มู่หลีถอยหลังไปก้าวหนึ่ง ท่าทางไม่สบายใจ
ย้อนหลังกลับไปสิบนาทีก่อนหน้านี้
เจี่ยนซินเอ๋อร์ ติงอีอี และหลีชั่นซิงกำลังซุบซิบกันเบาๆ อยู่ภายในห้องน้ำ
“อันซย่าซย่าน่ารำคาญที่สุด! พวกเราจะสั่งสอนบทเรียนหล่อนยังไงดี” เจี่ยนซินเอ๋อร์ขู่คำรามอย่างร้ายกาจ
“ตอนนี้อันซย่าซย่ามีนางฟ้าผู้พิทักษ์อยู่ ฉะนั้นอะไรก็ตามที่เปิดเผยนั้นตัดออกไปได้เลย แต่ฉันได้ยินมาว่าฉีเหยียนซีไม่ชอบหล่อน เพราะฉะนั้นเราจำเป็นต้องสร้างโอกาสเพื่อให้หล่อนได้กวนใจเขา…” หลีชั่นซิงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา จากนั้นหล่อนก็ขึ้นเสียง “นั่นใครน่ะ”
เสียงเล็กๆ ดังออกมาจากห้องน้ำห้องหนึ่ง
ติงอีอีมีสีหน้าโกรธขึ้ง หล่อนตบบานประตู “เปิด! เดี๋ยวนี้!”
มีเสียงกุกกันเลื่อนกลอนดังมาจากข้างใน จากนั้นบานประตูก็ถูกเปิดออกในที่สุด
มู่หลียืนก้มหน้างุดอยู่ข้างในพลางบิดชายเสื้อไปมาด้วยความไม่สบายใจ
หลีชั่นซิงเดินเข้าไปหาหล่อนก่อนถามด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือกแผ่วเบา “ได้ยินอะไรบ้าง”
มู่หลีกัดริมฝีปากและส่ายหน้าไปมา
“ดี” หลีชั่นซิงพยักหน้าพอใจ “มู่หลีใช่ไหม เธอคงฉลาดเหมือนกับเกรดที่ได้ ฉันชอบคนแบบนั้น พูดก็พูดเถอะ เธอน่ะเข้ามาเรียนที่ฉีซย่าได้ก็เพราะทุนการศึกษาของโรงเรียนและได้ความช่วยเหลือทางการเงินจากมูลนิธิใช่ไหมล่ะ”
น้ำตาเอ่อขึ้นภายในดวงตาของมู่หลี เธอก้มหน้าก้มตาโดยไม่แม้แต่จะพูดอะไรสักคำ
หลีชั่นซิงขยับเข้าไปใกล้อีกพลางจัดแจงลูบคอเสื้อให้เรียบ เธอรู้สึกได้เลยว่าอีกฝ่ายเริ่มสั่นเทาจากการกระทำของเธอ
“มูลนิธิของโรงเรียนถูกก่อตั้งโดยตระกูลใหญ่ๆ เช่นตระกูลของพวกเราและคนอื่นๆ ก็ควรจะสำนึกบุญคุณนั้นเอาไว้ พวกเราคือเหตุผลที่เธอได้เรียนอยู่ในฉีซย่าและเธอควรจำไว้ให้ขึ้นใจ ถ้าหากมีบุคคลที่ห้าได้ยินเรื่องราวที่เกิดขึ้นที่นี่วันนี้ละก็ ฉันให้สัญญาไม่ได้หรอกนะว่าเธอจะเป็นยังไง!”
มู่หลีเกือบจะร้องไห้ ติงอีอีจิกผมเธอแล้วโขกหัวเธอเข้ากับบานประตูหลายครั้ง จากนั้นก็ปิดจ๊อบด้วยการเตะ “ออกไปซะ เกะกะลูกตา”
มู่หลีไม่ได้ส่งเสียงเลยสักนิดตลอดเวลานั้น เธอจัดทรงผมเงียบๆ ปัดคราบสกปรกออกจากเสื้อผ้าและทำแม้กระทั่งปิดประตูห้องน้ำก่อนที่จะเดินออกมาด้วย
“ยัยนี่…มีอะไรบางอย่างไม่ชอบมาพากลเลย” เจี่ยนซินเอ๋อร์เอ่ยขึ้นพลางนิ่วหน้า
“หล่อนก็เป็นแค่นักเรียนจนๆ คนหนึ่งน่ะ ฉันไม่คิดว่าหล่อนจะมีลูกไม้อะไรมาเล่นกับเราได้หรอก”
—
หลีชั่นซิงมองไปรอบๆ และเห็นถังใส่น้ำสะอาดกับไม้ผ้าขี้ริ้ววางอยู่กับพื้น มู่หลีคงตั้งใจว่าจะทำความสะอาดห้อง
เธอยกถังน้ำขึ้นมา จากนั้นก็ราดน้ำลงบนที่นอนของมู่หลีด้วยการเคลื่อนไหวเชื่องช้าและแช่มช้อย
ทั้งหมอนและผ้าห่มเปียกโชกทั้งหมด
“ขืนพูดมากอีก มันจะไม่ใช่แค่น้ำราดบนเตียงเธอ” หลีชั่นซิงเตือนด้วยน้ำเสียงไม่แยแสใดๆ ส่วนมู่หลีได้แต่กลั้นน้ำตาเอาไว้และตอบด้วยเสียงเล็กๆ
“จ้ะ”
–
เมื่ออันซย่าซย่าและซูเสี่ยวมั่วกลับมาที่ห้องในคืนนั้น ทั้งสองก็สังเกตเห็นเตียงของมู่หลีในทันที
“อ้าว มู่หลี เกิดอะไรขึ้นกับที่นอนของเธอล่ะ”
มู่หลีก้มตาก้มตาไม่ยอมตอบ
สองสาวเพื่อนซี้มองสบตากัน จากนั้นก็จ้องมองไปที่หลีชั่นซิงซึ่งกำลังอ่านหนังสืออยู่อีกฟากของห้อง ทั้งสองตอบได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น
อันซย่าซย่ากระแอม “เอ่อ… มานอนเตียงเดียวกับฉันไหม”
มู่หลีส่ายหน้า “ไม่เป็นไร ขอบใจนะ เตียงฉันก็นอนได้”
อะไรกัน… เธอจะนอนบนที่นอนเปียกๆ แบบนั้นได้อย่างไร หลีชั่นซิงทำอะไรกันแน่
ซูเสี่ยวมั่วมองทางนี้ทีทางนั้นที จากนั้นก็กระตุกแขนเสื้ออันซย่าซย่าเป็นการส่งสัญญาณไม่ให้เธอพูดต่อ
“คืนนี้ฉันจะนอนเตียงเดียวกับซย่าซย่าน่ะ ดังนั้นเธอจะใช้ผ้านวมของฉันก็ได้ถ้าต้องการ”
มู่หลีมองเธอด้วยแววตาซาบซึ้งใจ จากนั้นก็พยักหน้าตอบ “ขอบใจจ้ะ”
หลีชั่นซิงพ่นลมออกจมูก
อันซย่าซย่าไม่ได้เสียเวลาใส่ใจ ทันใดนั้นเองเธอก็ได้รับข้อความเข้าในโทรศัพท์มือถือจากเบอร์โทรที่ไม่รู้จัก
[มาที่โรงอาหาร เธอมีเวลาหนึ่งนาที]