ก่อนจะกลับไปที่ห้องเรียน อันซย่าซย่ากับซูเสี่ยวมั่วแวะก็แวะเข้าห้องน้ำก่อน
หญิงสาวล้างหน้าด้วยน้ำเย็นๆ และกล่าวคำสาบาน มือเล็กๆ ของเธอกำแน่น “ต้องทำได้สิอันซย่าซย่า! ต้องเข้าเป็นห้าร้อยอันดับแรกให้ได้แล้วโอปป้าหรงเช่อจะต้องตกเป็นของฉัน!”
ซูเสี่ยวมั่วปรายตามองเพื่อราวกับกำลังมองดูคนเสียสติอยู่ หลังจากตรวจดูดีแล้วว่าไม่มีใครอยู่แถวนั้นแล้วเธอก็คาดคั้นถาม “ซย่าซย่า บอกความจริงฉันมาเลยนะ มันอะไรกันระหว่างเธอกับเซิ่งอี่เจ๋อ! ฉันถามเจ้าคังจอมซื่อบื้อไปเมื่อวันก่อน แต่หมอนั่นก็ตอบอะไรไม่ได้รู้เรื่องเลย… พวกเธอสองคนไม่ได้รักกันใช่ไหม”
“ไม่มีวันเป็นอย่างนั้นไปได้หรอกน่า!” อันซย่าซย่าส่ายหน้า หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็ตัดสินใจว่าจะบอกความจริงกับซูเสี่ยวมั่ว
หญิงสาวเบาเสียงลง “เอ่อ… สามคนนั้นน่ะมาเช่าชั้นสามของบ้านฉันอยู่ เพื่อความสะดวก แล้วก็เพื่อเหตุผลบางอย่างน่ะ คือฉัน…ติดหนี้เขาอยู่ ดังนั้นก็เลยต้องจ่ายหนี้ด้วยการเป็นผู้ช่วยให้เขา เรายังเซ็นสัญญากันด้วยนะ…”
ซูเสี่ยวมั่วตะลึงไปกับข่าวนั้น “ให้ตายเถอะ! หมายความว่าเธอใช้ชีวิตอยู่กับเซิ่งอี่เจ๋อและสองคนที่เหลือด้วย!”
“อย่าเสียงดังไปสิ!” อันซย่าซย่าห้ามเธอทันที “แค่นั้นแหละ! นี่ฉันเริ่มวาดฝันแล้วด้วยนะ! สาวน้อยน่ารักคนนี้กำลังจะได้พบกับโอปป้าหรงเช่อตัวเป็นๆ ฮ่าๆๆ!”
ซูเสี่ยวมั่วยืนพึมพำพูดกับตัวเอง โลกนี้มันบ้าบอกันไปหมดแล้วหรือไง
เธอเดินออกจากห้องน้ำด้วยความงุนงง และคลาดกับเด็กสาวผมยาวซึ่งกำลังเดินออกมาจากห้องน้ำห้องในสุด
หลีชั่นซิงกำโทรศัพท์มือถือในมือไว้แน่น ใบหน้าซีดเผือดไร้สีสันใดๆ และนั่นยิ่งทำให้สีหน้าท่าทางของเธอยิ่งดูน่ากลัวเข้าไปอีก นอกจากความเย็นชาและเก็บเนื้อเก็บตัวที่มีอยู่เดิม
ตั้งแต่เช้ามาตะคริวเล่นงานเธออย่างสาหัส การต้องเสแสร้งทำตัวเป็นคนดีและเก็บงำตัวตนที่แท้จริงเอาไว้ เธอยอมทรมานอยู่ตามลำพังในห้องน้ำมากกว่าต้องเปิดเผยให้คนอื่นรู้
แต่ไม่เคยคิดเลยว่า…จะมาได้ยินความลับบางอย่าง
เหอะๆ … มิน่าล่ะเซิ่งอี่เจ๋อถึงคอยเฝ้าดูอันซย่าซย่า
พวกเขาอยู่บ้านเดียวกันสินะ
อันซย่าซย่าตั้งใจสุดๆ เพื่อไอดอลผู้เป็นที่รักของเธอ
เมื่อเซิ่งอี่เจ๋อกลับมาถึงห้องเรียน ก็เห็นว่าแทนที่เธอจะนั่งเล่นมือถือหรืองีบหลับ แต่อันซย่าซย่ากลับก้มหน้าก้มตาง่วนอยู่กับสมุดแบบฝึกหัด ดูท่าทางขยันหมั่นเพียรมากๆ
แต่ถึงจะพยายามแล้วก็ตาม หลังจากที่ชำเลืองมองสมุดงานของเธอ เซิ่งอี่เจ๋อก็เห็นว่าไม่ได้มีผลอะไรในการพัฒนาความถูกต้องนั้นเลย
เอาน่ะ อย่างน้อยที่สุดใจเธอก็ไม่ได้คิดถึงรักวัยกระเตาะแล้วละนะ
ฮึ เธอน่าจะดีขึ้นกว่านี้มากถ้าใช้เวลากับกลุ่มเพื่อนๆ อย่างเจ้าคนนั้นน้อยลง สมองจิ๋วๆ ของเธอคงยังไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลยมั้ง ถึงแม้จะถูกขายส่งไปอยู่หมู่บ้านตามขอบชายแดน เธอคงจะช่วยเขานับเงินอย่างมีความสุขด้วยซ้ำ
อันซย่าซย่าทำเสร็จไปหน้าหนึ่งก่อนส่งสายตาสิ้นหวังมายังเซิ่งอี่เจ๋อ “ฉันแก้ปัญหาข้อนี้ไม่เป็น…”
เซิ่งอี่เจ๋อเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง ดึงความคิดกลับมายังสมุดแบบฝึกหัดและค่อยๆ อธิบายให้เธอฟังอย่างใจเย็นสองสามรอบ
เมื่อช่วงพักกลางวันสิ้นสุดลง เหล่านักเรียนก็ทยอยพากันกลับเข้าห้องเรียนกลุ่มละสองคนบ้าง สามคนบ้าง แต่หลังจากได้เห็นว่าเซิ่งอี่เจ๋อกำลังติวให้อันซย่าซย่า ทั้งหมดต่างก็จ้องมองจนตาแทบจะถลน
อุ๊ยตาย! เกิดอะไรขึ้นน่ะ
เจี่ยนซินเอ๋อร์กัดฟันกรอด เธอเดินมาหาทั้งสองคนพร้อมกับสมุดแบบฝึกหัดในมือ ก่อนส่งยิ้มสวยๆ ให้เซิ่งอี่เจ๋อ “เซิ่งอี่เจ๋อ ช่วยสอนฉันแก้โจทย์ข้อนี้หน่อยสิ”
แทนที่จะเรียกเขาว่ากัปตันอี่เจ๋อ เธอเลือกที่จะเรียกชื่อเขาในฐานะเพื่อนนักเรียนคนหนึ่ง
ในเมื่อเขาสอนอันซย่าซย่าได้ เขาคงไม่กล้าปฏิเสธเธอต่อหน้าคนมากมายหรอกใช่ไหมล่ะ
เจี่ยนซินเอ๋อร์ดำเนินเรื่องในหัวของเธออย่างมีความสุข แต่ไม่เคยคาดคิดเลยว่าเซิ่งอี่เจ๋อจะนิ่วหน้าพลางตอบกลับเธอด้วยคำถาม “ทำไมถึงได้เอาโจทย์นี้มาถามฉัน”
รอยยิ้มของเจี่ยนซินเอ๋อร์ชะงักอยู่บนใบหน้า “เธอเองก็เก่งอยู่แล้ว…”
เซิ่งอี่เจ๋อยิ้ม “ข้อนั้นน่ะมันเป็นโจทย์ง่ายๆ … มาตรฐานการรับคนเข้ามาของโรงเรียนฉีซย่ามันต่ำลงหรือยังไงกันนะเดี๋ยวนี้”
“ฮ่าๆๆๆ”
นักเรียนคนอื่นๆ พากันหัวเราะเยาะ
ด้วยความอับอาย เจี่ยนซินเอ๋อร์ชี้นิ้วใส่อันซย่าซย่าอย่างโกรธเคือง “ยัยโง่นั่นก็ทำไม่ได้เหมือนกัน! ทำไมนายถึงสอนเธอล่ะ”