ตอนที่ 461 ฉันเป็นแบบนี้ เธอยังจะชอบไหม? (4)
เหอจยาอวี๋ยัดซูเสี่ยวโม่เข้าไปในรถ จากนั้นก็สตาร์ทรถ ซูเสี่ยวโม่มือไม้รุ่มร่าม เธอโผตัวเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของเขา จากนั้นก็กอดต้นขาของเขาอีกครั้งด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความพึงพอใจ
เหอจยาอวี๋พยายามทนจนทนไม่ไหวแล้ว “เธอลงมา! ฉันจะขับรถ!”
ซูเสี่ยวโม่รนหาที่ตาย พอเหอจยาอวี๋เพิ่งจะใช้แรงไปเล็กน้อย เธอก็ร้องไห้งอแง
“เธอคิดจะทำอะไรกันแน่?” เหอจยาอวี๋โดนเธอยั่วโมโห
“ฉันก็แค่อยากกอดต้นขานาย!” เธอบอกเหตุผลโดยเอาหน้าซุกหว่างขาของเขาเหมือนง่วงนอน
เหอจยาอวี๋ลูบหน้าที่ร้อนผ่าว ยัยคนนี้ตั้งใจใช่ไหม?
“ซูเสี่ยวโม่! เธออย่าได้คืบจะเอาศอกนะ! เชื่อไหมว่าฉันโยนเธอลงไปได้!” เด็กหนุ่มผู้อ่อนโยนโมโหแล้ว
ซูเสี่ยวโม่หัวเราะคิกคักพร้อมกับลูบๆ คลำๆ “เนื้อตรงนี้นุ่มจัง…”
นอนแล้วสบายมากเลย~ ลาลาลา~
เธอเมาจริงๆ ไม่มีสติแล้ว แต่แค่อยากจะกอดเขาไว้แน่นๆ ไม่ยอมปล่อย
ถึงจะต้องแกล้งตายหรือทำผิดศีลธรรมก็ได้ทั้งนั้น เธอก็แค่ไม่อยากปล่อย
ทำไมต้องปล่อยด้วยล่ะ? เธอไม่ใช่คนอ่อนโยนหรือมีคุณธรรมเสียหน่อย ทำไมต้องฝืนตัวเองทำเป็นเสแสร้งด้วย?
เธอชอบ ก็สารภาพรักไปแล้ว
อยากได้ ก็ตามจีบไปแล้ว
นี่มีอะไรผิดเหรอ? ทำไมถึงบอกว่าเธอผิดล่ะ?
เธอก็แค่ชอบเขาเท่านั้นเอง
เหอจยาอวี๋เกือบโดนเธอจุดไฟติดแล้ว เขาพยายามอดทนไม่ตอบสนองอย่างสุดชีวิต
เขาคว้าตัวเธอขึ้นมาด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวแล้วใช้เข็มขัดนิรภัยรัดเธอไว้กับที่นั่ง เขาปรับน้ำเสียงเยือกเย็น “ฉันจะส่งเธอกลับบ้าน เธอทำตัวดีดีหน่อย”
ซูเสี่ยวโม่ตกใจกับน้ำเสียงของเขาและร้องไห้ด้วยความเสียใจ
“ฉัน ฉันชอบนาย…คนงาม นายมันบ้าไปแล้ว!”
“เธอชอบฉันเพราะอะไร?” ชายหนุ่มหันหน้ามาพร้อมกับสายตาห่อเหี่ยว
เมื่อเห็นว่าซูเสี่ยวโม่ไม่ตอบคำถามเป็นเวลานาน เขาก็ยิ้มดูถูกตัวเอง “เธอดูสิ พูดไม่ออกแม้แต่ข้อเดียว แล้วทำไมยังบอกว่าชอบอยู่เรื่อย?”
“นายหล่อ” ซูเสี่ยวโม่จิ้มนิ้วตัวเอง “เวลายิ้มก็ยิ่งหล่อ!”
เหอจยาอวี๋ถูกเธอทำให้โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เขายิ้มเย็นเยือกแล้วถามเธอด้วยความเย็นชา “งั้นถ้าฉันไม่ยิ้ม เธอยังจะชอบฉันไหม?”
“ชอบสิ!” ซูเสี่ยวโม่พยักหน้าโดยไม่คิดและยิ้มโง่ๆ “นายไม่ยิ้มก็หล่อ!”
“จริงเหรอ?” เหอจยาอวี๋ระงับรอยยิ้ม พอนึกถึงสิ่งที่สาวน้อยพูดก็เหยียบคันเร่งแรงไปอีก รถเหาะไปด้วยความรวดเร็วโดยทิ้งเงาให้เหลือเพียงเศษซาก
รถมาจอดอยู่ที่หน้าร้านKTVซึ่งมีแสงสีของสถานบันเทิงยามค่ำคืน
เหอจยาอวี๋แทบจะลากซูเสี่ยวโม่เข้าไปข้างใน
ในล๊อบบี้มีผู้ชายไม่กี่คนที่กำลังเย้าแหย่หญิงวัยกลางคนคนหนึ่ง เขาพูดจาแทะโลมด้วยน้ำเสียงอันน่าขยะแขยง ผู้คนที่ผ่านไปมาต่างมองอย่างมึนๆ บางครั้งก็มีคนส่งสายตาสะอิดสะเอียนผ่านเข้ามา
ผู้หญิงคนนั้นสวยมาก แต่แววตาเธอกลับว่างเปล่า เธอแค่เพียงดื่มเหล้าที่คนอื่นยื่นให้
เหอจยาอวี๋โกรธจากใจ ไม่แปลกใจเลยที่เธอกำลังจะตาย เสพสุขเงินทองหลงระเริงไปกับน้ำเมาแบบนี้จะไม่ตายได้อย่างไร?
เขาก้าวไปข้างหน้าด้วยความโกรธ จากนั้นก็พูดกับผู้ชายพวกนั้น “ไสหัวไป!”
ผู้ชายพวกนั้นรีบพากันหนีเตลิดออกไป เหอจยาอวี๋เรียกบริกร “พาเธอกลับไปซะ”
“ค่ะ”
ทันใดนั้นผู้หญิงคนนั้นก็คว้าแขนของเขาไว้ “จยาอวี๋ใช่ไหม…ลูกมาเยี่ยมแม่แล้วเหรอ?”
“มาดูแม่ทำตัวแย่ๆ น่ะเหรอ?” เหอจยาอวี๋กัดฟันพูดชัดถ้อยชัดคำ รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาปรากฏขึ้นอีกครั้งอย่างไม่มีเหตุผล
“แม่…แม่…” มีน้ำตาเม็ดใหญ่ไหลมาจากดวงตาของหญิงคนนั้น เหอจยาอวี๋สะบัดเธอออก จากนั้นก็คว้าซูเสี่ยวโม่ที่อยู่ข้างๆ ขึ้นรถ พลางยิ้มเยาะ “ซูเสี่ยวโม่ ผู้หญิงบ้าเมื่อกี้ก็คือแม่ของฉัน แม่แท้ๆ ของฉัน! ฉันเป็นแบบนี้ เธอยังจะชอบไหม?”
ตอนที่ 462 เรามาปกป้องเธอด้วยกันเถอะ
นี่เป็นครั้งแรกที่ซูเสี่ยวโม่เห็นเขาดุร้ายขนาดนี้ เธอขดตัวเข้ามุมด้วยอาการสั่นเทา นัยน์ตามีไอน้ำชื้น เธอดึงแขนเสื้อของเขาอย่างระมัดระวัง “คนงาม นายอย่าดุไปเลย พอนายดุแล้วไม่หล่อเอาซะเลย”
เหอจยาอวี๋ผลักเธอโดยคิดว่าตัวเองไร้สาระสิ้นดี
เขาต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ถึงได้พาซูเสี่ยวโม่มาพบแม่เขา!
“ทำไมนายต้องโมโหด้วย?” ซูเสี่ยวโม่สูดจมูก “เป็นเพราะต่อยคนเลวเหนื่อยใช่ไหม? คราวหน้าฉันจะช่วยนายเอง! ฉันช่วยนายต่อยคนได้นะ!” เธอแกว่งกำปั้นน้อยไปทางเหอจยาอวี๋และยิ้มราวกับดอกท้อ
เมื่ออยู่ต่อหน้าเธอ เขาไม่อยากเห็นแววตาที่ใสสะอาดของเธอ เพราะมันเป็นเครื่องพิสูจน์ได้ว่าเขาใช้ชีวิตอยู่ในที่มืดมนและสกปรก
“ฉันไม่ต้องการให้เธอมาช่วย ฉันแค่อยากให้เธอไม่ต้องมาชอบฉันอีก สัญญากับฉัน ซูเสี่ยวโม่ เธอแสนดีขนาดนี้ย่อมคู่ควรกับคนที่ดีกว่า ที่เธอสารภาพรักฉันก่อนหน้านี้ ฉันจะถือว่าเรื่องทั้งหมดไม่เคยเกิดขึ้น ถ้าเธอชอบฉีเหยียนซี ฉันช่วยเธอจีบเขาได้”
อย่าเข้ามาในโลกของเขาอีก ไม่ง่ายเลยที่เขาจะเสแสร้งกับตัวเอง แต่เธอกลับมองออก
ซูเสี่ยวโม่โดนปิดตา เธอรู้สึกว่าดวงตาเธอมืดไปหมด แม้ในหัวจะมึนเมา แต่เธอก็ยังพยายามบังคับตัวเองให้ยื่นมือไปทางเหอจยาอวี๋
“ฉันชอบนาย ไม่ว่านายจะเป็นยังไง ฉันก็ชอบนาย”
“ต่อไปนี้เรามาปกป้องเธอด้วยกัน ดีไหม?”
ไฟเพดานรถดับลง เหอจยาอวี๋ตาแดงก่ำขึ้นมาฉับพลันท่ามกลางความมืดที่ไม่มีที่สิ้นสุด
ไม่มีความเห็นใจ ไม่มีความรังเกียจ ไม่มีคำตำหนิ
มีเพียงประโยคที่พูดเบาๆ “เรามาปกป้องเธอด้วยกัน”
เขาพึมพำ “เธออย่าโง่แบบนี้สิ ฉันไม่คู่ควรกับเธอ”
เธอดีเกินไปและเขายังดีไม่พอ
การที่เขาปฏิเสธไม่ใช่เพราะเขาไม่เคยไม่ชอบเธอ แต่เป็นเพราะเขาไม่อยากให้เธอชอบตัวเองที่ทำตัวไม่ดี
ซูเสี่ยวโม่ชูอุ้งมือขึ้นแล้วโดนหน้าเขาโดยบังเอิญ
ปลายนิ้วสัมผัสของเหลวชื้น เธอแปลกใจ “นายร้องไห้?”
เด็กหนุ่มเบี่ยงหน้าออก “ฉันเปล่า!”
เธอหดมือกลับแล้วเลียปลายนิ้วตัวเอง “เค็มนี่ นายร้องไห้นี่นา!”
“ฉันไม่ได้ร้องซะหน่อย!” เขาย้ำเสียงแข็ง
ซูเสี่ยวโม่พูดเพียง “อ๋อ” และพึมพำกับตัวเอง “นายกลัวความมืดสินะ? ไม่เป็นไร นายกลัวความมืด ฉันกอดนายก็ได้ ฉันไม่กลัวอะไรเลย!”
“ยัยโง่!” เหอจยาอวี๋ฮัมเสียงเย็นชาแล้วสตาร์ทรถ “เธออย่าพูด ถ้าพูดอีกฉันจะโยนเธอทิ้งซะ!”
ซูเสี่ยวโม่ครวญครางด้วยความเมามาย เธอดูไร้สติและยังหัวเราะคิกคัก “คนงาม ข้าแทงใจดำเจ้าหรือไร เจ้าถึงได้อับอายจนโมโหแบบนี้? มานี่มา คืนนี้ข้าจะปรนนิบัติเจ้าเอง พวกเราหนึ่งคืนเจ็ดครั้ง~”
เหอจยาอวี๋กระแทกเบรก “เธอพอได้แล้ว! วุ่นวายอะไรเนี่ย!”
“นายไม่ชอบเหรอ?” ซูเสี่ยวโม่ยิ้มชั่วร้าย “งั้นก็หนึ่งคืนหนึ่งครั้ง หนึ่งครั้งทั้งคืน~”
เหอจยาอวี๋ขบฟัน เขาปลดเข็มขัดนิรภัยให้เธอแล้วโยนเธอไปข้างถนน จากนั้นก็พูดอย่างร้ายกาจว่า “บาย! ”
ในค่ำคืนที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา ซูเสี่ยวโม่มองไปยังสถานที่รกร้างนอกเมืองด้วยความคิดอันยุ่งเหยิง
นี่ถูกทิ้งจริงๆ หรือเนี่ย…
มีบางอย่างพุ่งขึ้นลำคอ เธอก้มตัวลงแล้วอ้วกออกมา
สามนาทีผ่านไป รถจอดตรงหน้าเธออีกครั้ง เหอจยาอวี๋ลงจากรถด้วยหน้าเข้มๆ
ซูเสี่ยวโม่ยิ้มได้ใจ “ฉันรู้ว่านายไม่ทิ้งฉันหรอก…อยากกินปีกไก่ไหม?” เธอดึงปีกไก่ที่ยังไม่ย่อยออกมาจากกองอ้วกแล้วแกว่งตรงหน้าเหอจยาอวี๋
เหอจยาอวี๋ “…”