ตอนที่ 449 โอปป้า ซารังเฮโย
ฉีเหยียนซีทำทีเหมือนกับว่า “นายน้อยได้ผ่านโลกมานานแล้ว” พลางพึมพำ “พี่โม่เคยดูซีรีย์เกาหลีไหม? นางเอกในซีรีย์เรียกพระเอกว่าอะไร?”
ซูเสี่ยวโม่พยายามนึกครู่หนึ่ง แม้ใจจริงเธอจะไม่ชอบดู แต่เธอก็เคยตามดูซีรีย์เกาหลีดังๆ อยู่สองเรื่องกับอันซย่าซย่า
เธอนึกย้อนได้สักพักก็พึมพำ “โอปป้า…”
“อืม แล้วตอนที่สารภาพรักล่ะ ทำยังไง?”
“โอปป้า ซารังเฮโย” นี่เป็นภาษาเกาหลีเพียงสองคำเท่านั้นที่เธอมีอยู่ในหัว แปลเป็นภาษาจีนก็คือ “พี่ชาย ฉันรักคุณ”
ฉีเหยียนซีส่ายหน้าและถอนหายใจ “น้ำเสียงของเธอฟังดูหยาบกระด้างเกินไป เพิ่มจริตอีกหน่อย! แล้วรู้ไหมอะไรที่เรียกว่าจริต?”
ซูเสี่ยวโม่ส่ายหน้าอย่างวุ่นวายใจ เห็นได้อย่างชัดเจนว่าพจนานุกรมของเธอไม่เคยปรากฏสองคำนี้มาก่อน
คุณชายรองฉีตบไหล่เธอ “ช่างเถอะ นายน้อยจะสอนเธอเพราะเห็นแก่ความเป็นมนุษย์สักครั้ง!”
เขาจีบนิ้วเป็นรูปกล้วยไม้แล้วสะกิดซูเสี่ยวโม่อย่างเขินอาย “โอปป้า ซารังเฮโย~”
ซูเสี่ยวโม่ “…” ให้ตายเถอะ ขนลุกชะมัด!
ฉีเหยียนซีพยายามอย่างไม่ลดละ เขากะพริบตาโตๆ แล้วพูดอย่างไร้เดียงสา “ฉันชอบเธอจริงๆ จริงๆ นะ~ ทำไมเธอไม่ตอบรับฉันล่ะ? คนบ้า~”
อ้วก—
ซูเสี่ยวโม่อ้วกออกมาอย่างทนไม่ไหว
ฉีเหยียนซีทำหน้าจนปัญญา “แม่งเอ๊ย! นายน้อยอุตส่าห์ใจดีสอนเธอ เธออ้วกออกมาได้ยังไง?”
ซูเสี่ยวโม่แหงนหน้าขึ้นฟ้าหมดคำพูด ใครก็ตามที่ปกติเคยเห็นปีศาจผู้เกรี้ยวกราดขั้นสุดเปลี่ยนมาพูดสำเนียงไต้หวันด้วยท่าทางกระตุ้งกระติ้งเช่นนี้ก็ย่อมรับไม่ได้อยู่แล้ว!
“ฉัน…ดูเหมือนว่าฉันจะเข้าถึงแก่นแท้ของมันแล้ว” เธอพยายามลุกขึ้นนั่ง
“อืม งั้นลองเอาฉันเป็นฝ่ายตรงข้ามดูซิ”
ซูเสี่ยวโม่เริ่มขั้นตอนแรกโดยการสะกิดฉีเหยียนซี
โครม——
ฉีเหยียนซีถูกเธอผลักลงไปที่พื้นด้วงแรงมหาศาล
ซูเสี่ยวโม่ “…”
ฉีเหยียนซี “…”
แม่เจ้า! ทำไมถึงมีผู้หญิงที่ป่าเถื่อนขนาดนี้!
ซูเสี่ยวโม่เกาหนังศีรษะ “โทษที…นายไม่เป็นไรนะ?”
ฉีเหยียนซีกลั้นเลือดที่กลบในปากโดยไม่ยอมพ่นออกมา “ฉัน…ไม่..เป็นไร”
“มาทำอีกรอบเถอะ”
คราวนี้ซูเสี่ยวโม่ใช้แรงเพียงนิดเดียว หลังจากสะกิดฉีเหยียนซี สะบัดผม จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน “โอปป้า ซารังเฮโย~”
ฉีเหยียนซีดวงตาเบิกกว้าง ด้วยการสั่งสอนและการชี้แนะที่มาจากใจจริง เขานิ่งไปนานกว่าจะตบไหล่ซูเสี่ยวโม่ “พี่โม่ เมื่อกี้นี้เธอเหมือนพวกผู้หญิงจริงๆ ด้วย!”
“แม่ง! ไสหัวไป!” ซูเสี่ยวโม่ฟาดมือจนฉีเหยียนซีล้มลงกับพื้นอีกครั้ง
ทั้งสองกอดกันกลม ไม่ไกลออกไปมีร่างอ่อนโยนละมุนละไมราวกับหยกกำตะเกียบแน่นอย่างเอาเป็นเอาตาย
เขาเพิ่งมาถึงได้ไม่นานก็เห็นซูเสี่ยวโม่ทำท่าน่ารักน่าเอ็นดูกับฉีเหยียนซี
และได้ยินคำพูดสารภาพรักนั่น
ที่แท้ซูเสี่ยวโม่ก็มีคนที่ชอบแล้วสินะ?
เธอกลายเป็นคนอ่อนโยนและน่ารักต่อหน้าคนที่เธอชอบจริงๆ ด้วย
เหอจยาอวี๋สูญเสียรอยยิ้มที่เคยมี เขาลุกขึ้นยืนและทิ้งอาหารที่ยังไม่ได้แตะทั้งหมดในจานลงถังขยะ จากนั้นก็ออกจากร้านอาหารโดยไม่หันกลับมา
–
เป็นอีกคืนที่นอนหลับฝันดี
พออันซย่าซย่าตื่นขึ้นมา ที่นอนข้างๆ ก็ว่างเปล่า
เธอตกใจกระโดดลงจากเตียงและรีบวิ่งออกไปทางประตู
เมื่อเห็นร่างสูงกำลังยุ่งอยู่ในครัว หัวใจพลันสงบลง
“ทำไมไม่สวมรองเท้าแตะออกมา?” เซิ่งอี่เจ๋อชำเลืองตามองเธอ
อันซย่าซย่ายิ้มเขินๆ “แหะแหะ…”
เสียงกริ่งประตูดังขึ้น อันซย่าซย่าจึงตะโกนเพื่อปกปิดความผิดตัวเอง “ฉันไปเปิดเอง ฉันไปเอง”
ทันทีที่เปิดประตู ใบหน้าบอบบางของซ่งชิงเฉินก็เงยขึ้น ดวงตาเธอบวมแดงเนื่องจากผ่านการร้องไห้
อันซย่าซย่าปิดประตูในทันควัน ปัง! ——
ตอนที่ 450 อี่เจ๋อ นายทำให้ฉันผิดหวังมาก
ซ่งชิงเฉินแทบจะสำลักออกมา เธอไร้การสนองไปชั่วขณะ
ถ้าเมื่อกี้เธอมองไม่ผิดล่ะก็ คนที่เปิดประตูคืออันซย่าซย่า!
เธอมาได้อย่างไร?
ซ่งชิงเฉินยังคงกดกริ่งประตูอย่างต่อเนื่องโดยไม่ล้มเลิกความตั้งใจ นั่นทำให้เซิ่งอี่เจ๋อที่กำลังทำอาหารอยู่เอะใจพลางเงยหน้าขึ้นถาม “ใครเหรอ?”
อันซย่าซย่ายิ้มโกรธๆ “คนที่ฉันไม่อยากเจอ”
พอคิดดูแล้วเธอก็พูดเสริมขึ้นมาอีกว่า “นายก็น่าจะไม่อยากเจอเหมือนกัน!”
เมื่อซ่งชิงเฉินได้ยินประโยคนี้จากด้านนอกประตู สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนเป็นมืดมน เธอกดกริ่งประตูแรงขึ้น!
ด้วยความเหลืออด อันซย่าซย่าจึงไปเปิดประตูให้เธอ ซ่งชิงเฉินที่ยังคงกดกริ่งประตูแทบจะเซล้มลงกับพื้น
เธอถลึงตามองอันซย่าซย่าซึ่งในขณะนั้นอันซย่าซย่ายังคงสวมเสื้อเชิ้ตของเซิ่งอี่เจ๋ออยู่ ผมดำกระจัดกระจาย ดวงตาเป็นประกาย ซ่งชิงเฉินอดไม่ได้ที่จะกัดฟันแน่น
“พี่อาเจ๋อ…” เธอชี้ไปที่อันซย่าซย่าด้วยน้ำตาคลอเบ้า “พี่กับเธอ…พวกพี่…พวกพี่ไม่เห็นฉันอยู่ในสายตาเลยหรือไง?”
อันซย่าซย่าพูดสัตย์จริง “ไม่นี่”
หน้าซ่งชิงเฉินเป็นสีคล้ำ เซิ่งอี่เจ๋อพูดเสียงเข้ม “เธอมาทำไม?”
“ฉัน ฉัน…” เธอก้มศีรษะโดยไม่รู้จะพูดอะไรดี
เป็นแบบนี้ไปได้ยังไง!
เธอรู้ว่าเซิ่งอี่เจ๋อยังไม่บินกลับประเทศ ดังนั้นเธอจึงอยากลองดูอีกสักตั้งว่าจะสามารถคว้าหัวใจเขากลับมาได้หรือไม่
แต่กลับไม่คิดว่าอันซย่าซย่าก็อยู่ที่นี่! ทั้งยังสวมเสื้อผ้าของเซิ่งอี่เจ๋ออีกต่างหาก ความสัมพันธ์ทั้งสองใกล้ชิดสนิทสนมเกินบรรยาย
“พี่อาเจ๋อ เรามาคุยกันหน่อยดีไหม?” ซ่งชิงเฉินมองเซิ่งอี่เจ๋อด้วยความอ้อนวอน
เซิ่งอี่เจ๋อแสดงท่าทีเมินเฉย “ระหว่างฉันกับเธอ ไม่มีอะไรต้องคุยแล้ว”
“คุณไม่กลัวฉันจะให้แด๊ดดี้ถอนทุนออกจากตระกูลเซิ่งเหรอ?” ซ่งชิงเฉินพูดเสียงสูงขึ้นมาทันใด
เซิ่งอี่เจ๋อยิ้มเยาะ “วางใจได้ ถึงเซิ่งซื่อจะไม่มีเงินทุนของตระกูลซ่งแล้ว เซิ่งซื่อก็ไม่ล้มหรอก คุณหนูซ่งไม่ต้องคิดให้สิ้นเปลืองสมองเปล่าๆ”
แววตาซ่งชิงเฉินเต็มไปด้วยความเศร้าใจเหมือนแก่ไปหลายสิบปี
เธอทำตัวราวกับคนบ้าโดยระบายความโกรธแค้นทั้งหมดลงไปที่อันซย่าซย่าที่ยืนอยู่ข้างๆ เธอพุ่งตัวเข้าหาอันซย่าซย่าอย่างเกรี้ยวกราด
“นังแพศยา! ทั้งหมดเป็นเพราะแก แกคืนพี่อาเจ๋อของฉันมานะ! เอาคืนมา!”
อันซย่าซย่าถูกผลักลงกับพื้นโดยไม่ได้เตรียมรับมือ น้ำตาแห่งความเจ็บปวดแทบจะไหลออกมา
ซ่งชิงเฉินฉวยกระเป๋าขึ้นมาเพื่อจะทุบเธอ ทันใดนั้นก็พบว่ามีคนรั้งข้อมือเธอไว้ ไม่ว่าจะดิ้นอย่างไรก็ไม่มีแรงมากพอ
“ไปให้พ้น!” เสียงที่แสนเย็นชาทำให้ขาของเธออ่อนยวบ
เซิ่งอี่เจ๋อเหวี่ยงเธอออกอย่างทนไม่ไหว “คุณหนูซ่ง เชิญกลับไปได้แล้ว ถ้าคุณยังโวยวายอีก ผมจะแจ้งตำรวจ”
น้ำตาไหลหยดตรงหางตาของเธอพร้อมกับต่อว่า “ฉันไม่มีวันยกโทษให้พี่เด็ดขาด!”
ในชีวิตที่เหลืออยู่ เธอจะต้องทำให้เซิ่งอี่เจ๋อได้ลิ้มรสความทุกข์ระทมใจ
เธอเหยียบย่ำบนรองเท้าส้นสูงและจากไปด้วยความโกรธแค้น
เซิ่งอี่เจ๋ออุ้มอันซย่าซย่าวางบนโซฟาด้วยสีหน้าเป็นกังวล “โดนตรงไหนบ้าง?”
อันซย่าซย่าส่ายหน้าและพูดอย่างอดไม่ได้ “ทำไมเธอถึงโวยวายขนาดนี้ เธอเป็นพวกคนไร้เดียงสานี่นา ดูเหมือนเราสองคนทำผิดมหันต์เลยนะ”
“ไม่ต้องไปสนใจเธอ” เซิ่งอี่เจ๋อกล่าวโดยไม่แยแส เขายกอาหารเช้ามาเสิร์ฟและป้อนอันซย่าซย่ากับมือ
“อืม…นายยังต้องชดใช้เธออยู่ไม่ใช้เหรอ?”
“ที่ติดค้างเธอ ฉันคืนให้ไปหมดแล้ว ถ้าเธอยังได้คืบจะเอาศอกอีก ฉันจะไม่เกรงใจเด็ดขาด” เซิ่งอี่เจ๋ออธิบายอย่างใจเย็น หลังจากป้อนข้าวอันซย่าซย่าเสร็จแล้ว เขาก็กินส่วนที่เหลือจนหมดเกลี้ยง
อันซย่าซย่ายกมือขึ้นปิดหน้าด้วยความอายเล็กน้อย
เมื่อพูดถึงเรื่องอาหารการกิน เขาให้เธอเป็นคนกินก่อน จะต้องเป็นรักแท้แน่ๆ แงแงแงแง!
โทรศัพท์สั่นได้สักพัก เซิ่งอี่เจ๋อหยิบขึ้นมารับสาย น้ำเสียงเหนื่อยล้าของคุณอาซ่งดังขึ้นมา “อี่เจ๋อ นายทำให้ฉันผิดหวังมาก”