ตอนที่ 413 นายกับซย่าซย่าจบกัน (2)
เสียงสะอื้นเบาๆ ค่อยๆ ดังขึ้นและในที่สุดก็กลายเป็นเสียงร้องไห้โฮ
คุณย่าเซิ่งคอยปลอบใจอันซย่าซย่าอยู่ตลอด “ซย่าซย่า ไม่ใช่ความผิดของหนู ไม่ใช่เลยจริงๆ …ไม่ต้องร้อง…”
ดูเหมือนว่าเซิ่งอี่เจ๋อตื่นเพราะได้ยินเสียงร้องไห้ เมื่อเขาค่อยๆ ลืมตาขึ้นก็เห็นอันซย่าซย่าร้องไห้อย่างเจ็บปวด เขาถามด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “ร้องทำไม?”
เขาอยากยื่นมือออกไปเช็ดน้ำตาให้อันซย่าซย่า แต่มือกลับแข็งทื่อเคลื่อนไหวไม่ได้
เมื่อเห็นการเคลื่อนไหวของเขา อันซย่าซย่าก็ยิ่งร้องไห้อย่างหนักหน่วง
เซิ่งอี่เจ๋อตกตะลึงไปชั่วขณะ เมื่อคืนที่ผ่านมาคณบดีได้เรียกศัลยแพทย์ที่เก่งที่สุดมาทำการผ่าตัดให้เขา หลังจากฉีดยาชาแล้ว เขาก็นอนหลับมาจนถึงตอนนี้
เขาเดาสาเหตุที่ทำให้อันซย่าซย่าร้องไห้ได้ไม่ชัดเจนนักและพยายามใช้มือซ้ายวางบนศีรษะเล็กๆ ของอันซย่าซย่า “ไม่ต้องร้องไห้แล้ว ไม่มีอะไรต้องเสียใจ พวกเรายังมีชีวิตอยู่ ทุกอย่างโอเค แบบนี้ก็ดีแล้ว”
ก็ดีมากแล้ว
“เซิ่งอี่เจ๋อ ฉันขอโทษ…” อันซย่าซย่าร้องไห้จนแทบหายใจไม่ออก “คุณหมอบอกว่าต่อไปนี้มือของนายจะเล่นเปียโนไม่ได้แล้ว…”
“แล้วยังทำอย่างอื่นได้ไหม?” เซิ่งอี่เจ๋อถามเบาๆ
“ขอแค่ไม่ใช่เป็นการเคลื่อนไหวแบบละเอียดก็ทำได้…” คุณย่าเซิ่งพูดอธิบายพลางลูบแผ่นหลังอันซย่าซย่า
เธอรับรู้ได้ว่าอันซย่าซย่ากำลังตำหนิตัวเอง
ทั้งสองคนต่างก็เป็นเด็กโง่
คนหนึ่งยอมเสียมือเพื่อช่วยชีวิตคน ส่วนอีกคนยอมให้ตัวเองบาดเจ็บเพื่อไม่ให้เขาได้รับบาดเจ็บ
เซิ่งอี่เจ๋อเหมือนไม่คิดเช่นนั้น เขาหัวเราะเบาๆ “เพราะฉะนั้นเธอยังจะร้องไห้ทำไม? ฉันยังกอดเธอได้ ยังจับมือเธอได้ ยังต่อยคนให้เธอได้ ไม่ใช่แค่เล่นเปียโนไม่ใช่เหรอ?”
อันซย่าซย่ากัดริมฝีปากอย่างเอาเป็นเอาตาย เขาพูดเหมือนไม่ใช่เรื่องสำคัญ ทั้งๆ ที่เขาเรียนเปียโนมานานหลายปี เขาจะไม่แคร์เลยสักนิดได้อย่างไร? ไม่เสียใจแม้แต่น้อยเลยเหรอ?
หรือเป็นเพราะไม่อยากให้เธอกังวล
“แต่ว่า…ความฝันของนายก็คือการเล่นเปียโนไม่ใช่เหรอ? ไม่อย่างงั้นนายก็คงไม่เข้าวงการบันเทิงและคงไม่เขียนเพลงตั้งมากมายขนาดนี้…” อันซย่าซย่าถามเป็นข้อๆ
ถ้าไม่ได้ทำเพราะใจรัก แล้วทำเพราะอะไร?
คิ้วและดวงตาเซิ่งอี่เจ๋อดูอ่อนโยน ทั้งยังแฝงไปด้วยรอยยิ้ม “เคยเป็น แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว”
ยัยโง่ ตอนนี้ความฝันของฉันก็คือ เธอ
อันซย่าซย่าฟังด้วยความงุนงง เซิ่งอี่เจ๋อเช็ดน้ำตาให้เธอพลางพูดด้วยเสียงเข้ม “ทำไมหน้าเธอมีแผล?”
อันซย่าซย่ามองออกไปโดยไม่รู้จะตอบอย่างไร
ในขณะนี้เซิ่งชิงอี้เดินตรงเข้ามา หลังจากที่เห็นเซิ่งอี่เจ๋อตื่นแล้วก็ออกคำสั่งมารัวๆ ราวกับเสียงปืนกล “ปิดข่าวให้มิด! ช่วงนี้ไม่อนุญาตให้ออกไปทำกิจกรรมใดๆ ทั้งนั้น! อย่าให้คนอื่นรู้เรื่องที่มือแกใช้การไม่ได้แล้ว! อีกอย่าง พวกแกก็ถือโอกาสนี้เลิกกันซะ! อย่าคิดจะไปพึ่งคุณปู่กับคุณย่าล่ะ ฉันไม่สนแล้วว่าพวกแกจะเอายังไง!”
คุณย่าเซิ่งโมโหจนตัวสั่น “ไอ้สารเลว…เรื่องของหลานชายกับหลานสะใภ้ฉันไม่ต้องให้แกคอยชี้ไม้ชี้มือหรอก!”
ชุดสูทของเซิ่งชิงอี้เป็นรอยยับอยู่หลายแห่งเนื่องจากโดนคุณปู่เซิ่งทุบตี
เขาพยายามระงับความโกรธ “เป็นเด็กเป็นเล็กริจะมีความรักไปทำไมกัน! มีความสำคัญต่อราคาหุ้นของตระกูลเซิ่งไหม? มีความสำคัญต่ออนาคตของตัวเองไหม? เป็นแค่ดาวหายนะ พ่อกับแม่ยังทำเป็นเอาอกเอาใจอยู่ได้! แม่ ถ้าแม่ยังเลอะเลือนแบบนี้อีก ผมจะส่งแม่กับพ่อไปสถานพักฟื้นที่ต่างประเทศ!”
เขาทนคนแก่ทั้งสองมามากพอแล้ว เขาไม่อยากทำตัวเนรคุณจึงทำได้แต่ส่งทั้งสองคนออกไป
“บังอาจ!” คุณปู่เซิ่งตามมาทัน เขาโมโหจนเกือบความดันโลหิตสูง “ฉันกับแม่ของแกยังไม่ตาย! หุ้นก็ไม่ได้โอนให้แก! สิ่งที่แกมีก็มีเพียงแค่สิทธิ์ในการเป็นตัวแทนผู้ถือหุ้นของตระกูลเซิ่งเท่านั้น ไม่ใช่อำนาจทั้งหมด!”
ทันทีที่พูดออกไป สีหน้าเซิ่งชิงอี้ก็ยิ่งแย่ลง
ตอนที่ 414 นายกับซย่าซย่าจบกัน (3)
“ผมทำเพื่อตระกูลเซิ่งเป็นอย่างดี ตั้งแต่ที่ผมรับตำแหน่งเป็นประธานเซิ่งซื่อก็คำนึงถึงเซิ่งซื่อมาโดยตลอด…เหอะ สุดท้ายแล้วผลลัพธ์ก็เป็นแบบนี้งั้นเหรอ?” เซิ่งชิงอี้ยิ้มเย้ยหยัน
คุณปู่เซิ่งเคาะไม้เท้า “สร้างคนก่อนค่อยสร้างธุรกิจ! แกทำตัวแย่ได้แม้แต่กับพ่อตัวเอง มันจะมีประโยชน์อะไร? มีทรัพย์สมบัติมากมายแล้วแกมีความสุขไหม?”
ลูกชายคนนี้เลือดเย็นเกินไปแล้ว ท่ามกลางสนามการค้าที่ต่างฝ่ายต่างพยายามหลอกลวงซึ่งกันและกันเพื่อผลประโยชน์ มีทั้งความโหดเหี้ยมและเฉียบขาด จึงทำให้เขากลายมาเป็นคนแบบนี้ นี่ไม่ใช่ความตั้งใจเดิมของคุณปู่เซิ่งที่จะมอบบริษัทให้เขา
เซิ่งอี่เจ๋อพูดอย่างเยือกเย็น “นี่พ่อตีซย่าซย่า?”
“แล้วจะทำไม?” เซิ่งชิงอี้มีสีหน้าเคร่งขรึม
ระหว่างสองพ่อลูกเหมือนมีเขม่าปืนลอยตลบไปทั่วทุกสารทิศ หน้าตาท่าทางดุร้าย
“ไม่ใช่…” เสียงแผ่วเบาดังขึ้นมาบรรเทาบรรยากาศความน่าอึดอัดภายในห้อง
เซิ่งชิงอี้เหลือบตามองอันซย่าซย่าด้วยความประหลาดใจพลางฮัมเสียงเย็นชา จากนั้นก็สะบัดแขนเสื้อเดินออกไป!
เซิ่งอี่เจ๋อกดเสียงต่ำ “ไม่ใช่จริงๆ เหรอ?”
อันซย่าซย่าส่ายหน้าพลางบิดชายเสื้ออย่างกระวนกระวาย
ไม่ว่าเธอจะได้รับความขุ่นเคืองมากแค่ไหน แต่เธอก็ไม่อยากเติมเชื้อเพลิงทำให้เซิ่งอี่เจ๋อกับพ่อของเขาต้องบาดหมางกัน
เซิ่งอี่เจ๋อมองเธอด้วยสายตาเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ทางด้านคุณย่าเซิ่งก็แอบเช็ดน้ำตาอย่างเงียบๆ
“คุณย่าเซิ่งคะ ทำไมคุณย่าร้องไห้อีกแล้วล่ะ?” อันซย่าซย่าถามด้วยความเป็นกังวล
คุณปู่เซิ่งยื่นผ้าเช็ดหน้าให้อย่างเงียบๆ และคุณย่าเซิ่งก็หยิบมันมาเช็ดน้ำตา “เปล่า ย่าแก่แล้ว แสบตาง่ายน่ะ ลมอะไรพวกนั้นน่าจะเข้าตา…พวกหนูสองคนพักผ่อนเถอะ อีกสองวันปู่กับย่าจะมาเยี่ยมพวกหนูอีกครั้ง”
หลังจากบอกลาคุณปู่เซิ่งกับคุณย่าเซิ่ง คนแก่ทั้งสองก็จูงมือกันออกไป
อันซย่าซย่ารู้ดีแก่ใจว่าคุณปู่เซิ่งกับคุณย่าเซิ่งชอบเธอจากใจจริงและพยายามปกป้องเธอกับเซิ่งอี่เจ๋อ
เซิ่งอี่เจ๋อเรียกพยาบาลเข้ามาและกำชับอะไรบางอย่าง ในขณะที่อันซย่าซย่ายังคงตกอยู่ในภวังค์ เซิ่งอี่เจ๋อก็ดีดหน้าผาก
“หืม…มีอะไร?” อันซย่าซย่าถามด้วยความงงงวย
“ยัยโง่…” เซิ่งอี่เจ๋อบุ้ยปากทำท่ารังเกียจ “ทำไมโง่จัง นอนพักฟื้นกับฉันในห้องผู้ป่วยมันส่งผลต่อไอคิวของเธอหรือไง?”
อันซย่าซย่าประหลาดใจเมื่อเห็นพยาบาลจัดเตียงอีกเตียงเสร็จแล้ว เธอประคองอันซย่าซย่านอนลง
เตียงของทั้งสองได้รับการปรับเป็นพิเศษห่างกันเพียง 20 เซนติเมตร เซิ่งอี่เจ๋อจึงสามารถใช้มือข้างที่ไม่ได้รับบาดเจ็บจับมือเธอแล้วหลับไป
หัวใจอบอุ่นขึ้น แต่อารมณ์ของอันซย่าซย่ากลับจมดิ่งลงเมื่อเหลือบมองมือของเขาที่ได้รับบาดเจ็บ
มีเสียงฝีเท้าที่ด้านนอกประตูมาพร้อมกับเสียงเปิดประตูดังเอี๊ยด
เด็กสาวหน้าตาสะสวยเดินเข้ามา เมื่อเห็นทั้งสองจับมือกันอยู่ในห้อง สายตาก็ฉายแววความเจ็บปวด
“ซย่าซย่า พี่อาเจ๋อ ฉันมาเยี่ยมพวกคุณสองคน” ซ่งชิงเฉินถือดอกลิลลี่กำหนึ่งเสียบลงแจกันที่อยู่ในห้องด้วยท่วงท่าสง่างาม
เซิ่งอี่เจ๋อพยักหน้าเป็นการทักทาย
หลังจากที่ซ่งชิงเฉินรู้เรื่องมือของเขาแล้ว ความรู้สึกผิดที่อยู่ในใจก็ซัดกระหน่ำเข้ามา “ตอนนี้การรักษาทางการแพทย์ก้าวหน้าไปมากแล้วก็น่าจะรักษาให้หายดีได้ ถ้าในประเทศไม่ได้ก็ลองไปรักษาที่ต่างประเทศก็ได้”
มือข้างนั้นเป็นเพราะเธอ
เมื่อคิดถึงจุดนี้ ซ่งชิงเฉินก็บีบมือแน่น
“ขอบใจมาก” เซิ่งอี่เจ๋อตอบกลับอย่างมีมารยาท
ซ่งชิงเฉินฝืนยิ้ม “ซย่าซย่าอาการเธอเป็นยังไงบ้าง?”
เสียงของเธอสั่นไหวอย่างรุนแรง อันซย่าซย่าจึงมองเธอด้วยความประหลาดใจและตอบไปเบาๆ “ขอบใจที่เธอเป็นห่วง ฉันยังสบายดี”
สภาพจิตใจของซ่งชิงเฉินซับซ้อนเป็นอย่างมาก
ด้านหนึ่ง เธอก็ดีใจที่อันซย่าซย่ารอดชีวิตมาได้ ทั้งๆ ที่จริงแล้วคนที่หลีฝานซิงต้องการจะจัดการในตอนแรกก็คือเธอ
อีกด้านหนึ่ง เธอก็มีความโกรธแค้นอยู่ลึกๆ ในใจ เพราะถ้าอันซย่าซย่าตายไปจริงๆ …เซิ่งอี่เจ๋อก็ตกเป็นของเธอไม่ใช่หรือ?