ตอนที่ 459 ฉันเป็นแบบนี้ เธอยังจะชอบไหม? (2)
ผู้หญิงคนนั้นดูเหมือนจะโตกว่าเหอจยาอวี๋ไปหน่อย เธอแต่งหน้าบางเบา รูปร่างดีมาก ทั้งยังเซ็กซี่ร้อนแรง
ซูเสี่ยวโม่มองพร้อมกับมีเสียงร้องไห้ออกมา
อันซย่าซย่ากุลีกุจอหาทิชชู่มาให้เธอเช็ดน้ำตา “เธอร้องทำไม…อ๊ะ อย่าร้องสิ อาจจะเป็นแค่คนหน้าเหมือนก็ได้”
ก่อนจะสิ้นเสียง เหอจยาอวี๋ก็หันไปยิ้มกับผู้หญิงคนนั้นราวกับดอกสาลี่ที่บานสะพรั่งนับพันนับหมื่นต้น ความอ่อนโยนนั้นดูไม่เข้ากับฉากในผับสักเท่าไหร่
ซูเสี่ยวโม่ร้องไห้รุนแรงยิ่งขึ้น เธอดื่มเหล้าไปอีกหลายอึก “ทำไมฉันต้องชอบเขาด้วย! ทำไมกัน! ฉันไม่อยากชอบเขาแล้ว!”
เป็นหญิงแกร่งก็ดี ไม่ต้องมีหัวจิตหัวใจ ไม่ต้องมีคนที่ชอบ ต่อยคนได้สบายใจเฉิบ ใช้ชีวิตอย่างสบายอกสบายใจ
ทำไมการชอบใครสักคนถึงได้เจ็บปวดขนาดนี้?
เธอทำแบบนั้นไปได้ยังไง! ถึงต้องมาชอบเขาอย่างนี้!
ยิ่งซูเสี่ยวโม่ร้องไห้ก็ยิ่งเจ็บปวดมาก ไม่ว่าอันซย่าซย่าจะเกลี้ยกล่อมอย่างไร เธอก็ยังดื่มเหล้าเหมือนน้ำอย่างไม่คิดชีวิต ราวกับต้องการระบายอารมณ์แย่ๆ ทั้งหมดออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ
อันซย่าซย่าขอบตาแดงและชนแก้วกับซูเสี่ยวโม่ ทั้งสองกอดคอกันร้องไห้และดื่มด้วยกัน
–
บนฟลอร์
เหอจยาอวี๋ยังคงรักษารอยยิ้มอยู่ตลอดเวลา สาวน้อยที่อยู่อ้อมแขนส่งยิ้มให้เขาอย่างหยาดเยิ้ม “นายไม่อยากไปดูแม่นายสักหน่อยเหรอ?”
“เธอคงไม่อยากเจอฉันหรอก” เหอจยาอวี๋ยิ้มอ่อนโยน นัยน์ตาเย็นชา
“ไร้ความรู้สึกจริงๆ เลย” สาวน้อยส่ายหน้า “ตอนนี้ท่าทางเธอดูไม่ค่อยดี ทึมๆ ทื่อๆ อยู่ทุกวัน ชอบพูดดูถูกตัวเอง ถ้านายไม่ไปดูเธอหน่อย บางทีเธออาจจะตายก็ได้นะ”
“ฉันเข้าใจแล้ว” เหอจยาอวี๋พยักหน้าอย่างสุภาพ
สาวน้อยขมวดคิ้ว “จริงด้วย คราวที่แล้วนายช่วยฉันรับงานละครได้แย่มาก เป็นได้แค่ตัวประกอบ! อย่างน้อยๆ ก็ต้องหาบทนางเอกไม่ก็นางรองสิ!”
เหอจยาอวี๋ได้เพียงยิ้มห่างเหิน
เมื่อเห็นเขายิ้มแบบนี้ หญิงสาวก็โกรธพร้อมกับตบหน้าเขาอย่างไร้ความปราณี “ฉันไม่ชอบที่นายยิ้มแบบนี้! ก็เห็นๆ อยู่ว่าไม่พอใจแล้วยังจะยิ้มอยู่ได้! เกลียดก็ยังยิ้ม! นอกจากยิ้มแล้วนายยังแสดงออกอย่างอื่นเป็นไหม?”
เหอจยาอวี๋กะพริบตาอย่างไม่สะทกสะท้าน ฝ่ามือเพียงเฉียดมาที่คางเนียนของเขา
เขาไม่โกรธเลยสักนิด “เพลงนี้จบแล้ว”
พอพูดจบเขาก็ปล่อยผู้หญิงคนนั้นและเดินออกจากฟลอร์อย่างใจเย็น
หญิงสาวตาแดง เธอกลัวว่าน้ำตาจะทำให้เครื่องสำอางเลอะจึงพยายามอดทนจนถึงที่สุด เธอมองร่างที่เดินห่างจากเธอไปเรื่อยๆ
ในขณะนี้เสียงเพลงหยุดลง ผู้คนบนฟลอร์ต่างก็แยกย้ายกันไปที่บาร์หรือที่นั่งเพื่อดื่มเหล้า
เสียงร้องโหยหวนสองเสียงดึงดูดความสนใจจากผู้คนได้ไม่น้อย——
“ฮือฮือฮือ! ผู้ชายเลว! เขามันก็แค่ผู้ชายเลวๆ!”
“ใช่ เป็นผู้ชายเลวอันดับหนึ่งของโลก! ต่อไปเธอไม่ต้องชอบเขาแล้ว!”
“ฉันจะแก้แค้น! ฉันจะวาดเขาให้เป็นเกย์รับ!”
“พวกเราแกล้งทำเป็นแฟนคลับเขาแล้วบ้วนน้ำลายให้เขาดื่มดีไหม?”
“เอาสิๆ แล้วแอบวางตะปูไว้บนเก้าอี้จะได้ระเบิดดอกเก๊กฮวยเขาซะ!”
“……”
คนรอบๆ ที่เดินผ่านไปมาอดที่จะตัวสั่นไม่ได้
ให้ตายเถอะ ความโกรธแค้นอะไรพวกนี้เป็นพิษร้ายแรงที่สุดสำหรับผู้หญิงจริงๆ
นอกจากนี้ยังมีอยู่ไม่กี่คนที่วางตัวไม่เป็น พวกเขาเดินผิวปากเข้ามาร่วมสนทนา “โอ้ อกหักล่ะสิ? มาๆ พวกเรามาคุยกันหน่อยซิ ไหนลองบอกซิว่าผู้ชายเลวๆ เป็นยังไง…”
เสียงเย็นชาดังขึ้น “หลีกทาง!”
ซูเสี่ยวโม่กับอันซย่าซย่ากอดกันร้องไห้โฮ พวกเธอเห็นกางเกงดำเสื้อเชิ้ตสีขาวของเหอจยาอวี๋ลอยมาจากฟ้าเหมือนเทพเจ้า
ตอนที่ 460 ฉันเป็นแบบนี้ เธอยังจะชอบไหม? (3)
“ไอ้เด็กนี่ใคร? คิดจะแสดงเป็นวีรบุรุษช่วยหญิงงามเหรอ?” ชายคนหนึ่งพูดด้วยความหยิ่งผยอง
“ถูกต้อง พวกเรากำลังถ่ายหนังกันอยู่ พวกคุณบังกล้องอยู่แน่ะ” เหอจยาอวี๋ไม่ได้มีท่าทางกระโตกกระตาก หนึ่งในนั้นจำเขาได้ “เอ๊ะ นี่มันเจ้าหน้าขาวคนนั้นที่อยู่ในวงนั่นนี่นา คนที่ลูกพี่ลูกน้องของฉันตามจีบเมื่อก่อน?”
เหอจยาอวี๋พยักหน้าทักทายพลางแสดงสัญญาณไม่ให้พวกเขาเพิ่มเสียง
เนื่องจากเป็นคนรู้จัก พวกเขาจึงคิดจะจากไป แต่ซูเสี่ยวโม่กลับตะโกนขึ้นมาอย่างฉับพลันว่า “นายว่าใครเป็นเจ้าหน้าขาวนะ? นายน่ะสิเจ้าหน้าขาว หน้าขาวกันทั้งบ้าน!”
ชายหนุ่มที่โดนโจมตีลูบจมูก “อ้าว น้องสาว เธอยังเล่นละครอยู่อีกเหรอ?” เขาคิดว่าซูเสี่ยวโม่เป็นนักแสดงจริงๆ
ซูเสี่ยวโม่เปิดโหมดพร้อมทะเลาะ “ฮึ! หน้านายยังขาวไม่พอ! นายมันไอ้หน้าดำ! หน้าดำ หน้าดำ หน้าดำ!”
ชายหนุ่มเริ่มหงุดหงิดพลางหันไปถามเหอจยาอวี๋ “นี่พวกนายเล่นละครอะไรกัน? เธอถึงกัดฉันไม่ปล่อย”
เหอจยาอวี๋ตอบไปแบบราบเรียบ “เป็นละครคุณธรรมน่ะ เธอแสดงเป็นหญิงปากร้าย”
“อ๋อ…ใช้ได้ๆ! น้องสาว ฝีมือการแสดงของเธอดีจริงๆ!” ชายคนนั้นยกนิ้วให้ซูเสี่ยวโม่และกลุ่มคนก็จากไป
ซูเสี่ยวโม่ไม่ได้ตามไป เธอกอดต้นขาเหอจยาอวี๋ไม่ยอมปล่อยและพูดแย้ง “ฉันไม่ใช่ผู้หญิงปากร้ายเสียหน่อย!”
เหอจยาอวี๋ถอนหายใจพลางลูบหัวเธอ ในขณะเดียวกันอันซย่าซย่ายังคงจับขาเก้าอี้และหัวเราะคิกคัก เส้นหน้าผากของเขากระตุก เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาเซิ่งอี่เจ๋อ
เซิ่งอี่เจ๋อมาถึงในไม่ช้า เขาพาอันซย่าซย่าออกไปด้วยใบหน้าเย็นชาโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง
ก่อนจากกัน อันซย่าซย่าร้องไห้เหมือนใจสลาย “ฉันไม่ไป! โม่โม่ ฉันไม่อยากจากเธอไป! ปล่อยฉันนะ!”
ซูเสี่ยวโม่โบกมือให้เธอโดยที่ถือผ้าเช็ดหน้า “อย่าพรากพวกเรา! ฉันกับเธอคือรักแท้! รักฉัน อย่าจากฉันไป!”
ทั้งสองคนถูกทุกคนในผับมองเหมือนตัวตลก พร้อมกับพูดทอดถอนใจ “รักแท้ไม่แบ่งวัย ไม่แบ่งเพศจริงๆ ด้วย…ผู้ชายสองคนนั้นก็ทำเกินไปแล้ว!”
เซิ่งอี่เจ๋อยกมือขึ้นและตบตูดอันซย่าซย่าพลางตำหนิ “ถ้าก่อเรื่องอีกฉันจะส่งเธอเข้าวัด! ไม่ให้เธอกินเนื้อทุกวันเลย!”
อันซย่าซย่าทำตัวเป็นเด็กดีภายในหนึ่งวิ เธอกอดคอเขาด้วยน้ำตาคลอเบ้าอย่างออดอ้อน “ฉันรักนาย จุ๊บๆ! นายต้องให้ฉันกินเนื้อนะ…จุ๊บๆ!
อีกด้านหนึ่ง
เหอจยาอวี๋ขมวดคิ้ว “ทำไมเธอดื่มเยอะขนาดนี้? ฉันจะไปส่งเธอกลับบ้าน…นั่นน่ะ เธอปล่อยมือก่อนได้ไหม?”
ซูเสี่ยวโม่กอดต้นขาเขาแน่น ให้ตายยังไงก็ไม่ยอมปล่อย เธอพูดอย่างอัดอั้นตันใจ “คนงาม ฉันอยากกอดต้นขาของนาย! ฉันอยากกอด ฉันอยากกอด ฉันอยากกอด~”
เหอจยาอวี๋จนปัญญา “เรากลับบ้านกันก่อนดีไหม?”
“งั้นถ้ากลับบ้านแล้ว นายจะให้ฉันกอดขานายใช่ไหม?” ซูเสี่ยวโม่มองตาเขาปริบๆ เหอจยาอวี๋ยิ้มุมปาก “ทำไมต้องกอดด้วย…”
“เพราะฉันชอบนายไงล่ะ!” ซูเสี่ยวโม่พูดพร้อมกับยิ้มตาหยี น้ำเสียงนุ่มนวล
เหอจยาอวี๋ใจสั่นอย่างแรง ทว่าการแสดงภายนอกยังคงสงบ “เธอเมาแล้ว”
“ฉันเปล่า!” ซูเสี่ยวโม่พูดในขณะที่เลิกขากางเกงเหอจยาอวี๋ขึ้น “นายดูสิ ฉันรู้ว่านี่มันขนหน้าแข้ง! ก็บอกแล้วว่าฉันไม่ได้เมา! หนึ่งเส้น…สองเส้น…ว้าว ขนหน้าแข้งนายมีตั้งหลายเส้นแน่ะ…”
หน้าตาเธอเหมือนเด็กน้อยที่กำลังแสดงท่าทีสรรเสริญ เหอจยาอวี๋พยายามอดทนกับความอยากที่จะโยนเธอทิ้งไป เขาอุ้มเธอขึ้นมาแล้วเดินออกจากผับอย่างรวดเร็ว
ยังจะบอกว่าไม่เมาอีก! คนปกติเขาเลิกขากางเกงคนอื่นแล้วนับขนหน้าแข้งกันไหม?
หญิงสาวทรงเสน่ห์ที่เต้นบนฟลอร์กัดฟันกรอด นั่นเป็นครั้งแรกที่เธอเห็นเหอจยาอวี๋แสดงอารมณ์ทางสีหน้าหลากหลายแบบนี้
สาวน้อยคนนั้น…เป็นอะไรกับเขากันแน่?