อย่างไรก็ตาม น้ำเสียงภูมิฐานที่ปลายสายอีกฝั่งนั้นเป็นเสียงของอาจารย์ใหญ่แน่นอน ซึ่งประกาศให้รู้ว่าอาจารย์หนุ่มนั้นเพิ่งถูกโรงเรียนให้ออก และสามารถดำเนินการตามขั้นตอนการออกได้โดยไม่จำเป็นต้องอธิบายเหตุผลเพิ่มเติม
“มันเกิดอะไรขึ้นนี่” อาจารย์ชายคนนั้นมองฉีเหยียนซีด้วยความไม่อยากเชื่อ
ฉีเหยียนซีหมุนปากกาที่เอามาจากนักเรียนคนอื่นเล่นก่อนยักไหล่อย่างใสซื่อ “ครูเข้าใจผมนะ บางทีอาจจะเป็นเพราะท่าทางครูก็ได้นะครับ บางคนเขาก็คงแค่ไม่ชอบให้ครูอยู่ใกล้ๆ พวกเขาน่ะ”
ริมฝีปากของอาจารย์ชายคนนั้นสั่นระริกขณะที่ใบหน้าซีดเผือดไม่มีสีเลือดเลย
อันซย่าซย่าตาเบิกโตมองดูครูคนนั้นเดินออกจากห้องเรียนไป ร่างสั่นเทิ้มอย่างรุนแรง หัวหน้าหมวดฝ่ายปกครองพยายามปลอบใจเขาทว่าก็มีการสอบที่เขาต้องดูแล สุดท้ายแล้วเขาได้แต่กัดฟันและไม่ได้ตามอาจารย์หนุ่มคนนั้นไป
เธอรีบหันกลับไปจ้องหน้าฉีเหยียนซีเขาผิวปากตอบกลับเธอ “อะไร ชอบฉันเหรอ “
อันซย่าซย่าพูดไม่ออก เธอจะไปตกหลุมรักกับคนร้ายกาจแบบนี้ได้ยังไงกัน!
ปีศาจ! นั่นคือสิ่งที่เขาเป็นล่ะ!
เธอพยายามควบคุมความคิดของตัวเองและกลับมาจดจ่ออยู่กับกระดาษข้อสอบ จากนั้นก็เขียนคำตอบลงไปอย่างเงียบๆ
อย่างไรก็ตาม สายตาเย็นชาที่กำลังมองจ้องมายังแผ่นหลังของเธอเตือนให้เธอนึกถึงงูพิษและแทบทำให้สติแตก แม้แต่โจทย์คำถามที่เธอสามารถทำได้ก็กลับดูแปลกประหลาดสำหรับเธอ
พลั่ก—
อยู่ๆ ฉีเหยียนซีก็เตะเก้าอี้ของเธออย่างแรง หญิงสาวร้องตกใจจนทำให้อาจารย์หัวหน้าหมวดฝ่ายปกครองตำหนิ “ห้ามฝ่าฝืนระเบียบห้องสอบ! ใครก็ตามที่ไม่ต้องการสอบเชิญออกไปได้!”
ถ้าหากนี่ไม่ใช่วันสอบแล้ว อันซย่าซย่าคงจะเดินออกจากห้องไปแล้ว แต่อย่างไรก็ตามเมื่อคิดถึงการจะได้ไปกองถ่ายกับเซิ่งอี่เจ๋อถ้าคะแนนสอบของเธอติดห้าร้อยคนแรกของชั้นปี เธอก็ได้แต่กัดฟันแล้วทำข้อสอบต่อไปด้วยนิ้วสั่นเทา
เพราะฉีเหยียนซีคอยรบกวนเธออยู่เรื่อยๆ อันซย่าซย่ารู้สึกว่าแผ่นหลังของเธอเต็มไปด้วยเหงื่อเย็นๆ เธอแทบไม่สามารถตอบข้อสอบได้ครบทุกข้อและไม่สามารถทนอยู่ต่อเพื่อตรวจทานคำตอบได้ หลังจากยื่นกระดาษคำตอบแล้ว หญิงสาวก็รีบออกจากห้องสอบ
หมอนั่น… นิสัยแย่มาก…
เซิ่งอี่เจ๋อส่งกระดาษข้อสอบของเขาตามหลังเธอ
เมื่อเห็นอย่างนั้นฉีเหยียนซีก็ส่งคำตอบด้วยเช่นกัน
ทั้งสองคนเดินมาหาอาจารย์หัวหน้าหมวดฝ่ายปกครองทีละคน จนอาจารย์รู้สึกถึงแรงกดดันที่ตัวเขา
ชายหนุ่มทั้งสองต่างก็ไม่ยอมลดราวาศอกที่จะแสดงให้เห็นถึงอำนาจของอีกฝ่าย คนหนึ่งนั้นดูสันโดษ สงบนิ่งและมีเหตุผล ขณะที่อีกคนหยิ่งยโสและอวดดี
ในตอนที่รับกระดาษคำตอบมา เขาอดที่จะถอนหายใจออกมาไม่ได้
แผ่นหนึ่งเต็มไปด้วยลายมือเขียนอธิบายและจากการดูคร่าวๆ เขาก็เห็นว่าคำตอบถูกทั้งหมด
ส่วนอีกแผ่น… กลับมีแต่ความว่างเปล่า!
ฉีเหยียนซีกลับกลายเป็นดูร้ายกาจกว่าที่เคยเป็นเมื่อสองปีก่อนเสียอีก!
เมื่อเดินออกมาจากห้องสอบแล้ว เซิ่งอี่เจ๋อก็เห็นอันซย่าซย่าในทันที เธอกำลังยืนหอบหายใจอยู่ข้างแปลงดอกไม้ เขานิ่วหน้า กำลังจะเดินไปหาเธอ แต่กลับมีแขนยาวๆ คู่หนึ่งขวางทางเอาไว้
“จะไม่พูดอะไรกับเพื่อนเก่าสักหน่อยหรือไง” นอกจากรอยยิ้มบนใบหน้าแล้ว แววตาของฉีเหยียนซีนั้นเย็นชายิ่งกว่าเกล็ดน้ำแข็งในฤดูหนาวเสียอีก
เซิ่งอี่เจ๋อจ้องเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่ายครู่หนึ่งก่อนจะหัวเราะอย่างเย็นชาเช่นกัน “ผ่านไปหลายปี นายก็ยังยั่วโมโหคนได้แย่เหมือนเคย”
ใบหน้าของฉีเหยียนซีคล้ำเข้มขึ้น เขากำมือเป็นกำปั้นโดยไม่รู้ตัว
เซิ่งอี่เจ๋อพูดต่อด้วยน้ำเสียงไม่แยแส “ทำตัวให้มันดีๆ หน่อยในการสอบครั้งต่อไป ถ้านายไม่อยากลงเอยด้วยการโดนเก้าอี้ฟาดหัว” แล้วชายหนุ่มก็เดินก้าวยาวๆ จากไปก่อนจะพูดทิ้งท้ายตามหลัง “ยังไงซะ มันก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่นายพ่ายแพ้ต่อฉัน”
“แ-งเอ๊ย!” ฉีเหยียนซีสบถเบาๆ พลางมองดูเซิ่งอี่เจ๋อเดินไปหาอันซย่าซย่า เขาลูบหัวหญิงสาวพลางถาม “นี่ ทำข้อสอบเสร็จหมดหรือเปล่าก่อนจะส่งน่ะ”
อันซย่าซย่าเงยหน้ามองเขา นัยน์ตาทั้งสองข้างเปียกชื้นไปด้วยน้ำตา
“เซิ่งอี่เจ๋อ แค่คิดว่าจะไม่ได้พบกับโอปป้าหรงเช่อ ฉันก็แทบขาดใจ…”
เซิ่งอี่เจ๋อนิ่งเงียบไปอึดใจก่นอจะตะคอกใส่เธอด้วยความโมโห “อันซย่าซย่า เธอนี่ไม่ไหวเลยจริงๆ”