามาเบาๆ ——
“อันซย่าซย่า ไม่คิดเลยว่าเธอก็มีวันนี้”
อันซย่าซย่าหน้าซีดเผือดพลางมองไปทางหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า ไม่ได้เจอกันมาหลายเดือน ดูเหมือนเจี่ยนซินเอ๋อร์กลายเป็นอีกคนไปแล้ว เธอหน้าเหลืองเหมือนเทียนไข ผอมติดกระดูก มีเพียงดวงตาคู่นั้นที่เป็นประกายน่ากลัวราวกับว่าเธอกำลังจะกลืนกินอันซย่าซย่าสดๆ
“เจี่ยนซินเอ๋อร์…?” เสียงแหบแห้งเรียกชื่อหนึ่งออกมา เจี่ยนซินเอ๋อร์หัวเราะร่วนพร้อมกับกดหัวอันซย่าซย่าเข้าไปในตู้ปลาที่อยู่ด้านข้าง!
“อื้อ…” น้ำคาวปลาไหลเข้าทางโพรงจมูกและปาก อันซย่าซย่าพยายามดิ้นด้วยความทรมาน ทว่าเสียงหัวเราะของเจี่ยนซินเอ๋อกลับดังขึ้นเรื่อยๆ