เส้นเลือดดำที่ข้างขมับเขาปูดขึ้น ชายหนุ่มต่อสู้กับแรงกระตุ้นให้จับผู้หญิงคนนี้โยนออกนอกหน้าต่างไปเสีย เขาแกะเท้าของเธอออกด้วยความยากลำบากจากนั้นก็ขยับตัวเธอให้กลับมาสู่ท่านอนตอนแรก
อันซย่าซย่าเป็นคนขี้เซามากเสียจนการขยับจัดเปลี่ยนท่านอนก็ไม่ได้ทำให้เธอตื่น มิหนำซ้ำยังยิ้มอีก ไม่รู้ว่ากำลังฝันดีเรื่องอะไรอยู่
เซิ่งอี่เจ๋อจ้องมองเธออยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยกมือขึ้นลูบผมเธออย่างเป็นห่วงเป็นใย มันช่างนุ่มละมุนอย่างไม่น่าเชื่อ
คืนหนึ่งในเดือนตุลาคมท่ามกลางภูเขาที่ไหนสักแห่ง ดวงดาวพากันส่องแสงระยิบระยับอยู่บนท้องฟ้า ส่วนแสงจันทร์ก็ดูเย็นตาราวกับสายน้ำ
เขามองไปยังใบหน้าบอบบางนั้นพลางเฝ้าถามตัวเองซ้ำๆ
อันซย่าซย่า เธอคือคนที่ฉันตามหาอยู่หรือเปล่า
เพราะเขาเองก็ตระหนักแล้วว่า เขาเริ่มจะหวั่นเกรงและรู้สึกปั่นป่วนเมื่ออยู่ต่อหน้าเธอ
เขาจะทำอย่างไรถ้าหากคำตอบคือไม่
ชายหนุ่มนั่งทอดลมหายใจได้สักสามวินาทีก่อนอันซย่าซย่าจะขัดจังหวะเขาอีกครั้ง เซิ่งอี่เจ๋อตกตะลึงกับท่านอนของเธออีกครั้งหลังจากที่เธอบิดตัวไปอยู่ในองศาที่ไม่น่าเป็นไปได้
เขาสังเกตท่านอนอันแปลกพิลึกของเธออย่างใกล้ชิดแล้วก็เบ้ปากอย่างไม่รู้จะพูดอะไรดี ยัยซื่อบื้อนี่… รอดตายมาจนถึงทุกวันนี้ได้ยังไงด้วยการนอนแบบนี้
เขาขยับจัดท่าให้เธออีกครั้งอย่างอดทน
คราวนี้อันซย่าซย่ากรนเบาๆ เซิ่งอี่เจ๋อหยุดเพราะกลัวว่าจะปลุกให้เธอตื่น
แต่อย่างไรก็ตาม การหยุดชะงักนั้นก็เพียงพอที่จะทำให้เธอพลิกกลับมาและกอดเขาเอาไว้ ซ้ำยังเอาขากอดเอวเขาไว้อีก เห็นได้ชัดว่าคิดว่าเขาเป็นหมอนข้าง แล้วจากนั้นก็กลับไปนอนหลักลึกเหมือนเดิม
เซิ่งอี่เจ๋อปั้นสีหน้าถมึงทึง พอเหลือบมองลงมาก็เห็นคอเสื้อของเธอเปิดอ้าอยู่ ตานั้นมองไปจนถึงผิวขาวๆ เหนือเนินอกภายใต้แสงจันทร์สว่าง
ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือกก่อนจะจัดแจงเสื้อผ้าให้เธอ และกำลังจะดันตัวเธอออกห่าง แต่แล้วมือเขาก็หยุดลงกลางคัน
เอาน่า มันก็แค่กอด
เขาพยายามหลอกตัวเองด้วยคำพูดเหล่านั้น
–
คืนนั้นผ่านไปโดยไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น
เช้าวันต่อมา อันซย่าซย่าและเซิ่งอี่เจ๋อก็เปลี่ยนเสื้อผ้ากลับไปใส่ชุดของตัวเอง พร้อมที่จะมุ่งหน้าไปยังเมืองที่ใกล้ที่สุดด้วยพาหนะของลุงโจว
อันซย่าซย่ารีบวิ่งออกมาอย่างมีความสุข แต่แล้วก็ต้องอึ้งไปครู่หนึ่งเมื่อเห็นว่าลุงโจวจะ” ขับ” อะไรไป
เกิดอะไรขึ้นกับรถในจินตนาการของเธอ… เอ่อ ก็ได้… ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่รถยนต์ แต่รถแทรกเตอร์ก็แก้ขัดได้เหมือนกันน่า!
แต่ไอ้ที่ยืนอยู่ตรงหน้าของทั้งสองคือลาลากรถ!
เจ้าลาหายใจฟืด จากนั้นก็ปล่อยมูลของมันออกมาต่อหน้าต่อตาอันซย่าซย่าและเซิ่งอี่เจ๋อ
หญิงสาวหมุนตัวกลับมาน้ำตาคลอ “เซิ่งอี่เจ๋อ ฉันไม่อยากขี่มัน…”
ชายหนุ่มเองก็พูดไม่ออก
แต่อย่างไรก็ตาม อีกทางเลือกหนึ่งก็คือการเดินเท้าไปร่วมสิบกิโลกว่าจะถึงอีกเมือง…
ทั้งสองมองหน้ากันไปมา สีหน้าครุ่นคิด จากนั้นก็จำใจก้าวขึ้นรถลาก
มันเป็นการเดินทางที่กระแทกกระทั้น อันซย่าซย่ากระเด็นกระดอนจากที่นั่งไปตลอดทาง
เมื่อเธอสะดุดอีกครั้ง อ้อมแขนแข็งแรงคู่หนึ่งก็ประคองเธอเอาไว้ เซิ่งอี่เจ๋อพูดเสียงเย็นชา “เกาะฉันไว้สิ แกว่งไปแกว่งมาอยู่นั่น เธอทำให้ฉันเวียนหัวรู้ไหม”
หญิงสาวแทบอยากร้องไห้ออกมา “เซิ่งอี่เจ๋อ นายเป็นคนดีจริงๆ! ฉันจะไม่ว่าร้ายนายอีกแล้ว! รักนะจุ๊บๆ”
เซิ่งอี่เจ๋อขมวดคิ้วพลางหรี่ตามอง “เมื่อกี้เธอพูดว่าอะไรนะ”
อันซย่าซย่ารีบยกมือขึ้นปิดปากทันที!
คุณพระช่วย! เธอเกือบหลุดปากอีกแล้ว!
หญิงสาวยิ้มแห้งๆ “ไม่ ไม่มีอะไร นายหูแว่วน่ะ”
เซิ่งอี่เจ๋อจ้องตาไม่กะพริบ “เธออธิบายสิ่งที่ฉันอยากฟังมาซะดีๆ”
อันซย่าซย่ากัดเล็บ ทำท่าทางเหมือนลูกหมาที่ทำความผิด ก็เธอไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรนี่นา
และแล้วเสียงของลุงโจวก็เข้ามาช่วยชีวิตเธอไว้ได้ทัน “เรามาถึงแล้ว พวกเธอสองคนนั่งรถบัสไปจากที่นี่ได้”
อันซย่าซย่าลุกขึ้นยืนทันที เธอขอบคุณลุงโจวแล้วก็รีบเผ่นแน่บออกไปจากตรงนั้น
เซิ่งอี่เจ๋อพ่นล่มพรืด จากนั้นก็ก้าวยาวๆ ตามเธอไป
ฉันอยากจะเห็นจริงๆ ว่าขาสั้นๆ ของเธอจะพาไปได้ไกลแค่ไหน!