ตอนที่ 423 ฉีเสี่ยวฮัว นายอย่าก่อเรื่องน่า
บนหน้าจอปรากฏภาพงานแถลงข่าว โดยมีผู้รับผิดชอบสตูดิโอวงสตาร์รี่ไนต์กล่าวถึงสถานการณ์และทิศทางของวงสตาร์รี่ไนต์
ซึ่งปัจจุบันฉือหยวนเฟิงกำลังถ่ายภาพยนต์โดยผู้กำกับที่มีชื่อเสียงระดับประเทศและในอนาคตจะพัฒนาไปในด้านการแสดง ส่วนเหอจยาอวี๋ได้ปล่อยแผ่นเสียงเดี่ยวออกมาแล้ว ในอนาคตจะพัฒนาไปในด้านดนตรี และเซิ่งอี่เจ๋อได้กล่าวเพียงสั้นๆ ว่าเนื่องจากสุขภาพไม่ดีจึงต้องการพักฟื้นร่างกาย จากนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเลย
อันซย่าซย่ากัดริมฝีปากชมพู เธอนึกถึงสิ่งที่เซิ่งอี่เจ๋อเคยพูดไว้——
“ถ้าเธอไม่ชอบวงการนี้ ฉันยินดีถอนตัวเพื่อเธอ”
แล้วยังมีตอนที่ออกงานโชว์ตัวครั้งนั้นที่เธอเคยบ่นว่าทั้งสองเหมือนคู่รักทางไกล เขายิ้มเบาๆ และตอบมาด้วยประโยคที่ว่า “วันหลังจะไม่เป็นแบบนี้แล้ว”
เดิมทีตอนนั้นเขาวางแผนจะถอนตัวอยู่แล้ว
ไอดอลระดับประเทศที่โด่งดังถอนตัวออกจากวงการบันเทิงในช่วงสูงสุดของอาชีพ!
ความพยายามต่อสู้อย่างสุดชีวิตของเขาในช่วงหลายปีที่ผ่านมาต้องสูญสลายไปเสียแบบนี้
อันซย่าซย่าหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและคิดจะโทรไปหาเขาเพื่อถามว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
แต่พอคิดถึงเรื่องของเขากับซ่งชิงเฉิน สักพักอันซย่าซย่าก็วางโทรศัพท์ลง
“เธอไม่ลองถามหน่อยเหรอ?” ฉีเหยียนซีเลิกคิ้วมองหน้าเธอ อันซย่าซย่ากัดฟัน “มีอะไรที่ต้องถามล่ะ ถึงอย่างไรเรื่องพวกนี้ก็เป็นสิทธิ์ของเขาอยู่แล้ว”
เธออุ้มกองหนังสือการ์ตูนขึ้นไปชั้นบน ฉีเหยียนซีมองแผ่นหลังเพรียวบางของเธอที่ดูจำใจเล็กน้อย
แม้จะเกิดเรื่องแบบนั้น แต่ในใจของเธอก็ยังคงมีเซิ่งอี่เจ๋อ
แล้วเขาล่ะ?
ฉีเหยียนซีไม่รู้ว่าพุ่งมาจากไหน เขาก้าวมาข้างหน้าเพื่อจับไหล่อันซย่าซย่า “อันซย่าซย่า! เธอจะโง่งมไปจนถึงเมื่อไหร่! มันทรยศเธอนะ มันมีอะไรกับผู้หญิงคนอื่น! เธอตาบอดหรือไง? หรือหลับหูหลับตาอยู่? จะพิจารณาคนข้างๆ ไม่ได้เลยหรือไง?
เสื้อผ้าของเขาเปียกโชก มีน้ำไหลหยดลงมา ผมสั้นสีน้ำตาลของเขาถูกย้อมให้กลับเป็นสีดำตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ คิ้วโค้งเรียวเหมือนดาบ ดวงตาเป็นประกายเหมือนดวงดาว หน้าตาคมชัด ทั้งหล่อทั้งเท่
ในขณะนี้น้ำเสียงที่ดังขึ้นดึงดูดความสนใจของลูกค้าหลายคนที่เข้ามาหลบฝนในร้าน
อันซย่าซย่าผลักเขาอย่างทำตัวไม่ถูก “ฉีเสี่ยวฮัว นายอย่าก่อเรื่องน่า”
ฉีเหยียนซีกุมมือเธอและพูดด้วยความจริงจัง “เรามาลองดู ซย่าซย่า เป็นคนรักสักวันก็ยังดี ให้โอกาสฉันสักครั้งได้ไหม?”
เขาเปลี่ยนแปลงตัวเองมากมายเพื่ออันซย่าซย่า แต่เขาไม่เคยขอสิ่งใดตอบแทนเลย เพราะเขาไม่ต้องการทำลายความสัมพันธ์ระหว่างเซิ่งอี่เจ๋อกับอันซย่าซย่า
ในเมื่อตอนนี้ทั้งสองเลิกกันแล้ว นั่นก็หมายความว่าเขามีสิทธิ์ที่จะจีบอันซย่าซย่า!
เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มผู้เย่อหยิ่งวิงวอนอย่างนอบน้อมต่อหน้าเธอแบบนี้แล้ว หากอันซย่าซย่าบอกว่าไม่หวั่นไหวก็คงจะเป็นการโกหก
“ฉีเสี่ยวฮัว…นายอย่าทำแบบนี้…มีคนมองอยู่…” อันซย่าซย่าพูดเบาๆ
ป่าป๊าอันซื้อของกลับมาพอดี เมื่อฉีเหยียนเห็นว่ามีคนมองเป็นตาเดียวกันก็อุ้มอันซย่าซย่าขึ้นไปชั้นบนโดยไม่สนใจเสียงอุทานของอันซย่าซย่า
ป่าป๊าอันไม่เข้าใจ : เจ้าเด็กสองคนนี้เสียงดังอะไรกัน?
–
“มาเป็นแฟนฉันซะ!” ฉีเหยียนซีพูดอย่างเกรี้ยวกราด “ถ้าไม่ตกลงฉันจะบีบเธอให้ตาย!”
อันซย่าซย่า “…นี่นายสารภาพรักกับฉันใช่ไหม?”
เด็กสไตล์นี้น่ากลัวไปหน่อย…
มือใหญ่ของฉีเหยียนซีสัมผัสไปที่คออันบอบบางของอันซย่าซย่าหวังจะทำให้เธอตกใจ เขาลังเลอยู่สักพัก ในที่สุดก็ปล่อยมือด้วยความจำยอม
“ให้ตายเถอะ! ถ้าไม่ใช่สารภาพรักแล้วมันคืออะไร? เธอคิดว่าฉันจะตีเธอหรือไง?!”
“ฉีเหยียนซี…นายเป็นคนดีคนหนึ่ง…”
“อย่ามายื่นการ์ดคนดีให้ฉัน!” ฉีเหยียนซีโกรธไปหนึ่งวิ “ฉันไม่สน ต่อไปฉันจะสารภาพรักกับเธอทุกวัน รอจนกว่าเธอจะตอบตกลง ฉันถึงจะหยุด!”
ตอนที่ 424 สาวสวยที่ไหนกัน มาเป็นของป๊าเถอะ (1)
น้ำเสียงหนักแน่นหาที่เปรียบไม่ได้ของชายหนุ่มพูดจบ ก็โยนอันซย่าซย่าทิ้งลงบนเตียง แล้วเดินจากไปอย่างไม่แยแส
ผู้ชายคนนี้ช่างเอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้จริงๆ อันซย่าซย่าส่ายศีรษะไปมา
บาร์ LER
มู่หลีที่สวมชุดเครื่องแบบบริกร ถือแก้วน้ำผลไม้มาตรงทางเดิน “จิตรกรซูต้า ดื่มน้ำผลไม้ก่อนสิคะ”
“ฮ่าฮ่า สาวน้อย ยิ้มให้ป๊าทีสิจ๊ะ~” ซูเสี่ยวมั่วเชิดคางมู่หลีขึ้นอย่างร้ายกาจ พูดแซวหญิงสาวอย่างร่าเริง
มู่หลีได้แต่ตามน้ำ เธอจึงค่อยๆ ยิ้มออกมา ซูเสี่ยวมั่วที่จิบน้ำผลไม้ ก็มองมู่หลีด้วยสายตาหยาดเยิ้ม “สาวน้อย รอยยิ้มของหนูหวานฉ่ำยิ่งกว่าน้ำผลไม้เสียอีกนะ~”
มู่หลีแก้มแดงเล็กน้อย แล้วจ้องเขม็งอย่างเคืองๆ ไปที่อีกฝ่าย “เธอเนี่ยน้า เลือกเกิดผิดเพศมาแท้ๆ!”
ซูเสี่ยวมั่วเท้าเอวหัวเราะ จากนั้นหยิบพู่กันและแปรง ลงมือวาดภาพบนผนังต่อ
บาร์แห่งนี้เป็นสถานที่ทำงานพาร์ทไทม์ของมู่หลี ซึ่งช่วงนี้ต้องทำการตกแต่ง เจ้านายที่ชอบแสวงหาคนมีนิสัยเฉพาะตัว ได้เจอผลงานของซูเสี่ยวมั่วในนิทรรศการเข้า มันถูกใจเขาอย่างมาก จึงติดต่อไปที่เจ้าของแกลอรี่ คาดไม่ถึงว่าจิตรกรจะเป็นคนเมืองอวี้ จึงเชิญซูเสี่ยวมั่วมาวาดภาพตกแต่งผนังที่บาร์สักหน่อย
จริงๆ แล้วในสายตาของมู่หลี เธอดูไม่ออกว่ารูปที่ซูเสี่ยวมั่ววาดนั้นคืออะไรกันแน่ แต่หัวหน้าของหล่อนที่เป็นคนราศีกันย์ซึ่งมักจะขุดเอาข้อเสียของผู้อื่นมาพูดกลับพึงพอใจเป็นพิเศษ กระทั่งอุทานว่า “ศิลปะ นี่สิถึงจะเป็นศิลปะขนานแท้!” ทำเอามู่หลีสงสัยในรสนิยมของตัวเอง
“มั่วมั่ว ตกลงเธอวาดอะไรเหรอ…” มู่หลีถามอย่างสงสัย
ซูเสี่ยวมั่วเหลือบมองหล่อนอย่างเหยียดๆ แวบหนึ่ง “ฉันจะไปรู้ได้ไง? ก็แค่วาดส่งเดชไปแค่นั้นเอง”
“…” ในใจมู่หลีพังทลายลง แค่วาดส่งเดชก็ได้เงินหกหลักแล้ว อยากจะเตือนสติหัวหน้าจริงๆ เลยเชียว
“เฮ้ นั่นใช่เหอจยาอวี๋รึเปล่า” สายตาแหลมคมของมู่หลี เห็นเหอจยาอวี๋ที่สวมหมวกสีเหลืองเข้าห้องพิเศษไป ซูเสี่ยวมั่วที่ได้ยินก็ตาเป็นประกาย “เหอจยาอวี๋มาแล้ว งั้นเซิ่งอี่เจ๋อก็น่าจะอยู่ด้วย!”
หล่อนทิ้งอุปกรณ์วาดภาพ ยกมือทั้งสองข้างขึ้นประสานหมัด ท่าทางคิดจะเอาเรื่อง
มู่หลีเหงื่อตก “เธอจะทำอะไร?”
“แน่นอนว่าจะล้างแค้นให้ซย่าซย่าน่ะสิ! ป่ะป๊าไม่ฟาดไอ้โง่เซิ่งอี่เจ๋อหรอก!”
พูดจบเธอก็เตะเปิดประตูห้องพิเศษอย่างหยาบคาย ในห้องมีคนนั่งอยู่สิบคน ซึ่งกลุ่มสตาร์รี่ไนต์ทั้งสามคนล้วนอยู่ด้วย และยังมีเหล่าหนุ่มสาวที่มีฐานะไม่ธรรมดา ซึ่งทุกคนต่างพากันจ้องมองมาที่ซูเสี่ยวมั่ว
ซูเสี่ยวมั่วขาอ่อนยวบ แต่พอนึกถึงอันซย่าซย่า ก็กัดฟันกรอด ไม่อาจขี้ขลาดได้!
“เซิ่งอี่เจ๋อล่ะ?” หล่อนผ่อนลมหายใจดุดันเสียงดัง
ชายหนุ่มที่ผิวขาวผ่องชี้ไปที่มุมหนึ่ง “อ้อ นายเซิ่งกำลังดื่มเหล้าอยู่น่ะ คุณป้า คุณมาทำอะไรครับ”
เลือดกระอักเป็นสายยาวสุดตา!
ซูเสี่ยวมั่วชี้ไปที่ชายคนนั้น ก่อนจะชี้มาที่ตัวเอง “นายเรียกฉันว่าอะไรนะ คุณป้าเหรอ?”
เพราะมาวาดภาพ เธอจึงสวมเสื้อลายสก็อตเก่าๆ กับกางเกงยีนส์สบายๆ แถมบนตัวยังใส่ผ้ากันเปื้อนที่เปื้อนสีและคราบสกปรกนิดหน่อย แม้จะดูขี้ริ้วขี้เหร่นิดหน่อย แต่ไม่ว่าอย่างไรเธอก็มีใบหน้าที่เยาว์วัยงดงามไร้คู่ต่อกร ดันเรียกเธอว่าคุณป้าเนี่ยนะ?
“อ้อ ผมเข้าใจแล้ว! ขอโทษครับ ผมเรียกผิดไปๆ!” ชายหนุ่มรู้แจ้งกระจ่างฉับพลัน “มนุษย์ป้า ขอถามนะครับ คุณมีอะไรหรือครับ? วงเหล้าพวกเรายังไม่แยกย้ายกัน คุณป้าไม่ต้องรีบมาทำความสะอาดหรอกครับ!”
ซูเสี่ยวมั่วกลอกตา นึกอยากจะต่อยคนจริงๆ เลย!
มนุษย์ป้า! ไม่นึกเลยว่าจะเรียกหล่อนว่ามนุษย์ป้า!
ให้ตายเถอะ!
เธอกระโจนเข้าไปอย่างโหดเหี้ยม มือใหญ่คู่หนึ่งคว้าจับเอวรั้งหล่อนไว้ได้ทันเวลา แล้วฉวยโอกาสนำมาไว้ภายในอ้อมแขน พร้อมกับเสียงที่อ่อนโยนที่ทำให้เธอหลงใหลได้ “เธอมาที่นี่ได้ยังไงกัน”
นอกจากเซิ่งอี่เจ๋อ ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างใจหล่นไปอยู่ตาตุ่ม!
สุดท้ายแล้วผู้หญิงคนนี้ยังไงกันแน่นะ?