อันซย่าซย่าส่ายหน้าอย่างจริงจังพลางกัดเล็บ “ฉันไม่มีความหวังอื่นแล้วนอกจากโอปป้าหรงเช่อ”
เซิ่งอี่เจ๋อสาบานเลยว่าสักวันหนึ่งเธอคงทำให้เขาเส้นเลือดในสมองแตก
“ยัยโง่!”
“ดูถูกฉันอีกแล้วนะ! เซิ่งอี่เจ๋อเรามาดวลกันอย่างลูกผู้ชายเลย! สุภาพบุรุษยอมตายไม่ยอมเสียเชิง!” หญิงสาวถลกแขนเสื้อขึ้น อันซย่าซย่าก้าวขึ้นไปบนแปลงดอกไม้ซึ่งเธอสามารถใช้มันเป็นฐานเพื่อให้ได้เปรียบเรื่องความสูงและก้มลงมองเซิ่งอี่เจ๋อ
ชายหนุ่มยิ้มอย่างล้อเลียน ถึงตอนนี้อันซย่าซย่าจะสูงกว่าเขา แต่นั่นไม่ได้ส่งผลอะไรต่อท่าทางสง่าผ่าเผยของเขาเลยสักนิด เธอกลับเป็นฝ่ายที่ต้องล่าถอย
“รู้แล้วว่าเก่งสุภาษิต เพราะงั้นข้อสอบวิชาภาษาจีนก็อย่าให้กระดาษว่างล่ะ!” เซิ่งอี่เจ๋อเดินโกรธๆ จากไปหลังจากเตือนเธอ
ฉีเหยียนซีเฝ้าดูปฏิสัมพันธ์ของทั้งคู่
งั้น… เขาคาดการณ์ได้อย่างถูกต้อง เด็กสาวคนนี้เป็นคนพิเศษสำหรับเซิ่งอี่เจ๋อ…
ความสามารถในการทำให้คนไร้ความรู้สึกอย่างเซิ่งอี่เจ๋อรำคาญใจได้นั้น เกือบจะเรียกได้ว่าเป็นพลังพิเศษเชียวละ
เด็กหนุ่มเดินเข้าไปหาเธออย่างช้าๆ เมื่ออันซย่าซย่าหันกลับมาเห็นเขาเข้า สีหน้าเธอก็เปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน เธอรีบกระโดดลงจากแปลงดอกไม้ก่อนจะรีบวิ่งหนีไป
ฉีเหยียนซีเบ้ปาก— จำเป็นต้องทำท่าเหมือนลูกนกขี้ตกใจขนาดนั้นเชียวเหรอ
เขาออกจะเป็นคนน่ารัก ทำไมเธอถึงได้วิ่งหนีเขาอย่างนั้นล่ะ
เมื่อเหลือบมองไปยังทิศทางที่เธอวิ่งไป มุมปากเขาก็กระตุกแรงขึ้นไปอีก
เอาจริงน่ะ แม่คนนั้นวิ่งหนีเข้าห้องน้ำผู้หญิงเลย
เธอคิดว่าว่าเขาเป็นพวกโรคจิตที่คิดทำร้ายผู้หญิงหรือยังไงกัน
ช่างไม่รู้อะไรเสียเลย สำหรับอันซย่าซย่าแล้วเขาเทียบได้กับตัวอันตรายร้ายแรงเลยทีเดียว
หญิงสาวซ่อนตัวอยู่ในห้องน้ำจนกระทั่งใกล้จะเริ่มสอบวิชาถัดไป นั่นเองเธอจึงละล้าละลังเดินออกมาและกลับไปเข้าห้องสอบ
คราวนี้ดูเธอจะรับมือกับฉีเหยียนซีได้ดีขึ้น และอันซย่าย่าสามารถทำข้อสอบได้ตามปกติ
เธอตอบได้ทุกคำถาม ตรวจทานคำตอบ ก่อนจะส่งกระดาษข้อสอบ
ด้านนอกห้อง คังเจี้ยนและซูเสี่ยวมั่วยืนรอเธออยู่แล้ว— ทั้งสามคนไม่ได้สอบห้องเดียวกัน
ซูเสี่ยวมั่วสอบได้อันดับสูงสุดในจำนวนทั้งสามคน ดังนั้นจึงเข้าใจได้ว่าเธอจะส่งข้อสอบก่อนใครเพื่อน แต่ทำไมคังเจี้ยนคนหัวทึบถึงได้ส่งข้อสอบก่อนเหมือนกันล่ะ
“ว้าว คังเพี้ยน สอบเสร็จไวเชียวนะ! ข้อสอบกากบาทตอบอะไรบ้างน่ะ” อันซย่าซย่าถามอย่างอยากรู้
คังเจี้ยนเกาศีรษะตัวเอง “จำไม่ได้หรอก ฉันโยนลูกเต๋าเสี่ยงทายคำตอบเอาน่ะ!”
อันซย่าซย่า : “…”
“อย่าไปสนใจเขาเลย ตรงนี้เขาไม่ปกติน่ะ” ซูเสี่ยวมั่วชี้ไปที่ขมับของเธอจากนั้นจึงลากตัวอันซย่าซย่าไปทานข้าวเที่ยง คังเจี้ยนร้องตามทั้งสองสาวไปพลางกล่าวหาว่าซูเสี่ยวมั่วขโมยตัวหวานใจวัยเด็กของเขาไป
เมื่อเซิ่งอี่เจ๋อรวบรวมข้าวของแล้วเดินออกมา เขาก็เจอกับเรื่องที่ไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมากนั่นคืออันซย่าซย่าหายตัวไปเสียแล้ว
ยัยจิ๋วจอมซื่อบื้อเอ๊ย
ฉีเหยียนซีเดินฮัมเพลงตามหลังเขาออกมา “เซิ่งอี่เจ๋อ เมื่อไหร่จะสะสางบัญชีกับฉันสักที ตอนนั้นนายยังติดหนี้ฉันอยู่นะ…”
เซิ่งอี่เจ๋อขัดจังหวะเขากลางคันก่อนที่จะทันได้พูดจนจบประโยค “ขอโทษนะ แต่ฉันไม่คิดว่าเรารู้จักกันดีจนถึงขั้นจะคุยเล่นกันได้”
ฉีเหยียนซีคาดไม่ถึงจากนั้นก็หัวเราะอย่างโกรธๆ “นายต้องเป็นอะไรสักอย่างแน่ๆ เซิ่งอี่เจ๋อ ฉันเห็นว่านายไม่ได้เป็นแค่นักร้องดัง แต่ยังเป็นนักแสดงชั้นเยี่ยมด้วย…”
เซิ่งอี่เจ๋อไม่ใส่ใจถ้อยคำประชดประชันของเขา ชายหนุ่มเอามือทั้งสองข้างล้วงกระเป๋าและเดินผละไป
ฉีเหยียนซีไม่พอใจก่อนจะตะโกนไล่หลังเขา “นายหนีฉันไม่ได้หรอก! รอดูไปเถอะ เราจะได้เจอกันอีกในไม่ช้านี้! ฉันจะทำให้นายต้องชดใช้ทุกอย่างที่ติดค้างฉันไว้!”
เซิ่งอี่เจ๋อชะงักเล็กน้อยกับคำพูดเหล่านั้น แต่แล้วก็เดินต่อไปด้วยจังหวะคงเดิมจนลับตาไป
ฉีเหยียนซีฮีดฮัดด้วยความโมโห เขากำหมัดแน่นจนเส้นเลือดบนหลังมือปูดนูนขึ้นมา
หลี่ชั่นซิงบังเอิญเดินผ่านมาในจังหวะนั้นพอดี เธอหยุดในทันทีที่เห็นฉีเหยียนซี
ทำไม… เขากลับมาแล้วหรือ