สีหน้าสับสนและตะขิดตะขวงใจแวบผ่านเข้ามาบนสีหน้า เธอสะดุดล้มลง นักเรียนที่เดินผ่านมามีน้ำใจยื่นมือมาดึงเธอพลางเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง “เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”
“ไม่ ฉันไม่เป็นไร” หลี่ชั่นซิงส่ายหน้า พยายามเดินหนีไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เธอไม่อยากให้ฉีเหยียนซีเจอ
แต่อย่างไรก็ตาม การสนทนาของเธอก็เรียกความสนใจจากเด็กหนุ่ม เขาหันมาเห็นใบหน้าซีดเผือดของหลี่ชั่นซิง
ฉีเหยียนซีเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งก่อนก้าวยาวๆ เพียงไม่กี่ก้าวก็ถึงตัวเธอ
หลี่ชั่นซิงตัวสั่นอย่างควบคุมไม่ได้และพยายามหนีออกไปจากตรงนั้น ทว่าฉีเหยียนซีคว้าแขนเธอเอาไว้ได้ทัน
“ชั่นซิง ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ จะหลบหน้าฉันทำไม” รอยยิ้มบนใบหน้าชายหนุ่มดูชั่วร้าย
หลี่ชั่นซิงพยายามตั้งหลักและฝืนยิ้ม “นายน้อยฉี นายไม่ได้อยู่เมืองนอกหรอกเหรอ ฉันไม่รู้ว่านายกลับมาแล้ว”
“ฉันคิดว่าเธอไม่อยากให้ฉันกลับหรอก” ฉีเหยียนซีตอบ แววตาเป็นประกายอันตราย เขาพูดช้าๆ “ฝากทักทายพี่สาวเธอแทนฉันด้วยนะ อย่าลืมล่ะ”
โรงอาหาร
อันซย่าซย่าเขี่ยข้าวในชามเล่นไปมาอย่างไม่สนใจไยดี ระหว่างที่คังเจี้ยนที่นั่งข้างๆ กำลังตะกุยข้าวสองชามใหญ่ๆ เข้าปาก เมื่อเห็นว่าเธอไม่กินข้าว เขาก็พึมพำโดยมีข้าวอยู่เต็มปาก “ซย่าซย่า เมียจ๋า ทำไมเธอไม่กินล่ะ”
ก่อนที่อันซย่าซย่าจะทันได้ตอบอะไร ช้อนของซูเสี่ยวมั่วก็ฟาดเข้าที่หน้าผากเขา “เจ้าโง่! ฉันบอกกี่ครั้งกี่หนแล้วว่าไม่ให้เรียกยัยบื้อซย่าซย่าว่าเมียนาย! นายมันงี่เง่าส่วนเขาก็บื้อตื้อ เด็กที่เกิดมาจะน่าสงสารขนาดไหนถ้าเธอสองคนลงเอยกัน!”
ดูเหมือนคังเจี้ยนจะใช้สมองคิดนิดหนึ่ง “ก็ไม่เชิงนะ ลบกับลบรวมกันเป็นบวก ดังนั้นลูกของเราก็จะฉลาดมาก ใช่ไหมซย่าซย่าเมียจ๋า”
“ไอ้คังเพี้ยน! ขืนพูดอีกคำเดียว ฉันจะยัดข้าวใส่รูจมูกนายเลย!” อันซย่าซย่าคำรามใส่ จากนั้นก็หันไปหาซูเสี่ยวมั่วอย่างเศร้าสร้อย “เธอพูดแทงใจดำฉันอีกแล้วนะ แต่ฉันก็จะยกโทษให้เธอเหมือนทุกๆ ครั้ง…”
ซูเสี่ยวมั่วยกมือขึ้นปิดปากพลางหัวเราะอยู่ในใจ แล้วก็นึกถึงหนุ่มหล่อสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวเมื่อเช้านี้ได้จึงขยับเข้าไปใกล้ๆ อันซย่าซย่าพร้อมกับดวงตาอันเป็นประกาย “ยัยบื้อซย่าซย่า เหอจยาอวี๋มีแฟนหรือยัง”
“มันเรื่องส่วนตัวของเขา ฉันไม่รู้หรอก” หญิงสาวยังคงคุ้ยข้าวไปมา
“โหย พวกเธออยู่ด้วยกันทั้งหมดไม่ใช่เหรอ เขาโทรคุยกับผู้หญิงตลอดเวลาหรือเปล่า หรือว่าพิมพ์แชตคุย” ซูเสี่ยวมั่วยังถามต่อ
“ไม่คิดว่ามีนะ…”
ได้ยินอย่างนั้นใบหน้าของซูเสี่ยวมั่วสดใสขึ้นแล้วเธอก็ตบโต๊ะ “คอยดูนะ! ฉันจะพิชิตใจเหอจยาอวี๋ให้ได้!”
อันซย่าซย่าและคังเจี้ยนพากันมองเธอ คิดว่าเธอคงเสียสติไปแล้ว
“ให้ตายสิ! สีหน้าแบบนั้นนั่นแปลว่าอะไร พวกเธอไม่คิดจะอวยพรให้เพื่อนโชคดีในความรักที่กำลังจะมาเยือนนี้เลยเหรอ” ซูเสี่ยวมั่วกลอกตา
“ระหว่างเธอกับฉัน… เอ่อ ความเป็นไปได้ที่เธอจะได้คบกับเหอ… อ้อ เหอจยาอวี๋น่ะมันต่ำเตี้ยกว่าการที่ฉันกับซย่าซย่าจะมีลูกแฝดกันซะอีกนะ”
“พอได้แล้ว! ฉันจะไม่มีลูกกับนาย! ต่อให้อีกล้านปีก็ตาม!” อันซย่าซย่ารัวกำปั้นเล็กๆ ของเธอใส่คังเจี้ยนไม่ยั้ง
ระหว่างนั้นเอง เด็กสาวปีสามหลายคนที่โต๊ะข้างๆ ก็แอบกระซิบกระซาบกันเบาๆ
“พระเจ้าช่วย ฉีเหยียนซีกลับมาแล้วจริงๆ! เขาไล่อาจารย์ที่คุมสอบห้องหกออกตรงนั้นเลย!”
“หืม… ยังเป็นคนเดิมไม่เปลี่ยนไปเลย ฮ่าๆ เขาร้ายแต่ฉันชอบนะ”
“ฉันก็เหมือนกัน อยากเป็นแฟนเขาเหมือนกัน…”
เด็กผู้หญิงที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆ อีกฝั่งได้ยินเรื่องนี้เข้าก็ถึงกับทำช้อนหลุดมือ พอมองไปรอบๆ เธอก็เห็นอันซย่าซย่า
ถ้าเธอจำไม่ผิดละก็ อันซย่าซย่าก็อยู่ในห้องหกนี่นา…
อันซย่าซย่ายังคงทะเลาะอยู่กับคังเจี้ยนเสียงดังโหวกเหวก พลันจู่ๆ ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาหาพวกเธออย่างเขินๆ “สวัสดี เธอคืออันซย่าซย่าใช่ไหม”