เซิ่งอี่เจ๋อจ้องหน้าเขาอย่างงงๆ ก่อนจะยิ้มออกมา “ก็ยังดีกว่าปล่อยให้ไปดูคอนเสิร์ตคนเดียวไม่ใช่เหรอ”
อันอี้เป่ยส่งแววตารู้ทันพลางเลิกคิ้ว “งั้นก็ ขอบใจสำหรับความช่วยเหลือนะ”
ก็สรุปเป็นอันเรียบร้อย อันซย่าซย่าเป็นเพียงคนเดียวที่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับแผนการไปดูคอนเสิร์ตเลย หญิงสาวยังคงยิ้มร่าใส่หรงเช่อในจอทีวีด้วยสีหน้าหลงใหลใฝ่ฝัน
เซิ่งอี่เจ๋อเดินขึ้นบันไดด้วยใบหน้าบูดบึ้ง หลังจากนั้นครู่หนึ่งเขาก็ส่งข้อความหาอันซย่าซย่า—
[ขอกาแฟสามแก้ว]
หญิงสาวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูแล้วก็คอตกทันที
เขาคิดว่าเธอเป็นอะไรกันแน่ ผู้ช่วยหรือคนรับใช้ที่เขาเรียกใช้ได้ตามอำเภอใจ
เธอเดินไปจะชงกาแฟให้ด้วยความขุ่นเคืองใจ แต่คิดดูดีๆ อีกทีเธอจึงยกนมอุ่นๆ สามแก้วขึ้นไปข้างบนแทนที่จะเป็นกาแฟ
หลังจากเรื่องที่เกิดขึ้นคราวก่อน เธอก็ไม่กล้าทะเล่อทะล่าเข้าไปในห้องเขาอีกต่อไป หญิงสาวเคาะประตูก่อน แต่ไม่มีเสียงตอบรับ
อันซย่าซย่าเปิดประตูเข้าไปอย่างสงสัยก่อนจะพบว่าไม่มีใครอยู่ในห้องเลย
หือ พวกเขาไปไหนกัน
อันซย่าซย่ามองไปรอบๆ ก็ไม่เห็นใครสักคนในห้องนั่งเล่นเหมือนกัน แต่แล้วก็ได้ยินเสียงแว่วๆ ออกมาจากห้องซ้อมดนตรี
หญิงสาวดอดไปที่บานประตูก่อนจะแง้มเปิดออกดู ภาพที่เห็นภายในดูประทับใจเธอมาก
เซิ่งอี่เจ๋อนั่งอยู่ที่เปียโน เล่นท่อนเดิมอยู่ซ้ำๆ เหอจยาอวี๋สวมหูฟังแบบครอบหูกำลังฮัมเพลง และฉือหยวนเฟิงกำลังซ้อมเต้นท่ายากมากๆ อยู่ที่หน้ากระจก เหงื่อไหลลงมาตามใบหน้า…
ชายหนุ่มวัยรุ่นทั้งสามคนดูช่างขยันขันแข็งเกินกว่าที่เธอเคยวาดภาพไว้
อันซย่าซย่าเคยคิดมาตลอดว่ากลุ่มนักร้องไอดอลอย่างวงสตาร์รี่ไนต์นั้นโด่งดังได้ก็เพราะความหน้าตาดีและเป็นวัยรุ่นเท่านั้น แต่ทัศนคตินี้ของเธอทำให้เธอละเลยสิ่งต่างๆ มากมาย
อันที่จริงพวกเขาก็ใช้ความพยายามอย่างมหาศาลที่จะกลายเป็นกลุ่มนักร้องชั้นนำ เหอจยาอวี๋สังเกตเห็นเธอเป็นคนแรก เขาถอดหูฟังออกแล้วส่งยิ้มอ่อนโยนให้ “มีอะไรเหรอ”
เซิ่งอี่เจ๋อหยุดเล่นเปียโนแล้วหันกลับมามองอันซย่าซย่า ยังดูท่าทางไม่ค่อยพอใจ อันซย่าซย่ากะพริบตาปริบๆ ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องเพื่อเสิร์ฟนมอุ่นให้กับทุกคน “ดื่มกาแฟตอนค่ำมันไม่ดีนะ นมทำให้หลับสบาย”
เหอจยาอวี๋ขอบใจเธออย่างสุภาพ
ฉือหยวนเฟิงก้าวมาหาพลางโอบไหล่เธอ “เฮ้ ซย่าซย่า ทำไมเธอถึงได้ใจดีกับฉันนักล่ะ หลงรักกันหรือเปล่า”
เขาถามพลางขยิบตาสวยๆ ให้ หญิงสาวหน้าแดงในทันที “เปล่า! เปล่านะ! ฉันไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นกับนายเลย!” เธอพยายามบิดตัวเพื่อเป็นอิสระ
พอพูดไปอย่างนั้นแล้วเธอก็รู้สึกผิดมากเลย… อย่างไรเสีย ฉือหยวนเฟิงก็เป็นคนโปรดที่สุดของเธอในวงสตาร์รี่ไนต์ ถึงขนาดที่เธอพิมพ์ว่าเขาน้อยกว่าสองคนที่เหลือด้วยซ้ำ
ทีนี้พอฉือหยวนเฟิงซึ่งเป็นคนหน้าตาดีขนาดนี้มาถึงเนื้อถึงตัวกับเธอ หัวใจดวงน้อยๆ ของเด็กสาวก็แทบรับไม่ไหว
ในที่สุดก็มีมือคู่หนึ่งยื่นเข้ามาช่วยเธอไว้ได้ทันเวลา เซิ่งอี่เจ๋อเดินมาพร้อมกับใบหน้าเฉยเมยและช่วยเธอออกจากวงแขนของฉือหยวนเฟิง จากนั้นเขาก็ยกแก้วนมขึ้นจิบ “เธอได้รับสิทธิ์โควตาเข้าเรียนที่โรงเรียนของเราในฐานะเด็กที่มีความสามารถพิเศษด้านดนตรีใช่ไหม เล่นเปียโนได้หรือเปล่า”
อันซย่าซย่าพยักหน้าอย่างระมัดระวัง
เซิ่งอี่เจ๋อชี้ไปที่โน้ตเปียโน “เล่นท่อนนั้นให้ฟังหน่อย”
อันซย่าซย่ามีสีหน้าขมขื่น อย่างที่คิดไว้เลย เธอไม่สามารถหลุดพ้นจากการถูกชี้นิ้วสั่งให้ทำโน่นทำนี่ได้เลย!
หลังจากกระแนะกระแหนเซิ่งอี่เจ๋ออย่างหนักในใจแล้ว อันซย่าซย่าก็ไปนั่งที่เปียโนแล้วเล่นไปตามแผ่นโน๊ต
เมื่อเล่นจบ เซิ่งอี่เจ๋อก็หัวเราะเยาะน้อยๆ “ไม่เก่งอย่างที่ฉันจินตนาการไว้”
“นี่! นาย!” อันซย่าซย่าทำแก้มป่อง เธอไม่ได้เก่งเปียโนและเมื่อกี้เธอก็เล่นอย่างสุดฝีมือแล้วด้วย!
เซิ่งอี่เจ๋อจิบนมอีกอึกก่อนยิ้มมุมปาก “แหวะ!”
“งั้นก็อย่าดื่มสิ…” อันซย่าซย่าบ่นพึมพำ
“พูดว่ายังไงนะ” เซิ่งอี่เจ๋อหรี่ตาอย่างซุกซน