อันซย่าซย่ากลอกตาใส่พี่ชายก่อนตอบปฏิเสธเซียวเหยี่ยนด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ขอโทษด้วย ฉันไปกับนายไม่ได้หรอก ฉันต้องทบทวนบทเรียนน่ะ”
หลังจากนั้นเธอก็วางสายไป
ตอนนั้นเอง เธอก็เห็นว่าทุกคนที่รายล้อมโต๊ะอาหารกำลังพากันจ้องมองเธอด้วยสีหน้าแปลกๆ
อันซย่าซย่าทานมื้อค่ำอย่างรีบเร่ง ไม่สนใจรายการทีวีรายการโปรดจากนั้นก็ลุกขึ้นยืนพร้อมประกาศกร้าว “จะไปทบทวนบทเรียนแล้วนะ! อย่ารบกวนล่ะ!”
ความเงียบเข้าครอบงำคนทั้งโต๊ะอีกรอบ
อันอี้เป่ยพูดด้วยสีหน้าเฉยๆ “ป๊า ป๊าควรไปตรวจอาการซย่าซย่าหน่อยนะ ผมคิดว่าสมองเขาคงมีอะไรผิดปกติ”
“เอ๊ะ! พี่นั่นแหละที่เป็นบ้า!” อันซย่าซย่าเบะปาก “มันแปลกตรงไหนที่หนูอยากจะตั้งใจเรียน”
“ยิ่งได้ยินเธอพูดแบบยิ่งแสดงว่าอาการอะไรก็ตามที่เธอเป็นน่ะมันเกินเยียวยาแล้ว” อันอี้เป่ยประสบความสำเร็จในการแทงใจดำด้วยคำพูดประชดประชันของเขา
อันซย่าซย่ายกมือขึ้นกุมหัวใจก่อนจะเดินกลับไปที่ห้อง
ป่าป๊าอันยิ้มอย่างเป็นกันเอง “ป๊าเห็นว่าเดี๋ยวนี้ซย่าซย่าดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นนะ”
เซิ่งอี่เจ๋อวางชามข้าวลง “ผมจะไปติวหนังสือให้เธอครับ”
“อี่เจ๋อ ลุงขอฝากซย่าซย่าไว้ในมือเธอนะ!” ป่าป๊าอันขอบใจเขาด้วยความซาบซึ้งใจ ชายหนุ่มเบะปากก่อนสาวเท้าเดินไปยังห้องของอันซย่าซย่า
เขานั่งลงข้างๆ เธอและเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ขณะที่เธอกำลังแก้โจทย์อยู่ “เธอคิดกับเจ้าหมอนั่นยังไงบ้าง”
“หมอไหน” อันซย่าซย่างง
“ก็คนที่ชวนเธอไปดูหนังยังไงล่ะ”
“อ๋อ… ก็ดีนะ เขาก็หล่อดี อารมณ์ดีแล้วก็ได้ยินว่าเขาเรียนเก่งด้วย คิดว่าเขาเป็นประธานนักเรียนด้วยนะ…” อันซย่าซย่าพรรณนาคุณงามความดีของเซียวเหยี่ยนพร้อมกับทำท่านับนิ้วไปด้วย
เมื่อเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง เธอก็เห็นว่าใบหน้าของเขามืดทะมึนยิ่งกว่าพายุฝนเสียอีก
“นายหน้าตาไม่ดีเลย ไม่สบายหรือเปล่า” อันซย่าซย่าเอื้อมมือไปแตะหน้าผากเขา พยายามตรวจดูว่าเขามีไข้ไหม
เซิ่งอี่เจ๋อปัดมือเธอออกด้วยใบหน้าบึ้งตึง “กลับไปทบทวนต่อเลย”
อันซย่าซย่าพ่นลมออกจมูกพรืดก่อนจะกลับไปตั้งอกตั้งใจทำแบบฝึกหัด
–
จากความทุ่มเทในการติวของเซิ่งอี่เจ๋อบวกกับความพยายามของอันซย่าซย่าเอง เกรดที่ออกมาของเธอก็แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการที่เยี่ยมยอดในการสอบย่อยสองครั้งต่อมา
แล้วไม่นานก็ถึงวันสอบจริง
ป่าป๊าอันเตรียมอาหารเช้าดีๆ ไว้สำหรับทุกคน ระหว่างที่เซิ่งอี่เจ๋อกับคนอื่นๆ กำลังนั่งทานอย่างเงียบๆ อยู่นั้น อันซย่าซย่าก็วิ่งถลาลงมาจากห้องนอน
“นอนเพลินอีกแล้วละสิ” อันอี้เป่ยแขวะ
อันซย่าซย่าไม่มีอารมณ์ทะเลาะกับพี่ชาย เธอหยิบเอาโทรศัพท์ออกมาวางลงบนโต๊ะกินข้าว จากนั้นก็พนมมือเข้าด้วยกันแล้วเริ่มสวดอะไรพึมพำๆ
เซิ่งอี่เจ๋อนั่งติดกับเธอ เขาเหลือบมองไปที่โทรศัพท์ของหญิงสาวแล้วก็เบะปากข้างหนึ่ง
เธอกำลังสวดภาวนาต่อบุคคลสำคัญทั้งหลาย ตั้งแต่ขงจื๊อ เม่งจื๊อ เรื่อยไปจนถึงนิวตันเลยทีเดียว มิหนำซ้ำยังมีรูปหรงเช่อรวมอยู่ในนั้นด้วย!
“ไสยศาสตร์ไม่ช่วยอะไรหรอกนะ” เซิ่งอี่เจ๋อพูดด้วยน้ำเสี่ยงหมิ่นๆ
อันซย่าซย่ายิ้มด้วยรอยยิ้มหยาดเยิ้ม “ไม่ช่วยหรอก แต่โอปป้าหรงเช่อของฉันจะอวยพรให้!”
เซิ่งอี่เจ๋อมองเธอด้วยสีหน้าเมินเฉย
ทั้งสี่คนค่อนข้างสายแล้ว ดังนั้นอันซย่าซย่าจึงติดรถไปโรงเรียนพร้อมกับเซิ่งอี่เจ๋อและอีกสองคน
เธอลงรถที่ด้านนอกโรงเรียนก่อนจะทำสัญญาณมือบอกพวกเขา “ฉันลงไปก่อนนะ พวกนายก็รอตรงนี้ก่อนเดี๋ยวนึง”
เหอจยาอวี๋ยิ้มอย่างอ่อนโยน “ได้”
อย่างไรก็ตาม เขารู้สึกว่าคนข้างๆ เขาขยับตัวในทันที— เซิ่งอี่เจ๋อลงจากรถและก้าวยาวๆ ตามหลังร่างนั้นไป
นั่นมัน…
เหอจยาอวี๋ส่ายหน้าและลงจากรถด้วย ในตอนนั้นเอง ใครบางคนก็ฟาดเขาเข้าที่แผ่นหลัง “เฮ้! เหอจยาอวี๋”
พลั่ก—
เหอจยาอวี๋อดกลั้นกับแรงกระตุ้นที่จะกระแอมออกมา เขารู้สึกว่าตัวเองกำลังเริ่มเหงื่อตกเมื่อหันหลังมาพบกับรอยยิ้มอันสดใสของซูเสี่ยวมั่ว