ตอนที่ 495 ทำไมเธอผิดสัญญากับฉันล่ะ
“จะดื้อรั้นก็ให้มีขีดจำกัดหน่อย พ่อของนายเป็นแบบนี้ยังไม่รู้จักมาดูอีก!”
“หมายความว่า ถ้านายยังเป็นแบบนี้อยู่ ต่อไปใครจะกล้าวางใจที่จะยกบริษัทในเครือขนาดใหญ่พอๆ กับตระกูลฉีให้กับนาย!”
“โอ๊ย ที่ผ่านมาตระกูลฉีถือเป็นผู้มีความสามารถ เหตุใดจึงไร้ความสามารถในการสืบทอด”
“…”
หล่อนที่ยกมือขึ้นปิดปาก ท่าทางดูตื่นตระหนก ยิ่งกระตุ้นอารมณ์ผู้คนมากขึ้น
“นายอายุ19แล้วใช่ไหม เพิ่งจะขึ้นม.สี่งั้นเหรอ ช่างน่าละอายจริงๆ”
“ฉันไม่มีทางยอมให้ตระกูลฉีต้องตกไปอยู่ในกำมือคนแบบนี้เป็นอันขาด! ”
“หึ เด็กยังไงก็ยังเป็นเด็กอยู่วันยังค่ำ…”
ฉีเหยียนซีกำหมัดแน่นจนเห็นเส้นเลือดดำปูดขึ้นที่หลังมือ จนอยากจะเอาชนะคนกลุ่มนั้นให้รู้แล้วรู้รอด
เมื่อตอนที่พ่อของเขายังสบายดี แต่ละคนต่างก็เข้ามาประจบประแจง จนกระทั่งถึงตอนนี้ที่เกิดเรื่องบางอย่างขึ้นกับพ่อของเขา พวกเขากลับเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ!
ไหนจะลู่เหอ ที่วางแผนได้อย่างไร้ซึ่งช่องโหว่!
ในตอนท้าย เซิ่งอี่เจ๋อแตะเข้าที่มือของฉีเหยียนซี และยิ้มให้ด้วยท่าทีเป็นมิตร “นอกจากเรื่องการเรียนที่ล่าช้า เหยียนซียังต้องพบเจอเรื่องราวข่าวลือของลุงอีก แค่นี้จิตใจของเขาก็บอบช้ำพอแล้ว ถ้าหากมีอะไรผิดปกติ ขอให้ทุกคนช่วยเข้าใจสักหน่อย”
เมื่อเห็นว่าลูกชายเพียงคนเดียวของตระกูลเซิ่งพูดออกตัวแทนฉีเหยียนซี ผู้คนต่างจึงไม่มีใครปริปาก เซิ่งอี่เจ๋อส่งสายตามาที่ฉีเหยียนซีเป็นสัญญาณให้เขาใจเย็นลง
ที่ดวงตาของฉีเหยียนซีคุกรุ่น สูดลมหายใจเข้าลึกอย่างเชื่องช้า แล้วปรี่ตัวเร่งรีบเดินไปที่ห้อง
ลู่เหอมองมาที่เซิ่งอี้เจ๋ออย่างเงียบๆ เซิ่งอี้เจ๋อจึงตอบกลับด้วยรอยยิ้มที่สุภาพและอบอุ่น
ใครจะรู้ว่าจิตใจของผู้นำตระกูลเซิ่งนั้นช่างสงบและเด็ดขาด รอยยิ้มนี้ทำให้ลู่เหอรู้สึกเกรงกลัวจนต้องเดินคอตกออกไป ไม่กล้าพูดอะไร
–
ในขณะเดียวกัน ที่บ้านอัน
อันซย่าซย่ามองไปยังหนุ่มหล่อที่ยืนอยู่หน้าประตูบ้าน ซึ่งเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนคนเดียวกับที่ทำให้รู้สึกแบบนั้นในตอนที่อยู่โรงเรียนในตอนกลางวัน
เธอเอ่ยถามด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย “นายมาหาฉันมีธุระอะไรรึเปล่า”
ชายหนุ่มยกเปลือกตาขึ้น นัยน์ตาที่ดูขี้เกียจดึงดูดความสนใจของลูกค้าหญิงสาวหลายคนในร้าน
“เธอเล่นไวโอลินได้ดีมาก ทำไมถึงได้ถอนตัวออกจากงานแข่งขันดนตรี” ชายหนุ่มถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา
อันซย่าซย่าปาดเหงื่อ “เอ่อ… ก็แค่ตั้งใจจะถอนตัวอยู่แล้วน่ะ”
ชายหนุ่มขมวดคิ้ว ใช้สายตาจ้องมองเธออย่างพินิจ “เธอออกจากการแข่งขันกลางคันแบบนี้ เท่ากับไม่เคารพคู่ต่อสู้น่ะสิ!”
“งั้นเหรอ ฮ่าๆ” อันซย่าซย่าหัวเราะแห้งรู้สึกว่าคนคนนี้ช่างแปลกเสียจริง
ชายหนุ่มเชิดคางขึ้น “ฉันชื่ออิ่นชิงหัน พรุ่งนี้เที่ยงตรงฉันจะรอเธออยู่ที่ห้องเปียโนของโรงเรียน! ”
พูดทิ้งท้ายไว้ด้วยน้ำเสียงและประโยคเย็นชา เขาหันไปด้านข้างโค้งตัวทักทายคุณพ่อแล้วเดินออกไปด้วยท่าทีสงบ
อันซย่าซย่าลูบหัวคิด กำลังคิดจะขึ้นตึก ก็กลับโดนคุณพ่อดึงข้อมือเอาไว้
“นี่ซย่าซย่า… คนแบบนี้ของลูกยังมีอีกเยอะไหม” คุณพ่อพูดเป็นห่วง
“หนูไม่ได้รู้จักพวกเขาค่ะ…” อันซย่าซย่าคิดว่าตัวเองนั้นช่างใสซื่อ
คุณพ่อถอนหายใจ “ลูกจะไปไม่ได้นะ ดูก็รู้ว่าเขาต้องการจะจีบลูก! พ่อไม่เข้าใจจิตใจของเด็กผู้ชายพวกนี้เลย! ”
“มีเหตุผล…ถ้างั้นพรุ่งนี้หนูไม่ไปละกัน!” อันซย่าซย่าพยักหน้าเชื่อฟัง
แต่ถึงอย่างนั้น ตอนเที่ยงของวันรุ่งขึ้น อิ่นชิงหันพากลุ่มแฟนคลับมาเคาะที่หน้าต่างห้องฝั่งที่นั่งของอันซย่าซย่าอีกครั้ง
“ทำไมเธอผิดสัญญากับฉันละ”
ตอนที่ 496 นี่เธอฝ่าดอกท้อเน่าๆ ออกมาจากไหนเนี่ย
สาวๆ ที่อยู่ด้านหลังโห่ร้องเสียงขุ่นเคือง “ใช่ๆ เธอไม่รู้เหรอว่าพี่ชิงหันอยู่รอเธอตั้งนาน!”
อันซย่าซย่าคิด: ก็ไม่รู้จริงๆ นี่นา…
“ฉันส่งข้อความหานายแล้ว” อันซย่าซย่าตอบอย่างระวังตัว ต้องขอบคุณซูเสี่ยวมั่วที่เธอเอาเบอร์มือถือของอิ่นชิงหันมาให้
อิ่นชิงหันขมวดคิ้ว “ฉันไม่ใช้โทรศัพท์”
“…” จ้อกแจ้ก สาวๆ ที่อยู่ด้านหลัง พวกเธอเป็นคนจ่ายเงินซื้อเบอร์โทรศัพท์ราคาสูงให้กับเขาใจสลาย
เสียงลากเก้าอี้ดังขึ้นมาจากด้านข้าง เซิ่งอี่เจ๋อที่ก้าวขายาวออกมาและนั่งลงอย่างไม่แยแสเรียกเสียงกรี๊ดดังขึ้นจากสาวๆ อีกรอบ
“ว้าว เซิ่งอี่เจ๋อหล่อจังเลย!”
“ช่างน่าเสียดายจริงๆ ที่ลาออกจากวงการบันเทิง”
“กิริยาท่าทางตั้งแต่หัวจรดเท้าราวกับหลุดออกมาจากหน้าปกนิตยสาร แงแงแง!”
แสงสว่างส่องลงมาบนไหล่ของชายหนุ่มดูอบอุ่นและสวยงามราวกับเทวดาลงมายังโลกมนุษย์
กระนั้นเพียงแค่เซิ่งอี่เจ๋อนั่งลงบนเก้าอี้ ออร่าของเขาก็กลบอิ่นชิงหันออกไปจนหมด อีกทั้งยังดึงดูดความสนใจมาจากทุกคนได้อีกต่างหาก
ทั้งสองคนยืนและนั่ง สายตามองจ้องอีกฝ่าย อิ่นชิงหันกลั้นลมหายใจเมื่อถูกดวงตาของเซิ่งอี่เจ๋อมองกดดันจนรู้สึกอยากสำลักออกมา
เขากำหมัดแน่น จ้องมองอันซย่าซย่าด้วยใบหน้าโกรธขึ้ง “คืนนี้ฉันจะรอเธออยู่ที่ห้องเปียโน!”
เมื่อว่าจบแล้ว เขาก็เดินจากไปอย่างมาดมั่น ปล่อยให้อันซย่าซย่าต้องคอหดเผชิญกับสายตาอันเย็นชาจนน่าตกใจของเซิ่งอี่เจ๋อ
“อันซย่าซย่า นี่เธอฝ่าดอกท้อเน่าๆ [1] ออกมาจากไหนเนี่ย” เซิ่งอี่เจ๋อถาม
อันซย่าซย่าตอบกลับไร้เดียงสา “ฉัน ฉันก็ไม่รู้…ฉันรับประกันได้นะ คืนนี้ฉันจะไม่ไป!”
“ไม่” เซิ่งอี่เจ๋อแตะลงที่ศีรษะของเธอ “ต้องไปสิ”
“หา”
“ฉันจะไปกับเธอเอง”
ดอกท้ออะไรล่ะ ลงมือจัดการเองยังรู้สึกเร็วกว่าเยอะ!
–
เสียงระฆังโรงเรียนดังขึ้น อันซย่าซย่าที่เดินอยู่ข้างหลังเซิ่งอี่เจ๋อตัวสั่นกึก เขาถือกระเป๋านักเรียนของตัวเองและกระเป๋านักเรียนสีชมพูอ่อนให้เธอ หันมองไปมารอบด้าน
องค์ชายที่ถือกระเป๋าสีชมพูแต่ยังมีใบหน้าเต็มไปด้วยความมั่นใจ ช่างเป็นภาพที่สวยงามเกินคำบรรยาย!
ภายในห้องเปียโน อิ่นชิงหันรอคอยเป็นเวลานาน ตรงบริเวณทางเดินเต็มไปด้วยหญิงสาว ทุกสายตาต่างจับจ้องมองเข้ามายังอิ่นชิงหันที่อยู่ด้านใน
เขาถอดเสื้อตัวนอกออก เหลือไว้แค่เสื้อเชิ้ตสีขาวที่พับแขนเสื้อขึ้น ปลดกระดุมสองเม็ดออกเผยให้เห็นกระดูกไหปลาร้าที่สวยงามและนิ้วเรียวยาว
“ฉันรอเธอตั้งนาน” เขาพูดเสียงเบา
เซิ่งอี่เจ๋อปกป้องอันซย่าซย่าที่อยู่ด้านหลังอย่างเต็มที่ เตรียมจะอ้าปากพูดจาเชือดเฉือนเพื่อฆ่าเขา แต่แล้วอิ่นชิงหันกลับหยิบไวโอลินขึ้นมาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ฉันต้องการที่จะแข่งกับเธออย่างจริงจัง ครั้งก่อนแม้ว่าสุดท้ายแล้วฉันจะเป็นผู้ชนะ แต่ก็ไม่สามารถยอมรับได้ว่าเป็นชัยชนะ”
อันซย่าซย่ารู้สึกเคอะเขิน รวมถึงเซิ่งอี่เจ๋อเองก็ยืนแข็งทื่อ
“ไม่ๆ ฉันเคยเห็นนายสีไวโอลิน นายเล่นเก่งกว่าฉันเยอะเลย” อันซย่าซย่าพูดด้วยความตื่นตระหนก
แม้ว่าจะเคยเห็นอิ่นชิงหันเพียงแค่ครั้งเดียวจากการแข่งขัน แต่ว่าทักษะพื้นฐานของเขาก็แข็งแกร่งเป็นพิเศษ ทักษะที่เข้มงวดและสมบูรณ์แบบ เธอถอนหายใจออกมาจากก้นบึ้งอย่างช่วยไม่ได้
“เธอเองก็เก่งเหมือนกันนี่ ฉันเคยศึกษาวิดีโอที่เกี่ยวข้องกับเธอ” ใบหน้าของอิ่นชิงหันเย็นชา น้ำเสียงฟังออกว่ากำลังตื่นเต้น ซึ่งเป็นเสียงแห่งความตื่นเต้นเมื่อต้องเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้
อันซย่าซย่าเดาว่า เขาน่าจะเป็นคนประเภทที่บ้าคลั่งเอามากๆ
“เราจะสู้กันสักครั้งไหม” อิ่นชิงหันพูดขึ้นอย่างมั่นใจและหันหน้าไปมองเซิ่งอี่เจ๋อ “รบกวนนายช่วยเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งด้วยได้ไหม”
ความทรงจำที่ยุ่งเหยิงทั้งหมดหลั่งไหลกลับเข้ามาในพริบตา ภาพที่เซิ่งอี่เจ๋อยอมบาดเจ็บเพื่อเธอก็ไหลกลับเข้ามา
ด้วยบุคลิกที่อ่อนโยนของเธอนี่เป็นครั้งแรกที่ทำให้เธอเสียอารมณ์: “นายอย่าเห็นแก่ตัวมากเกินไปได้ไหม ฉันไม่ได้ตอบตกลงจะแข่งกับนายสักหน่อย! ”
ตอนที่ 497 เธอมันซื่อบื้อ!
อิ่นชิงหันสะดุ้ง คิดไม่ถึงว่าเธอจะเสียอารมณ์
อันซย่าซย่าจับเข้าที่มือเซิ่งอี่เจ๋อ “ไปกันเถอะ!”
“หึ…” เซิ่งอี่เจ๋อหัวเราะเบาๆ สายตามองไปที่อันซย่าซย่าอย่างครุ่นคิด
มีหลายคนที่รู้ว่ามือของg-kได้รับบาดเจ็บ แต่มีเพียงอันซย่าซย่าที่รู้ว่ามือข้างขวาของเขาไม่สามารถเล่นเปียโนได้อีกแล้ว
เธอโกรธ และรู้สึกอยากปกป้องเขา
หญิงสาวที่โกรธจนแก้มบวมตุ่ย อิ่นชิงหันเดาใจเธอไม่ออก เพียงแค่รู้ว่าเธอกำลังโกรธมาก
ทำไมเธอถึงได้ดูโกรธขนาดนั้น
อาจเป็นเพราะจิตใจของเด็กผู้หญิง ช่างเข้าใจยากซะจริง
“ขอโทษ” คิดไปคิดมา เขาจึงพูดขอโทษด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
อันซย่าซย่าถอนหายใจ ลากตัวเซิ่งอี่เจ๋อออกมา อิ่นชิงหันถามขึ้นเสียงเบา “ทำไมเธอถึงได้ถอนตัว หลังจากนี้ไม่คิดจะเล่นเปียโนอีกแล้วอย่างนั้นเหรอ”
ประโยคนั้น ตอกย้ำลงไปในจิตใจของอันซย่าซย่า น่าอึดอัดเสียจนเธอพูดไม่ออก
เซิ่งอี่เจ๋อที่ยืนอยู่ด้านข้าง เมื่อได้ยินประโยคนี้ก็กำเข้าที่มือของอันซย่าซย่า
ซื่อบื้อสิ้นดี…มิน่าทำไมช่วงนี้ถึงไม่เห็นเธอฝึกเปียโน!
เป็นเพราะว่าเขาไม่สามารถเล่นเปียโนได้อีก เธอเลยไม่คิดที่จะไม่แตะต้องมันเลยงั้นเหรอ
งี่เง่าจริงๆ !
แต่ถึงเธอจะงี่เง่า…ก้นบึ้งของหัวใจกลับชุ่มชื้นราวกับมีฝนตกหนัก
“ที่ฉันถอนตัวออก ก็เพราะตัวฉันเอง จากนี้ไปฉันจะไม่เล่นเปียโนอีกแล้ว มันไม่ใช่เรื่องของนาย ไม่ว่าอย่างไรฉันเป็นคนเลือกเอง สิ่งที่จะเกิดขึ้นและผลที่ตามมาฉันจะเป็นคนรับไว้ทั้งหมด! ” อันซย่าซย่าไม่ได้คิดหนี เธอเลือกที่จะตอบอิ่นชิงหันอย่างหนักแน่น
เขายอมเจ็บมือเพื่อเธอ ล้มเลิกความฝันที่ผ่านมา ไม่ใช่ว่าเธอเองก็ทิ้งเอาความฝันตัวเองฝังลงเหมือนฝุ่นแล้วไม่คิดจะพูดถึงมันอีกเลยหรอกนะ
อิ่นชิงหันหรี่ตาจ้องมองเธออยู่เงียบๆ สักพัก จากนั้นก็หัวเราะออกมาเบาๆ
“เธอนี่เก่งจริงๆ”
การล้มเลิก ในหลายครั้งมักยากกว่าการเริ่มต้น
ใช้เวลาทุ่มเทมาตั้งหลายปี แล้วฝังมันลงด้วยมือของตัวเองแบบนี้ แน่นอนว่าเป็นอะไรที่โง่สิ้นดี แต่จะมีสักกี่คนที่กล้าทำ
อันซย่าซย่าไม่อยากพูดอะไรกับเขามากไปกว่านี้ จึงพาเซิ่งอี่เจ๋อออกมาจากห้องเปียโนด้วยกัน
ขึ้นมาบนรถ จูบอันร้อนแรงรุกร้ำเข้ามา อันซย่าซย่าถูกเซิ่งอี่เจ๋อกดลงบนเก้าอี้ ปลายลิ้นชา ใบหน้าขึ้นสีแดง แต่ก็ไม่ได้ผลักตัวเขาออก ซ้ำยังตอบสนองกลับอย่างระมัดระวัง
เซิ่งอี่เจ๋อสัมผัสได้ถึงปฏิกิริยาบางอย่างของเธอ รูม่านตาที่หดเล็กลง เขาดึงเธอขึ้นมานั่งบนตักแล้วจูบหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ
คนขับลดกระจกกั้นลง สายตาจดจ่อกับการขับรถอย่างใจเย็น
การจูบที่ยาวนานผ่านไป ลมหายใจของทั้งสองติดขัด อันซย่าซย่าหอบหายใจแรง ท่าทางงุ่มง่ามที่แสดงออกทำให้เซิ่งอี่เจ๋อกัดเข้าที่ติ่งหูของเธอ “ซื่อบื้อ…ยัยซื่อบื้อ…”
อันซย่าซย่าไม่แน่ใจ รู้สึกลังเล “นายมันคนบ้า! ”
ริมฝีปากชาไปชั่วขณะ ตามมาด้วยความรู้สึกเศร้า
กดจูบลงอีกครั้งหนึ่ง หลังจากนั้นดวงตาของอันซย่าซย่าก็กลายเป็นสีแดงเต็มไปด้วยความเปียกชื้นของน้ำตา เห็นแล้วเซิ่งอี่เจ๋อยิ่งอยากแกล้งเธอมากขึ้นไปอีก
“จากนี้ตั้งใจฝึกเปียโน อย่าล้มเลิกง่ายๆ ทำอะไรโง่ๆ ” มือหนาของเขาลูบลงบนผมอันอ่อนนุ่มของเธอ
อันซย่าซย่าก้มหน้าด้วยความเสียใจ “ฉันไม่อยากฝึกอีกแล้ว…”
“เพราะว่าฉันไม่สามารถเล่น เธอเลยไม่อยากฝึกงั้นเหรอ เธอไม่คิดว่ากำลังทำตัวเป็นเด็กอยู่เหรอ” เซิ่งอี่เจ๋อสั่งสอนเธอด้วยใบหน้าจริงจัง เมื่อเห็นใบหน้าที่บึ้งตึงก็อดใจไม่ไหวที่จะบีบแก้มเล็กๆ ของเธอ “ทำตัวดีๆ สิ ไม่อย่างนั้นฉันคงไม่สบายใจ”
อันซย่าซย่ากะพริบตา “ฉันเองก็เสียใจไม่แพ้นายหรอก”
แต่ก็ไม่รู้ว่าควรแสดงออกแบบไหน เลยทำได้แค่เลือกที่จะทำอะไรซื่อบื้อแบบนี้
หัวใจของเซิ่งอี่เจ๋ออ่อนยวบลงเรื่อยๆ จนนุ่มสนิทเป็นชิ้นเดียว
“ฉันไม่เคยพูดกับเธอเหรอว่าฉันรักเธอน่ะ”
เอ่ยประโยคนี้ออกมาอย่างจริงจังด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำและอ่อนโยน อันซย่าซย่าที่ไม่ทันได้ตั้งตัวพลันหน้าแดงขึ้นมา
“นี่จะพูดหรือไม่พูดก็เห็นเป็นอะไรเลย…” เธอเข้าใจน้ำใจของเขาก็พอแล้ว
เซิ่งอี่เจ๋อประคองใบหน้าของเธออย่างรักใคร่เอ็นดู “ฉันรักเธอ รักเธอมาก”
ทิวทัศน์นอกหน้าต่างรถคล้ายกับเปลี่ยนเป็นพร่าเลือน มีเพียงใบหน้าของกันและกันที่ชัดเจนสลักลึกในหัวใจ
——
[1] ดอกท้อเน่า (烂桃花) สามารถอุปมาได้ว่าดวงซวยเรื่องความรัก มีความสัมพันธ์แย่ๆ