อันซย่าซย่ากะพริบตาและอยากจะลองเปิดคอมพิวเตอร์ระหว่างที่พี่ชายไม่ทันมอง แต่อันอี้เป่ยเจ้าเล่ห์ยิ่งกว่าจิ้งจอกเสียอีก เธอไม่มีทางได้ทำในสิ่งที่ต้องการง่ายๆ หรอก
เขาพลิกมือของเขาและจับมือเธอไว้ ก่อนจะยื่นข้อเสนอซ้ำ “ขอมาสิ”
ท่าทางจะเป็นแฟนจริงๆ สินะ…
เด็กสาวหัวเราะในใจแต่ตีสีหน้าจริงจัง “เกี่ยวก้อยสัญญา!”
อันอี้เป่ยยิ้มมุมปาก “หลังจากเกี่ยวก้อยสัญญาแล้ว คนที่แอบดูเป็นหมา!”
อันซย่าซย่าอึ้งไป พี่นี่ต้องใจร้ายขนาดนี้เชียว
เด็กสาวยอมเกี่ยวก้อยสัญญาอย่างไม่เต็มใจนัก จากนั้นก็ส่งรอยยิ้มอันไร้เดียงสาให้เขาพลางขอ “พี่คะ ฤดูหนาวกำลังจะมาถึงแล้ว หนูไม่มีเสื้อผ้าจะใส่เลย ถ้าหนูไม่ใส่อะไรหนูก็จะแข็งตาย พี่คงไม่แล้งน้ำใจหรอกใช่ไหม”
“เธอไม่ตายเพราะไม่มีเสื้อผ้าใส่หรอก แต่พี่ว่าเธอจะตายเพราะไม่มีเสื้อผ้าใหม่ใส่ต่างหาก” มุมปากอันอี้เป่ยกระตุกเล็กน้อยขณะที่เปิดโปงความในใจที่แท้จริงของอันซย่าซย่า
อันซย่าซย่าดึงแขนเสื้อเขาและยิ้มหวานๆ ให้เขาขณะที่ย้ำอีกครั้ง “เราเกี่ยวก้อยสัญญากันแล้วนะ!”
อันอี้เป่ยกลอกตามองบน จากนั้นก็หยิบบัตรใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋าสตางค์ก่อนจะบอก “รหัสคือวันเกิดพ่อ ไปซื้อเอาเองก็แล้วกันนะ”
เด็กสาวรับบัตรมาอย่างดีใจก่อนจะบอก “ขอบคุณค่ะบอส” แล้วเธอก็เผ่นแผล็วออกไป ทิ้งพี่ชายเอาไว้เพียงลำพังในห้อง
หลังจากนั้นครู่ใหญ่ เขาก็ถอนหายใจยาวๆ ออกมา ท่าทางดูเศร้าสร้อย
วันต่อมา
โรงเรียนมัธยมฉีซย่า
ทั้งวันผ่านไปโดยไม่มีเหตุการณ์ผิดปกติอะไรเกิดขึ้น สิ่งเดียวที่ผิดปกติก็คือที่นั่งของเจี่ยนซินเอ๋อร์ยังคงว่างเปล่า
ระหว่างช่วงเวลาพัก อันซย่าซย่าแอบได้ยินเซิ่งอี่เจ๋อคุยโทรศัพท์ เธอไม่เคยเห็นสีหน้าเย็นชาขนาดนี้จากเขามาก่อน
“เมื่อทำความผิด มันไม่ใช่เรื่องปกติเหรอที่จะต้องขอโทษ” เขาตอบอย่างเยือกเย็นแล้วก็วางสายไป
อันซย่าซย่ามองเขาอย่างสงสัย “ใครเหรอ”
เซิ่งอี่เจ๋อเหลือบมองเธอแวบหนึ่ง “เธอไม่คิดว่าตัวเองอยากรู้อยากเห็นมากเกินไปหรอกเหรอ”
อันซย่าซย่าถูจมูกแก้เก้อพลางตอบอย่างสลดๆ “อ้อ”
เซิ่งอี่เจ๋อออกคำสั่งกับเธอด้วยน้ำเสียงไม่รีบร้อนราวกับหญิงแก่ “ไปเอาน้ำมาให้ขวดซิ” อันซย่าซย่าทำแก้มป่อง จากนั้นก็เดินออกไปหยิบน้ำดื่มมาให้เขา ว่าง่ายราวกับผู้ช่วยตัวน้อยอย่างที่เธอควรเป็น
ฉือหยวนเฟิงซึ่งนั่งอยู่ที่แถวหลังของเขา อดพูดไม่ได้ “เฮ้… ในโต๊ะโอปป้าอี่เจ๋อมีน้ำตั้งสองขวดจากแฟนๆ แล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงต้องใช้อันซย่าซย่าให้ลำบากด้วย”
เหอจยาอวี๋หัวเราะคิกคัก “นายไม่รู้อะไรหรอก”
ฉือหยวนเฟิง “นายพูดถึงเรื่องอะไร”
ไม่นานนัก อันซย่าซย่าก็กลับมาพร้อมกับน้ำดื่ม เซิ่งอี่เจ๋อออกคำสั่งเพิ่มอีกนั่นคือให้นวดไหล่และขาให้เขา อันซย่าซย่ามีท่าทีกระอักกระอ่วนใจอย่างที่สุด ยิ่งไปกว่านั้น สายตาทิ่มแทงที่เหล่านักเรียนหญิงทุกคนในห้องเรียนพากันมองมาที่เธอ ทำให้เด็กสาวรู้สึกว่าตัวเองถูกทิ่มเป็นรูพรุนเหมือนตะแกรง
มีสองสามคนด้วยซ้ำที่เริ่มออกอาการ พูดซุบซิบกันลับๆ ว่าเห็นทีจะต้องสั่งสอนบทเรียนให้อันซย่าซย่าเสียบ้างแล้ว
ทว่าอย่างไรก็ตามความคิดพวกนั้นก็ถูกดับจนมอดไหม้ก่อนที่จะได้ทันได้เกิดควันเสียอีก และจากนั้นมา ก็ไม่มีใครในโรงเรียนฉีซย่าที่กล้ายุ่งกับอันซย่าซย่าโดยไม่พิจารณาถึงผลที่ตามมาให้ถี่ถ้วนเสียก่อน
หลังจากกระดิ่งบอกเวลาหมดคาบสุดท้ายดังขึ้น เสียงตามสายของโรงเรียนก็ดังขึ้นพร้อมเสียงของใครสักคนทดสอบเสียงพูดขึ้นว่า “ทดสอบๆ” ใส่ไมโครโฟน หลังจากนั้นก็มีเสียงเด็กผู้หญิงที่ฟังดูลังเล กำลังพยายามพูดผ่านไรฟัน และแล้วคำพูดของหล่อนก็ได้ยินกันไปทั่วทั้งโรงเรียนฉีซยา
“สวัสดีเพื่อนๆ ทุกคน ฉันเจี่ยนซินเอ๋อร์ นักเรียนปีหนึ่งห้องซี วันนี้ฉันยากจะขอโทษอย่างเป็นทางการต่อเพื่อนร่วมชั้น อันซย่าซย่า! ฉันเสียใจ ฉันไม่ควรแกล้งเธอ ฉันเสียใจ ฉันไม่ควรใส่ความเธอและพยายามทำให้เธอถูกไล่ออก ฉันเสียใจ ทั้งหมดเป็นความผิดของฉัน ฉันขอให้เธอช่วยยกโทษให้ฉันด้วย!”
เสียงฮือฮาดังไปทั่วทั้งโรงเรียน
สวรรค์ เจี่ยนซินเอ๋อร์ผู้ซึ่งหยิ่งยโสโอหัง ชอบกดขี่คนอื่น ไม่สนใจความเป็นไปในโลก กำลังขอโทษเธอด้วยวิธีการที่น่าขายหน้าแบบนี้จริงๆ น่ะหรือ
อันซย่าซย่าถือกระเป๋าเป้ไว้แน่นพลางทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ ความไม่อยากเชื่อฉายชัดอยู่บนใบหน้า