ด้วยคำขู่พวกนั้น คังเจี้ยนปกป้องอันซย่าซย่าเอาไว้ข้างหลังเขาทันที เพียงแต่คราวนี้รอยยิ้มกว้างของเขาหายไปและถูกแทนที่ด้วยใบหน้าขึงขัง
สำหรับเขาแล้ว สวัสดิภาพของอันซย่าซย่าคือความรับผิดชอบของเขา
“หน้าตาสวยๆ นี่มันมีข้อดีจริงๆ ฉันเห็นแล้วว่าเธอมีบอดีการ์ดส่วนตัวหลายคนเชียว” ฉีเหยียนซีหมุนข้อมือข้อเท้าเหมือนกับกำลังเตรียมพร้อม ดูเหมือนจะหลีกเลี่ยงการชกต่อยครั้งใหญ่ไม่ได้แน่
และแล้วทุกสิ่งทุกอย่างก็หยุดชะงักกลับเข้าสู่เหตุการณ์ปกติ เมื่อร่างสูงๆ ร่างหนึ่งเดินเข้ามาหาทั้งหมดอย่างไม่เร่งร้อน ร่างนั้นคว้าคอเสื้ออันซย่าซย่าไว้ก่อนจะลากเธอไปทางประตู
“เฮ้ เฮ้… หืม นายจะทำอะไรน่ะ เซิ่งอี่เจ๋อเหรอ ทำไมถึงมาที่นี่ได้” ชายหนุ่มลากตัวเธอออกจากโรงอาหารไปพร้อมกับคำถามด้วยความสับสนงุนงงของอันซย่าซย่า
ฉีเหยียนซีเตรียมพร้อมตั้งท่าสู้เรียบร้อยแล้ว แต่การเคลื่อนไหวของเซิ่งอี่เจ๋อนั้นทำให้ทุกอย่างสูญเปล่า
อะไรกันวะ เขาอุตส่าห์พยายามขู่ให้แม่นั่นกลัวได้หน่อยๆ แล้ว แต่เซิ่งอี่เจ๋อกลับพาตัวเธอไปเฉยๆ แบบนั้นเนี่ยนะ
ระหว่างสองคนนั้นมันยังไงกันแน่
มู่หลีเฝ้ามองเขาจากด้านข้างแล้วอยู่ๆ ทันใดนั้นก็หน้ามืด ถ้าไม่ใช่เพราะมือของซูเสี่ยวมั่วที่เข้ามาประคอง เธอคงล้มพับไปกับพื้นแล้ว
“นาย… นายน้อย” มู่หลีพึมพำอย่างเหนียมอาย
ฉีเหยียนซีมองดูเธอราวกับกำลังมองดูคนแปลกหน้า แต่หลังจากนึกอยู่พักหนึ่งเขาจึงจำได้ก่อนถามอย่างไม่ใส่ใจเท่าใดนัก “มู่หลีเหรอ ทำไมมาอยู่ที่นี่ได้”
มู่หลีซึ่งยังคงสั่นเทาไม่รู้จะตอบอะไรดี ฉีเหยียนซีจึงตอบคำถามนั้นเอง “อ้อ พ่อฉันส่งเธอมาที่นี่สินะ”
หญิงสาวพยักหน้าหงึกๆ ก่อนจะรีบขอตัวออกไปจากตรงนั้น
ฉีเหยียนซีเลื่อนสายตาซึ่งไม่ได้สนใจไยดีอะไรไปทางอื่น เห็นได้ชัดเจนว่าไม่ได้เก็บเรื่องเธอมาคิดมากนัก
ซูเสี่ยวมั่วเสียอีกที่เป็นฝ่ายมองดูการพูดคุยกันของทั้งสองด้วยความแปลกใจ ทำไมฉีเหยียนซีถึงได้รู้จักกับคนที่ไม่ได้โดนเด่นอะไรอย่างมู่หลี
เซิ่งอี่เจ๋อลากตัวอันซย่าซย่าไปตลอดทางจนถึงดาดฟ้าของอาคาร
ผมยาวสลวยของเธอพลิ้วอยู่ท่ามกลางสายลมขณะที่เธอทำหน้ายู่ ก่อนจะเอ่ยถาม “พาฉันมาที่นี่ทำไม”
แทนที่จะตอบคำถาม เซิ่งอี่เจ๋อกลับสวดเธอยกใหญ่ “อันซย่าซย่า เธอซื่อบื้อขนาดนั้นเลยหรือไง เธอก็รู้ดีอยู่แก่ใจแล้วว่าฉีเหยียนซีเลวร้ายขนาดไหน ทำไมถึงยังไปท้าทายเขา เธออยากรนหาที่ตายใช่ไหม หรือว่าชีวิตในโรงเรียนมันน่าเบื่อเกินไปสำหรับเธอ!”
อันซย่าซย่าสับสนจากอารมณ์โกรธซึ่งไม่ยุติธรรมเลย เธอแหงนหน้ามองเซิ่งอี่เจ๋อด้วยความงุนงงและอดหายใจฟึดฟัดไม่ได้ “ฉันไม่ได้ท้าทายเขา! เขาแกล้งฉันก่อนนี่! ฉันสู้เขาไม่ได้แล้วแค่ตะโกนใส่ก็ไม่ได้งั้นเหรอ”
“ก็รู้ว่าคงสู้เขาไม่ได้ แล้วทำไมถึงไม่สงบปากสงบคำไว้เล่า!” เซิ่งอี่เจ๋อตะคอกกลับ อันซย่าซย่าก้มหน้าด้วยความท้อใจ “ก็ได้ ฉันรู้ ฉันทำให้นายรำคาญอีกแล้ว ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันจะไม่ทำให้นายเดือดร้อนแน่นอนต่อให้ถูกแกล้งก็ตาม ฉันสัญญาฉันจะทำหน้าที่ของฉันในฐานะผู้ช่วยอย่างเหมาะสม”
ชายหนุ่มใจอ่อนเพราะน้ำเสียงน่ารักของเธอ แต่คำพูดที่พูดออกมากลับทำให้เขาอารมณ์เสียอีกครั้ง!
ยัยคนนี้จะต้องเป็นคนที่พระเจ้าส่งมาลงโทษเขาเป็นแน่แท้!
เธอหมายความว่าอะไรที่ว่า ‘ไม่ทำให้นายเดือดร้อน’ กับ ‘ทำหน้าที่ในฐานะผู้ช่วยอย่างเหมาะสม’ ทำไมเธอถึงได้พูดประโยคนั้นออกมาตามสัญชาตญาณ มันลำบากใจมากนักหรือยังไงที่ต้องเกี่ยวข้องกับเขา
“อันซย่าซย่า! จำคำตัวเองไว้เลยนะ ไม่ว่าเธอไปเจอปัญหาอะไรเข้าอีกละก็ ไม่ต้องมาให้ฉันช่วย!” เซิ่งอี่เจ๋อกัดฟันพูด
หญิงสาวชายตามองอย่างสงสัยเพราะท่าทีแปลกๆ ของเขา
เธอไม่เคยไปหาเขาให้มาช่วยตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แล้วทำไมเขาถึงต้องโกรธด้วยล่ะ
“อ๋อ แน่นอน สัญญาเลยว่าจะไม่ขอ!” อันซย่าซย่าประกาศตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง
ทว่าเซิ่งอี่เจ๋อหันหลังกลับไปแล้ว เขาเดินกระฟัดกระเฟียดออกไปพร้อมใบหน้ามืดทะมึนยิ่งกว่าท้องฟ้ายามเที่ยงคืนเสียอีก
งี่เง่า! ยัยบ้านั่นงี่เง่าจริงๆ!