นิสัยอย่างหนึ่งที่ดีมากๆ ของเซิ่งอี่เจ๋อก็คือเขาเป็นคนรักษาสัญญา ดังนั้นเขาจึงหยิบสมุดโน้ตติดตัวไปด้วยเพื่อติวให้อันซย่าซย่า
ในเวลานั้น อันซย่าซย่าได้เปลี่ยนชุดเป็นชุดนอนเรียบร้อยแล้วและกำลังนอนเล่นอยู่บนเตียง พลางดูไลฟ์สตรีมจากคอนเสิร์ตของหรงเช่อที่แฟนเพลงคนอื่นกำลังถ่ายทอดอยู่ ระหว่างที่กำลังดื่มด่ำอยู่กับเสียงอันไพเราะของเขาอยู่นั้น ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
เธอนึกว่าเป็นอันอี้เป่ยหรือไม่ก็อาจจะป่าป๊าอันจึงตอบไปโดยไม่คิดอะไร “เข้ามาค่ะ”
ประตูเปิดค้างไว้ครู่หนึ่งแต่ก็ไม่มีเสียงอะไรดังขึ้นจึงทำให้อันซย่าซย่างุนงง เธอเงยหน้าขึ้นแต่กลับพบว่ากำลังมองตรงไปยังใบหน้าหล่อเหลาของเซิ่งอี่เจ๋อ เธอนิ่งอึ้งไป
ตายแล้ว อะไรกันเนี่ย
“นายเข้ามาทำอะไร” อันซย่าซย่าถาม ใบหน้าเต็มไปด้วยความระแวดระวังตัวขณะที่จ้องมองเขา
เซิ่งอี่เจ๋อโบกหนังสือในมือไปมาพลางยิ้มกริ่ม “เข้ามาติวให้ไง เธอคงจะรู้สึกซาบซึ้งจนอยากร้องไห้เลยสินะ”
การตอบสนองด้วยสัญชาตญาณของอันซย่าซย่าคือการประท้วง “ฉันคือคนสุดท้ายที่ต้องการติว ฉันจะดูไลฟ์ของโอปป้าหรงเช่อต่อ แล้วหลังจากนั้นก็จะเล่นวิดีโอเกม!”
เซิ่งอี่เจ๋อเบ้ปาก “เธอนี่มันติดอินเทอร์เน็ตจริงๆ เลยนะ”
“ฮึ… นายมาสนใจอะไร!” อันซย่าซย่าทำหน้ามุ่ย “นายเป็นนักร้องดังระเบิดระเบ้อ นายไม่ยุ่งหรือยังไง ไปซ้อมหรือไม่ก็ไปแต่งเพลงเถอะ ทำไมต้องมาลำบากติวให้ฉัน”
เซิ่งอี่เจ๋อ ยัยคนนี้ดื้อด้านสุดๆ ไปเลย
เธอไม่รู้หรอกเหรอว่ากลุ่มของเขาแทบจะไม่มีกิจกรรมอะไรอย่างอื่นเลย ทางบริษัทไม่ได้รับงานโฆษณาให้กับพวกเขา หรือไม่ได้ให้พวกเขาไปทำงานอย่างอื่น
เขารู้แผนงานของบริษัทดีกว่าใคร มันก็แค่เขาไม่อยากเสียเวลาแข่งขันอะไรกับใครในเมื่อเขามองเหตุการณ์ทุกอย่างขาดหมดแล้ว
เขานั่งลงที่โต๊ะตัวน้อยของเธอก่อนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ทั้งหมดนี่ก็เพื่อช่วยเหลือเธอขึ้นมาจากก้นบึ้งแห่งความทุกข์ยากหรอกนะ อันซย่าซย่า เธอคิดอะไรอย่างอื่นไม่เป็นเลยเหรอนอกจากเล่นสนุกไปวันๆ อย่างนี้จะเข้ามหาวิทยาลัยได้ยังไง ถ้าเธอเข้ามหาวิทยาลัยไม่ได้แล้วจะหางานยังไง ถ้าหางานไม่ได้แล้วจะ…”
อันซย่าซย่าคิดว่าหัวของเธอกำลังจะระเบิดเพราะความจู้จี้ของเขา จึงลุกพรวดขึ้นจากเตียงพลางตะโกน “เรียนก็ได้ เรียนก็ได้ โอเคไหม”
เซิ่งอี่เจ๋อโยนสมุดแบบฝึกหัดวิชาคณิตศาสตร์ใส่เธอพร้อมกับออกคำสั่ง “เริ่มจากอันนี้”
อันซย่าซย่าเปิดไปหน้าแรกแล้วก็แทบสูญเสียความตั้งใจที่จะอยากมีชีวิตอยู่
ทำไมชีวิตมันต้องยากลำบากขนาดนี้ด้วย
เธอเริ่มแก้สมการอย่างช้าๆ คำว่า “ไม่แฮปปี้” เขียนไว้ทั่วใบหน้า เซิ่งอี่เจ๋อหัวเราะหึหึกับตัวเอง เขาสนุกกับสีหน้าอมทุกข์ของเธอมากเมื่อไหร่ก็ตามที่เธอไม่มีทางเลือกในการทำอะไรสักอย่าง
มันทำให้เขารู้สึก… อิ่มเอมใจอย่างประหลาด
อันซย่าซย่าใช้เวลาร่วมครึ่งชั่วโมงในการทำแบบฝึกหัดหนึ่งหน้า และเมื่อมองไปที่เซิ่งอี่เจ๋อก็เห็นท่าทางไม่ใส่ใจของเขาขณะที่เขากำลังเล่นโทรศัพท์มือถือ หญิงสาวบ่น “นายมาติวหนังสือให้ฉันไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงมานั่งเล่นมือถือเสียเองล่ะ”
ไม่ยุติธรรมเลย… เห็นเขาเล่นมือถือแล้วเธอเองก็อยากเล่นด้วย!
“การควบคุมตัวเองของเธอแย่มาก” เซิ่งอี่เจ๋อตัดสินอย่างเมินเฉย พลางเหลือบมองมาที่เธอ “โจทย์ข้อไหนที่ทำไม่ได้”
อันซย่าซย่าถลึงตาใส่เขา กระนั้นก็ยังเห็นเขายิ้มอย่างอบอุ่น “คงไม่ใช่ว่าไม่เข้าใจทั้งหมดนั่นหรอกใช่ไหม…”
สำหรับนักเรียนโควตาเช่นเธอ ถ้อยคำเหล่านั้นช่างแทงใจสุดๆ
เด็กสาวกระแทกวางปากกาลงบนโต๊ะอย่างโกรธๆ “ใครบอกว่าฉันทำไม่ได้!”
เธอเสือกไสสมุดแบบฝึกหัดไปให้เซิ่งอี่เจ๋อ เขาตรวจคำตอบให้พลางส่ายหน้าขณะที่วงกลมทุกจุดที่เธอทำผิด
“ยัยบื้อ ขนาดข้อง่ายๆ ยังผิดได้ยังไง”
หลังรวบรวมคะแนนให้แล้ว เขาก็รู้สึกถึงสายตาแผดเผาจ้องตรงมาที่เขา
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นและเห็นใบหน้าซื่อๆ ที่น่ารัก เขานิ่วหน้าขณะพูด “อะไร หรือที่พูดไปมันไม่จริง”
อันซย่าซย่ามองเขาอย่างจะนับถือ “ว้าว นายคำนวณคำตอบในหัวได้เลยเหรอ”
เซิ่งอี่เจ๋ออยากจะตอบว่าของง่ายๆ ขณะที่อันซย่าซย่าดันกองกระดาษโจทย์มาให้เขาและเริ่มกระพือขนตาใส่ “งั้นช่วยคำนวณพวกนี้ให้ด้วยสิ”
เซิ่งอี่เจ๋อหมดคำพูด