ตอนที่ 431 ส่งดวงดาวให้เธอ
พอเห็นสีหน้าฉงนสงสัยของอันซย่าซย่า ถังจวินอี้ยิ้มให้เธอพลางอธิบายหลักวิทยาศาสตร์ “พูดอย่างง่ายๆ ก็คือดาวในจักรวาลตกลงมายังพื้นโลก ซึ่งผ่านชั้นบรรยากาศร่วงลงมาสู่พื้นดิน กลายเป็นหินที่พวกเรามักจะเรียกว่าอุกกาบาต ฉากตอนที่ร่วงลง พวกเราจะเรียกว่าดาวตก ขนาดใหญ่ก็จะเรียกว่าฝนดาวตก”
ใบหน้าอันซย่าซย่า แดงขึ้นเล็กน้อย
ส่งสิ่งนี้มาให้เธอ ไม่ใช่ว่าเป็นการส่งมอบดวงดาวให้เธอหรือ?
เธอบอกอยากได้ดวงดาวนี่…เขาก็ส่งให้จริงๆ …
“ไม่ใช่แค่หินหรอกเหรอ…” เธอพึมพำ รับสร้อยคืนมา แล้วยัดใส่กระเป๋าลงไป ด้วยท่าทีที่ไม่ใส่ใจ ถังจวินอี้ก็หัวเราะเบาๆ “พวกเธออายุยังน้อยก็โรแมนติกจังเลยนะ…”
“โรแมนติกอะไรกันคะ! พวกเราเลิกกันแล้วค่ะ!”
“แค่กแค่ก…” ถังจวินอี้ไอขึ้นมา ทำหน้าเหมือนไม่อยากจะเชื่อ
เขาและไป่จื่อเย่ว์รู้ว่าทั้งสองคบหากัน ในฐานะที่ไป่จื่อเย่ว์เป็นครูประจำชั้น ก็เคยจะหาเวลาคุยส่วนตัวกับทั้งคู่เรื่องมีความรักก่อนวัย ที่จะควบคุมไม่ได้สนับสนุนแต่ก็ไม่ได้คัดค้าน และอ้างถึงด้านพัฒนาการที่ดีของทั้งสองไว้
แม้กระทั่งเขายังเดิมพันกับไป่จื่อเย่ว์ไว้ พูดว่าทั้งสองต้องคบกันอยู่แน่นอน
ไม่คิดว่าจะเลิกกันแล้ว?
ช่างเหอะๆ เป็นเรื่องของเด็ก ให้พวกเขาตัดสินใจกันเองเถอะ
อันซย่าซย่านำหนังสือขึ้นมา ให้เขาสอนอีกสองสามข้อ การเรียนชดเชยวันนี้ก็ถือว่าจบลงแล้ว
จู่ๆ ถังจวินอี้ก็เอ่ยขึ้น “ใช่สิ ซย่าซย่า เธออยากจะลองพิจารณาหลานชายผมมั้ย ที่จริงแล้วเขาก็ไม่เลวเลยแหละ”
เอ๋…คุณครูทำอย่างนี้จะดีจริงๆ เหรอ
“คุณครูคะ ครูอย่าจับคู่ตามใจชอบสิ! ไม่สู้รีบเอาเวลาไปจีบคุณครูไป่ให้ติดนะคะ!” อันซย่าซย่าพูดแทงใจดำ
ถังจวินอี้เกาจมูก “รู้ได้ไงว่าผมกำลังจีบคุณครูไป่อยู่?”
“…” แม่เจ้านึกไม่ถึงว่าเธอจะทายถูก
“แหะแหะแหะ…เมื่อก่อนไม่รู้ แต่ตอนนี้รู้แล้วค่ะ”
ถังจวินอี้นิ่งเงียบสองวินาที แล้วดีดหน้าผากเธอหนึ่งที พูดกำชับว่า “ห้ามเอาไปบอกใครนะ!”
“ค่าปิดปากล่ะคะ!” อันซย่าซย่ายื่นมือออกไปอย่างไร้ยางอาย
ถังจวินอี้ควักลูกอมสองสามเม็ดออกมาจากกระเป๋า เอ่ยขึ้นอย่างจริงใจ “แม้เป็นสิ่งของเบาแต่หนักด้วยน้ำใจ ตอบผมมา จะไม่เอาไปพูด”
นักกินซย่าที่โดนซื้อไปได้แต่ตอบว่า “อื้มๆ!”
“ว่านอนสอนง่ายดี” ถังจวินอี้แย้มยิ้มอย่างอ่อนหวาน อันซย่าซย่าแกะซองลูกอม แล้วคล้ายว่าจะนึกอะไรออก จึงถามขึ้นว่า “คุณครูถังทำไมครูถึงพกลูกอมติดตัวไว้ล่ะคะ?”
ถังจวินอี้เผยสีหน้าอ่อนโยน “เพราะคุณครูไป่ของพวกเธอชอบกินไงล่ะ”
พูดจบ เขาก็โบกมือให้นักเรียนของเขา ลุกขึ้นจากไปและทิ้งอันซย่าซย่าที่ว้าวุ่นใจที่โดนอวดความรักใส่
โดนทำร้ายจิตใจซะได้! บ๊อกบ๊อกบ๊อก!
ณ บ้านตระกูลเซิ่ง
เซิ่งอี่เจ๋อถูกเซิ่งชิงอี้เร่งรัดให้กลับมาแทบตาย พอเข้าห้องไปก็เห็นเพียงคุณซ่งและซ่งชิงเฉิ่นนั่งอยู่ สีหน้าจึงเย็นชาทันที
“ไอ้ลูกเลว! มาหาฉันซะ!” เซิ่งชิงอี้ออกคำสั่งอย่างเกรี้ยวกราด เซิ่งอี่เจ๋อหนังตากระตุก เดินเข้าไปไม่เร็วไม่ช้า แล้วทักทาย “คุณลุงซ่งสวัสดีครับ”
แล้วเมินซ่งชิงเฉิ่น
“คุณซ่งเล่าเรื่องของนายและซ่งซ่งให้ฉันฟังแล้ว! ไอ้ลูกชั่ว ทำไมถึงกล้าทำเรื่องบัดสีบัดเถลิงแบบนี้?” เซิ่งชิงอี้ด่าอย่างเสียใจที่เหล็กไม่เป็นเหล็กกล้า [1]
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ต่อให้เซิ่งอี่เจ๋อไม่อยากแต่งก็ต้องแต่งอยู่ดี!
สุดท้ายแล้วการแต่งกับตระกูลซ่งถือว่าเป็นความต้องการของเขาในหลายปีมานี้เช่นกันน่ะสิ!
“โอ้ว งั้นผมก็อยากฟังสักหน่อย ผมทำอะไรเหรอครับ?” เซิ่งอี่เจ๋อกอดอก แล้วเหลือบมองซ่งชิงเฉิ่นอย่างเอื่อยเฉื่อย
ซ่งชิงเฉิ่นก้มหน้าด้วยความน้อยใจ “พี่อาเจ๋อ พี่ พี่รู้แล้วยังจะถามอีกหรอคะ…ฮือฮือ…”
ตอนที่ 432 เธอชอบฉันรึเปล่า?
แค่จะเปิดปากพูด น้ำตาเธอไหลได้ราวกับไม่ต้องจ้าง
เซิ่งอี่เจ๋อยิ้มมุมปาก ไม่เอ่ยคำใด
ทว่าท่าทีนี้กลับยั่วโมโหคุณซ่งเข้า เขาจึงพูดอย่างเยือกเย็นว่า “คุณเซิ่งครับ ลูกชายของคุณทำไม่ดีกับลูกสาวผม ย่ำยีลูกสาวที่บริสุทธิ์ของผม! เรื่องนี้ คุณตัดสินใจจะจัดการยังไงกันแน่ครับ”
เซิ่งชิงอี้แทบอยากจะฟาดเซิ่งอี่เจ๋อให้ตาย เขาข่มกลั้นความโกรธกล่าวว่า “แกยังเป็นผู้ชายอยู่มั้ย กล้าทำไม่กล้ายอมรับเหรอ? แกยังไม่ออกความเห็นอีก วันนี้ฉันจะหักขาแกซะ!”
ประโยคนี้ราวกับทำให้เซิ่งอี่เจ๋อระลึกความทรงจำขึ้นมา เขาเงียบสักพัก “งั้นถ้าผมไม่ได้ทำอะไรเลยล่ะครับ?”
ถ้าซ่งชิงเฉิ่นพูดออกมาว่าเขาทำ เช่นนั้นเขาก็ไม่กังวลที่จะไปโรงพยาบาลกับซ่งชิงเฉิ่นรับการตรวจ
ทางการแพทย์สามารถตรวจสอบได้
“ผมเห็นกับตามาทั้งหมด จะเป็นเรื่องโกหกได้ไง? เซิ่งอี่เจ๋อ เธอจะเป็นไอ้อ่อนสำหรับบ้านซ่งเราจริงๆ เหรอ?” คุณซ่งโกรธจนแทบจะเป็นลม ซ่งชิงเฉิ่นประคองเขาไว้ได้ทัน มือขาวนิ่มนวลตบที่หลังของคุณซ่ง ให้เขาดีขึ้น
“พ่อคะ…พ่ออย่าโกรธเลยนะคะ ให้หนูคุยกับพี่อาเจ๋อตามลำพังดีมั้ยคะ?”
คุณซ่งโบกมือไปมา เป็นสัญญาณให้เธอไปได้
ซ่งชิงเฉิ่นมองเซิ่งอี่เจ๋อ เซิ่งอี่เจ๋อยักไหล่ แล้วเดินออกไปกับซ่งชิงเฉิ่น
ทั้งคู่เดินช้าๆ ในสวนดอกไม้หลังบ้าน ซ่งชิงเฉิ่นอยากจะกอดแขนของเขา กลับโดนเขาเลี่ยงได้อย่างง่ายดาย
“เธออยากจะพูดอะไร?” เซิ่งอี่เจ๋อถามด้วยสีหน้าเย็นชา
แม้เขาจะนึกต้นสายปลายเหตุในวันนั้นไม่ออก แต่กระทั่งจูบเขาก็ยังไม่ได้จูบซ่งชิงเฉิ่นแม้แต่นิด ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้น
ทว่าซ่งชิงเฉิ่นเองก็มีวาทศิลป์อยู่มาก เมื่อใดก็ตามที่คนอื่นถามขึ้นมา เธอล้วนพูดเรื่องที่คล้ายจะจริงออกมาบางส่วนแล้วร้องไห้อย่างงดงามอยู่สักพัก แบบนั้นใครก็เข้าใจผิดได้ทั้งนั้น!
เพื่อนสาวที่ใสซื่อบริสุทธิ์ของเขา ทำไมเปลี่ยนมาเป็นเช่นนี้กัน?
“พี่อาเจ๋อ พี่เปลี่ยนไปนะ พี่เคยบอกว่าชอบฉันนี่…ทำไมล่ะ? ทำไมตอนนี้กระทั่งความเชื่อใจก็ไม่ยอมให้ฉันเหรอ?” ซ่งชิงเฉิ่นพูดด้วยความเศร้าสร้อย
เซิ่งอี่เจ๋อหยุดฝีเท้า กล่าวอย่างเย็นเยือกว่า “สุดท้ายแล้วใครที่เปลี่ยนไป ไม่ใช่ว่าเธอรึไงที่ชัดเจนยิ่งกว่าฉันอีก? ซ่งชิงเฉิ่น คิดจะเล่นความรู้สึกฉัน สนุกนักเหรอ?”
ซ่งชิงเฉิ่นกัดฟันกรอด “พี่…พี่อาเจ๋อ ฉัน…”
อยากจะชี้แจงความจริงซ้ำๆ ก็พูดไม่ออกตลอด
เซิ่งอี่เจ๋อจับคางเธอขึ้น นัยน์ตาสีดำขลับจ้องเธอไม่ละสายตา ไฝใต้ตาที่ชวนน่าหลงใหล แววตาที่ลึกล้ำ ใบหน้าหญิงสาวที่กำลังจ้องมองอยู่ค่อยๆ แดงขึ้น ราวกับยามตะวันชิงพลบที่งดงามก็ไม่ปาน
“เธอชอบฉันรึเปล่า?”
พอได้ยินเสียงที่อ่อนนุ่มของชายหนุ่ม ในแววตาของซ่งชิงเฉิ่นก็มีน้ำเอ่อล้นขึ้นมา แล้วใช้แรงในการพยักหน้า
เรื่องใจของตัวเอง เธอไม่เคยปฏิเสธตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
“ฉันเองก็ชอบเธอนะ” เซิ่งอี่เจ๋อยิ้มขึ้น รอยยิ้มของเขาไม่เคยเป็นรองใคร รอยยิ้มนี้ยิ่งยิ้มยิ่งงดงาม ทำเอาคนตื่นตะลึง
ซ่งชิงเฉิ่นดึงปกคอเสื้อของเขาเข้ามาใกล้ด้วยจิตใต้สำนึก แล้วพูดพึมพำว่า “พี่อาเจ๋อคะ…”
เซิ่งอี่เจ๋อเหมือนกับจะเหลือบมองเล็บมือเธอผ่านๆ เล็บมือซ่งชิงเฉิ่นยาวมาก แถมยังทำเล็บมาอย่างประณีตอีกด้วย พอมองก็ดูสวยยิ่ง
แต่กลับเทียบไม่ได้เลยกับมือเล็กอวบอิ่มที่ขาวอมชมพูของใครบางคน
“เธอชอบฉันเป็นเรื่องระหว่างชายหญิง ฉันที่ชอบเธอเหมือนน้องสาวเมื่อสิบปีก่อน” เซิ่งอี่เจ๋อลูบไล้หน้าผากเธอ “ก็แค่ชอบแบบนี้เท่านั้นเอง เธอก็ยอมแต่งงานกับฉันเหรอ?”
ซ่งชิงเฉิ่นตอบโดยไม่ต้องคิด “ฉันยอมค่ะ!” น้ำเสียงรีบร้อนยิ่ง
“ดี งั้นพวกเราจะออกนอกประเทศกัน”
ซ่งชิงเฉิ่นดีใจยิ่ง “จริงเหรอคะ? พี่อาเจ๋อ พี่จะยอมคบกับฉันแล้วเหรอคะ?”
——
[1] เสียใจที่เหล็กไม่เป็นเหล็กกล้า อุปมาว่าดุด่าเข้มงวดเพราะอยากให้เป็นคนที่ดีขึ้น