“ฮ่าๆๆ อะไรกันเนี่ย! ห้องเรามาถึงจุดจบแล้วเหรอ”
“ฉันหัวเราะท้องแข็งแล้ว เดินมือกับเท้าข้างเดียวกันนี่มันติดต่อกันได้แฮะ!”
“ฉันไม่เข้าใจจริงๆ เลย… เกิดอะไรขึ้นกัน”
ทั้งหมดต่างฝ่ายต่างพูดขึ้นพร้อมๆ กัน การที่คนคนหนึ่งเดินมือกับเท้าไปข้างเดียวกันดูเป็นเรื่องตลก แต่พอทุกคนทำพร้อมๆ กันขึ้นมา กลับกลายเป็นเรื่องที่น่าหัวร่องอหายกันเลย
ครูฝึกทำหน้าถมึงทึง ตวาดใส่นักเรียนทั้งหมดก่อนจะออกคำสั่ง “อันซย่าซย่า ก้าวออกมา!”
อันซย่าซย่าเดินออกมา หน้าตาดูไร้เดียงสา
ครูฝึกจ้องมองเธออยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถอนหายใจออกมา “อันซย่าซย่า เอาเป็นว่าเธอไปพักดีกว่าไหม”
อันซย่าซย่า : “T_T ก็ได้ค่า…”
หญิงสาวเจอมุมมุมหนึ่งและนั่งอยู่ตรงนั้นเหมือนลูกหมาน้อยถูกทิ้งขณะวาดวงกลมเล่นบนพื้นดินด้วยกิ่งไม้เล็กๆ ที่หยิบมา
อืม…เธอไม่ได้ตั้งใจจะเดินแขนขาข้างเดียวกันนี่นา แต่ แต่มันช่วยไม่ได้นี่!
หลังจากที่เธอออกไปจากกอง ครูฝึกก็ค่อยๆ แก้ไขให้เด็กที่เหลือทั้งหมดเดินได้อย่างถูกต้องหลังจากออกคำสั่งอีกสองสามรอบ
อย่างไรก็ตาม เมื่อครูฝึกปรายตามองโดยไม่ได้ตั้งใจไปยังด้านที่อันซย่าซย่านั่งอยู่ตามลำพัง เขาก็ทนดูเด็กสาวที่น่าสงสารต้องอยู่คนเดียวไม่ได้ หลังจากสำรวจกลุ่มนักเรียนอย่างรวดเร็วแล้ว เขาก็กวักมือเรียกเซิ่งอี่เจ๋อกับฉีเหยียนซี “เธอสองคนมานี่ซิ”
เซิ่งอี่เจ๋อและฉีเหยียนซีมองหน้ากัน จากนั้นก็เดินเข้าไปหาครูฝึกด้วยกันอย่างไม่เต็มใจ
“เอ้อ พวกเธอสองคนทำหน้าที่ได้อย่างน่าชื่นชม ครูจึงมีหน้าที่อันทรงเกียรติสำหรับเธอทั้งสอง พวกเธอมั่นใจว่าจะทำได้ไหม” ครูฝึกถามด้วยใบหน้าเฉยเมย
ทั้งสองไม่มีใครตอบ แต่ใบหน้ากลับพูดแทนทุกอย่าง “ผมไม่มีทางถูกล่อหลอกให้รับอาสาหรอก ครูบอกมาก่อนว่าจะให้ผมทำอะไร”
ครูฝึกเกาหัวแกรกๆ แล้วชี้ไปยังอันซย่าซย่าซึ่งอยู่ที่มุมหนึ่ง “เห็นเด็กผู้หญิงตรงนั้นไหม พวกเธอสองคนไปอยู่เป็นเพื่อนเขาหน่อย ไปคุยเล่นหรือนั่งเล่นไพ่ก็ได้ เลือกเอาเลย ไว้เสร็จชั่วโมงฝึกแล้วค่อยกลับมา”
เซิ่งอี่เจ๋อพูดไม่ออก
ฉีเหยียนซี : “…”
พวกเขากลายเป็นพี่เลี้ยงไปแล้วเหรอ
ฉีเหยียนซีเลิกคิ้วพลางยิ้มกริ่ม “ได้ครับไม่มีปัญหา แต่ผมคิดว่าผมคนเดียวก็เกินพอแล้วสำหรับงานนี้ ให้เซิ่งอี่เจ๋อกลับไปฝึกต่อเถอะครับ!”
ก่อนเขาจะพูดจบ เซิ่งอี่เจ๋อก็เดินออกไปหาอันซย่าซย่าแล้ว
ฉีเหยียนซีกลอกตาก่อนจะเดินตามไป
อันซย่าซย่าเพิ่งจะวาดรูปวงกลมวงใหญ่มากๆ เสร็จด้วยความยากลำบาก คนคนหนึ่งก็ก้าวเข้ามาข้างใน เมื่อเงยหน้ามองก็ต้องแปลกใจ เธอเห็นใบหน้าเฉยเมยของเซิ่งอี่เจ๋อ จึงเอ่ยถามด้วยความไร้เดียงสา “เซิ่งอี่เจ๋อ มาทำไมเหรอ”
เซิ่งอี่เจ๋อมองเธออย่างเหยียดหยาม “อายุเท่าไหร่แล้วมานั่งวาดรูปวงกลม เด็กซะไม่มี”
หญิงสาวเบะปากจากคำพูดนั้น หลังจากนั้นฉีเหยียนซีก็ผิวปากและทักทายเธอด้วยท่าทางวางฟอร์ม “หวัดดี อันซย่าซย่า”
ไม่ทันคิด อันซย่าซย่าก็เข้าไปหลบหลังเซิ่งอี่เจ๋อโดยอัตโนมัติ ก่อนถามด้วยน้ำเสียงตื่นตกใจ “นายมาทำอะไรที่นี่ด้วยล่ะ”
เซิ่งอี่เจ๋อเลิกคิ้วขึ้น ดูท่าทางจะพอใจอย่างมากกับการขยับตัวโดยจิตใต้สำนึกของเธอ
ดี ฉลาดพอที่จะหลบแล้วสินะ
แววตาฉีเหยียนซีมืดทะมึนขึ้นเล็กน้อยจากนั้นก็ยิ้มแย้มแจ่มใส “ฉันคิดว่าท่าทางเธอดูเหงาๆ น่ะ ก็เลยมาอยู่เป็นเพื่อน ไม่ขอบใจฉันหน่อยเหรอ”
อันซย่าซย่าตอบอย่างละล้าละลัง “แต่… ฉันไม่ต้องการให้นายอยู่เป็นเพื่อนนี่”
คำตอบนั้นลบรอยยิ้มออกจากใบหน้าของฉีเหยียนซีอย่างหมดจด
ผู้หญิงคนนี้เป็นคนเดียวที่ไม่รู้จักแสดงความเคารพนบนอบเขาเลย!
ชายหนุ่มกัดฟันกรอด เขาก้าวเข้ามาใกล้ ต้องการจะสอนบทเรียนให้เธอสักหน่อย แต่เซิ่งอี่เจ๋อขยับเข้ามาขวางระหว่างทั้งคู่ไว้โดยยังคงท่าทางเหมือนเดิม
ฉีเหยียนซีล้มเลิกความพยายามอย่างเสียดายเป็นที่สุด อย่างไรเสียคงไม่เป็นผลดีต่อทั้งคู่หากมามีเรื่องชกต่อยกันที่นี่
ฉีเหยียนซีถลึงตาใส่ทั้งสองคน จากนั้นก็นั่งลงตรงที่ที่เธอเคยนั่งเพื่อเป็นการประกาศว่าเขาจะไม่ไปไหนทั้งนั้น
อันซย่าซย่าเบ้ปาก “เซิ่งอี่เจ๋อ หิวน้ำหรือเปล่า ให้ฉันไปซื้อให้ไหม”
ถ้าหมอนี่ไม่ยอมไป งั้นเธอไปเองก็ได้!
เซิ่งอี่เจ๋อมองเธอ “เอาสิ แต่… เธอมีเงินเหรอ”
อันซย่าซย่าควานหาในกระเป๋าแล้วสีหน้าก็เปลี่ยนไป