อันซย่าซย่าหวาดกลัวเป็นอย่างมาก
เธอเพียงแค่ยั่วเย้าเซิ่งอี่เจ๋อเพียงจะเบี่ยงเบนความสนใจเขา เธอจะได้ลบข้อความที่ส่งไป แต่หลังจากนึกถึงสิ่งที่เธอได้พูดไปเมื่อกี้แล้ว หญิงสาวก็รู้สึกอยากจะตบปากตัวเองนัก!
เธอกลัวหงอและตอบอย่างระมัดระวังตัว “มะ ไม่จำเป็นหรอก… เอ่อ ได้โปรดปล่อยฉันเถอะนะ ฉันต้องกลับไปนอนแล้วล่ะ”
เซิ่งอี่เจ๋อไม่ตอบ แต่เธอมองเห็นความโกรธเกรี้ยวในแววตาคู่นั้น
เขาเป็นผู้ชายประเภทที่ดูสงบเงียบทั้งที่จริงแล้วภายในกลับคุกรุ่น ริมฝีปากบางๆ ของเขาขยับเป็นรอยยิ้มเย้ยหยันก่อนที่จะทาบทับลงบนริมฝีปากเธอเพื่อจูบเธออีกครั้ง!
และอันซย่าซย่าก็ตื่นตะลึงไปอีกครั้ง…
เธอ เธอ เธอโดนจูบอีกแล้ว!
ในที่สุดเมื่อเธอรวบรวมสติคืนมาได้ เซิ่งอี่เจ๋อก็กดจูบหนักขึ้นอีก เสียงเดียวที่สะท้อนอยู่ภายในห้องคือเสียงดิ้นรนอึกอักและเสียงร้องอ้อนวอนของเธอ
“หยุดนะ… เซิ่งอี่เจ๋อ ฉันขอโทษ ฉันไม่ทันคิดในตอนที่พูดอย่างนั้นออกไป! ถ้าจูบฉันอีก ฉันจะร้องให้คนช่วย นายไม่กลัวอับอายขายหน้าเหรอ”
เซิ่งอี่เจ๋อหยุดเมื่อได้ยินคำพูดของเธอ เขาเชยคางอรชรของเธอขึ้นก่อนตอบด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “ร้องเลยสิ ฉันก็อยากเห็นเหมือนกันว่าระหว่างเราใครกันที่จะต้องอับอาย”
เขาก้มหน้าลงมา มองสำรวจหญิงสาวใต้ร่าง
เด็กสาวหน้าแดง ริมฝีปากนุ่มนวลเป็นสีชมพูเรื่อแต่นัยน์ตานั้นมีน้ำตาเอ่อคลอ ชุดนอนยับยู่ไม่เรียบร้อยซึ่งเป็นผลจากการดิ้นขลุกขลัก เผยให้เห็นฐานลำคอขาวอมชมพูแลดูบอบบาง เมื่อโน้มตัวอยู่เหนือเธอแบบนี้ เสื้อผ้าของเขายังคงเรียบร้อยดีและลมหายใจของเขาก็สม่ำเสมอ เขาดูราวกับกษัตริย์ผู้ทรงอำนาจ
อันซย่าซย่ากัดริมฝีปาก น้ำตาทำท่าจะไหลออกมาเสียให้ได้ เธอยังคงว้าวุ่นใจเรื่องที่ถูกขโมยจูบเมื่อเช้านี้อยู่ แต่ไม่เคยนึกฝันเลยว่าจะเกิดขึ้นอีกครั้งในวันเดียวกัน…
ทำไมคนคนหนึ่งถึงได้น่าชิงชังได้ขนาดนี้นะ!
ไม่เพียงแค่เข้ามารบกวนวิถีชีวิตอันสงบสุขของเธอเท่านั้น ซ้ำยังมาทำแบบนี้กับเธออีก เขาคิดว่าเธอเป็นคนแบบไหนกัน
พอสังเกตเห็นหยดน้ำตาแวววาวที่ปลายหางตาของเธอ หัวใจเขาก็กระตุกวูบ ชายหนุ่มค่อยๆ ปล่อยมือของเธอ
“เธอไปได้แล้ว” แม้ในใจจะงุนงงแต่เขาก็บอกอย่างเฉยเมย
เขาไม่เข้าใจเลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา เขาสูญเสียการควบคุมตัวเองอย่างจริงจังอีกครั้งเพราะเธอคนนี้
อันซย่าซย่ารู้สึกเหมือนได้รับการนิรโทษกรรม รีบตะเกียกตะกายลุกขึ้นยืนก่อนวิ่งหนีไป
แล้วคืนนั้นทั้งคู่ต่างก็ไม่มีใครนอนหลับได้เลย
วันจันทร์
อันซย่าซย่าเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นเครื่องแบบนักเรียน ก่อนกินมื้อเช้านิดหน่อยที่โต๊ะอาหาร
เซิ่งอี่เจ๋อกับสมาชิกอีกสองคนก็กำลังนั่งกินเมื้อเช้าอย่างเงียบเชียบ ทั้งหมดดูท่าทางเพลียๆ พวกเขาเดินทางไปเมืองอื่นเพื่อออกรายการเมื่อวานนี้ และตอนนี้งานก็ส่งผลต่อสภาพของพวกเขา
ทั้งสามมีพนักงานขับรถไปส่งที่โรงเรียน ส่วนอันซย่าซย่าไม่อยากจะเกี่ยวข้องอะไรกับพวกเขาจึงตัดสินใจจะขึ้นรถเมล์กับคังเจี้ยน
ทันทีที่ก้าวขึ้นรถเมล์ เธอก็ได้ยินเสียงใสๆ ไพเราะแต่ก็เอาเรื่องของผู้หญิ่งคนหนึ่งตะโกนขึ้น “เฮ้ย! ไอ้หัวขโมย! เอาของที่ขโมยไปคืนมาเลยนะ!”
หลังจากเสียงนั้น เธอก็เห็นนักเรียนหญิงหน้าตาน่ารักคนหนึ่ง มีผมหน้าม้าและด้านหลังยาวประบ่าพองๆ ในชุดเครื่องแบบโรงเรียนฉีซย่า ถึงแม้จะดูท่าทางบอบบาง แต่เธอก็กำลังคว้าคอเสื้อของผู้ชายวัยกลางคนคนหนึ่งเอาไว้
“ตาข้างไหนของเธอที่เห็นฉันขโมยของ ปล่อยฉันนะ ไม่อย่างนั้นฉันจะเรียกตำรวจ!” ผู้ชายคนนั้นขู่ด้วยน้ำเสียงคุกคาม และผู้คนที่รายล้อมก็เริ่มถอยห่าง กลัวว่าจะเข้าไปพัวพัน
อันซย่าซย่าหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและรีบถ่ายรูปผู้ชายคนนั้นไว้ก่อนจะกดเบอร์ฉุกเฉิน
ผู้ชายคนนั้นสังเกตเห็นการกระทำของเธอ ก็ตะโกนเสียงดัง “เฮ้ ทำอะไรน่ะ!”
เขาผลักเด็กผู้หญิงคนนั้นเต็มแรง แต่เธอแค่ขยับไปนิดเดียว เด็กสาวใช้แรงดึงทึ้งเหวี่ยงเขาลงกับพื้นด้วยท่วงท่าเดียวเท่านั้น!
ชายคนนั้นร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ลุกขึ้นยืนอย่างงุ่มง่ามก่อนจะรีบวิ่งไปที่ประตูด้านหลังรถ เด็กผู้หญิงคนนั้นตะโกน “คังเจี้ยน ไปจับเขาไว้!”
คังเจี้ยนโยนกระเป๋าเป้ของเขามาให้อันซย่าซย่าโดยไม่หันมามอง แล้วเขาก็รีบวิ่งไล่ตามชายคนนั้นไปเร็วปานสายลม! ในจังหวะนั้นเอง ตำรวจสายตรวจก็มาถึงและช่วยคังเจี้ยนจับตัวขโมยเอาไว้ได้
อันซย่าซย่าแตะมือกับเด็กผู้หญิงคนนั้น แล้วทั้งคู่ต่างก็มองกันพร้อมรอยยิ้ม
“ซูเสี่ยวมั่ว เธอกลับมาแล้ว!”