อันซย่าซย่าหยุดทะเลาะพลางมองดูเด็กสาวคนนั้นอย่างสับสน
เด็กสาวมีลักษณะท่าทางบอบบาง ผิวขาวและใบหน้าครึ่งหนึ่งถูกซ่อนไว้ภายใต้ผมยาวสลวยและแว่นตากรอบสีดำ เธอมีภาพของความเป็นเด็กเนิร์ดที่แหยๆ หน่อย
“เอ่อ… สวัสดี” อันซย่าซย่าคิดว่าผู้หญิงคนนี้ดูคุ้นๆ แต่ก็นึกชื่อเธอไม่ออกหลังจากพยายามเค้นสมอง
ซูเสี่ยวมั่วเข้ามาช่วยไว้ได้ทันเวลา “มู่หลี มีอะไรจะถามซย่าซย่าเหรอ”
อันซย่าซย่าจำชื่อเธอได้แล้ว
มู่หลีเป็นนักเรียนชั้นหัวกะทิของห้องเธอเลย แต่อย่างไรก็ตามเธอเป็นคนหงิมๆ มีนิสัยขี้ลืม เป็นคนประเภทที่ไม่ค่อยเป็นที่จดจำเท่าไหร่— ไม่แปลกใจเลยที่ซย่าซย่าจะจำชื่อของเธอไม่ได้
“เอ่อ… ฉันแค่อยากจะถามว่า เธอสอบอยู่ในห้องหกใช่ไหม” มู่หลีถามอย่างกระมิดกระเมี้ยน
“ใช่”
“ถ้าอย่างนั้น เธอเห็นผู้ชายที่ตัวสูงมากๆ แล้วก็หล่อมากๆ …” มู่หลีชะงักไปนิดหนึ่งก่อนจะเค้นชื่อนั้นออกมาด้วยความลำบากใจ “เขาชื่อฉีเหยียนซี”
อันซย่าซย่าตอบอย่างโมโห “พนันเลย! ไอ้โรคจิตนั่น! ไอ้ปีศาจร้าย! ไอ้บ้าห้าร้อย…”
ได้ยินดังนั้นใบหน้าของมู่หลีก็ซีดสลดลง
อันซย่าซย่าก่นด่าไม่หยุดแต่ก่อนที่เธอจะหยุดเว้นช่วงเพื่อหายใจนั้น น้ำเสียงเปี่ยมเสน่ห์แบบร้ายๆ ก็ดังขึ้นเบื้องหลังเธอ “ขอโทษนะ แต่เธอไม่ได้ถูกสอนมาหรือไง ว่าไม่ให้พูดจาว่าร้ายคนอื่นลับหลังน่ะ”
อันซย่าซย่ารู้สึกเลยว่าขนอ่อนๆ บนแผ่นหลังลุกชัน เธอหมุนตัวกลับมาก็พบกับใบหน้าที่กำลังยิ้มกว้างของฉีเหยียนซีหญิงสาวถึงกับผงะถอยหลังด้วยความกลัว
ฉีเหยียนซีค่อยๆ เดินช้าๆ เข้ามาหาเธอพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า โดยไม่มีสัญญาณเตือนใดๆ เขาเตะโต๊ะให้พ้นทางด้วยช่วงขายาวๆ ทั้งอาหาร ทั้งจานชามหล่นกระจัดกระจายเกลื่อนพื้นจนทำให้เกิดเสียงดัง
ซึ่งเรียกความสนใจจากคนทั้งโรงอาหาร
รุ่นพี่ปีสามคนหนึ่งหวีดร้องออกมาทันที “พระเจ้าช่วย นั่นฉีเหยียนซีนี่นา เขากลับมาทำไม”
“จุ๊ๆ เงียบน่า! เธอเสร็จแน่ถ้าหากกลายเป็นเป้าหมายของเขา!”
คังเจี้ยนขยับตัวทันที และเข้ามายืนขวางระหว่างฉีเหยียนซีกับพวกผู้หญิงพลางยิ้มกว้าง “เย็นไว้น่า โตๆ กันแล้ว”
ถึงแม้หน้าจะยิ้ม แต่อันซย่าซย่าก็สังเกตเห็นว่าเขาพร้อมใช้กำลัง
อย่างไรก็ตาม กฎของโรงเรียนฉีซย่านั้นถือว่าการวิวาทชกต่อยในโรงเรียนมีโทษทางวินัยจนอาจถึงขั้นไล่ออก
ที่ยิ่งไปกว่านั้น นายคนนี้สามารถไล่ครูออกได้ง่ายๆ เพียงแค่โทรศัพท์เท่านั้น… คังเจี้ยนก็คงไม่ได้ดีไปกว่าครูถ้าเกิดมีเรื่องชกต่อยกันกับเขา
หญิงสาวกระตุกชายเสื้อคังเจี้ยนเบาๆ และพูดบุ้ยใบ้กับเขา “อย่ามีเรื่องนะ”
คังเจี้ยนขมวดคิ้ว แต่ก็คลายกล้ามเนื้อที่เกร็งเครียดลง
ฉีเหยียนซีไม่พลาดรายละเอียดพวกนั้น เขายิ้มกว้างให้อันซย่าซย่า “เธอจะขอโทษฉันไหม หรือว่าอยากจะถูกไล่ออก”
“ฉันขอโทษ” หญิงสาวเอ่ยคำขอโทษ
“คำขอโทษของเธอควรจะจริงใจกว่านี้หน่อยไหม อย่างเช่นคุกเข่าลงหรือไม่ก็…” ฉีเหยียนซียิ้มเจ้าเล่ห์ ดวงตาเขาเป็นประกายเชิงหยอกล้อ
อันซย่าซย่าส่ายหน้า “นายเข้าใจฉันผิดแล้ว ฉันขอโทษก็เพราะฉันไม่ควรพูดถึงคนอื่นในแง่ร้าย ฉันไม่ได้ขอโทษนายที่ฉันพูดถึงนาย”
รอยยิ้มของเขาแข็งค้างอยู่บนใบหน้า
“เพราะว่าฉันไม่ได้พูดอะไรผิด” อันซย่าซย่าจ้องมองเข้าไปภายในดวงตาของฉีเหยียนซีและเพราะอะไรก็ไม่รู้แต่น้ำเสียงของเธอนั้นดูเหมือนหนักสักพันตันได้
หลายคนกลั้นหายใจ
ยัยคนนี้… รนหาที่ตายเสียแล้ว
เธอเพิ่งท้าทายฉีเหยียนซีซึ่งๆ หน้าเลยนะ
เธอรู้บ้างไหมน่ะว่าฉีเหยียนซีร้ายกาจขนาดไหนในฉีซย่าเมื่อสองปีก่อน
ฉีเหยียนซีพยักหน้าเห็นด้วย “พูดได้ดี ฉันเห็นแล้วว่าเธอมีจุดยืน ว่าแต่ว่า ฉันดูเหมือนเป็นคนที่ควบคุมตัวเองไม่ให้ตบผู้หญิงได้หรือไง”