การมีขายาวนั้นมีข้อดียังไง
อันซย่าซย่าไม่เคยคิดถึงคำถามนั้นมาก่อน แต่อย่างไรก็ตาม ในที่สุดเมื่อเธอคิดว่าสามารถทิ้งระยะห่างจากเขาได้มากพอสมควร จนมายืนหอบอยู่ข้างเสาไฟฟ้า เซิ่งอี่เจ๋อก็เดินตามมาทันในไม่กี่อึดใจ เขามองเธอด้วยท่าทางเย็นชาขณะดึงคอเสื้อเธอไว้ อันซย่าซย่าคิดอย่างอิจฉา “ฉันอยากมีขายาวสักร้อยแปดสิบเซนฯ …”
“ใจเย็นแล้วเรามาคุยกันอย่างคนที่เจริญแล้วเถอะ ระวังสิ่งที่นายกำลังทำด้วย นายยังเป็นคนดังอยู่นะ มันจะดูไม่งามเอามากๆ เลยถ้าเกิดใครสักคนแอบถ่ายรูปตอนนายทำแบบนี้…” อันซย่าซย่าพยายามโน้มน้าวเพื่อเอาตัวรอด
เซิ่งอี่เจ๋อไม่หลงกลคำพูดของเธอ เขาร้องหึแล้วออกคำสั่ง “อธิบายมาเลย”
อันซย่าซย่าโอดครวญอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็กระโดดขึ้นดึงฮู้ดเสื้อแจ็กเกตมาคลุมหัวเขาไว้และพูดด้วยน้ำเสียงประจบเอาใจ “บอสอี่เจ๋อคะ ทั้งหมดเป็นความผิดฉันเอง มันเผลอหลุดปากไปเองน่ะ…หิวไหมคะบอส ไปหาอะไรกินกันเถอะ”
การจงใจเปลี่ยนเรื่องคุยทำให้เซิ่งอี่เจ๋อคิดว่าคงใจร้ายเกินไปหากจะไปคาดคั้นเอาความจริง เขาเลื่อนฮู้ดลงมาคลุมหน้าเอาไว้และตัดสินใจว่าคราวนี้จะยอมปล่อยเธอไปก่อน
หึ! ใช่ว่าเธอจะหนีไปไหนได้นี่นะ!
พอเห็นว่าเซิ่งอี่เจ๋อยอมรามือจากประเด็นนั้นแล้ว เธอก็แอบโล่งใจ แต่อย่างไรก็ตามรอยยิ้มของเธอก็ชะงักไปเมื่อนึกถึงกระเป๋า
“เอ่อ… เซิ่งอี่เจ๋อ นายมีเงินบ้างไหม”
“ไม่มี” เขาตอบอย่างตรงไปตรงมา เพราะเขาได้ให้กระเป๋าสตางค์ไว้กับฉือหยวนเฟิงไปเมื่อวันก่อนก่อนจะออกมาตามหาอันซย่าซย่าและยังไม่ทันได้คืนมา
หญิงสาวลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะล้วงธนบัตรห้าหยวนที่ยับยู่ยี่ออกมาจากกระเป๋า “ฉันเหลือติดตัวอยู่แค่นี้”
เซิ่งอี่เจ๋อพูดอะไรไม่ออกเลย
สิบนาทีต่อมา
ทั้งสองยืนอยู่ข้างหน้าต่างร้านสะดวกซื้อ กำลังแย่งบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกัน
“เฮ้! ฉันซื้อมันมาด้วยเงินของฉันนะ! นายห้ามกิน!” อันซย่าซย่าโมโหหิว
“แต่ฉันให้เงินนั้นกับเธอนะ โอเค้”
“ฉันเป็นผู้หญิง เพราะงั้นนายต้องเสียสละสิ!”
“ฉันไม่สบาย ดังนั้นเธอก็ควรจะเป็นห่วงสุขภาพฉัน”
อันซย่าซย่าต้องยอมพ่ายแพ้อย่างหมดหนทางหลังจากการถกเถียงกัน แต่แล้วก็นึกถึงทางออกสุดท้ายขึ้นมาได้ “ฉันจะไปเอาตะเกียบมาอีกคู่ แล้วเราก็สลับกันกิน!”
เซิ่งอี่เจ๋อสะดุ้งเบาๆ ก่อนจะยิ้มออกมา “ก็ได้”
ระหว่างที่อันซย่าซย่าเดินไปขอตะเกียบอีกคู่จากเจ้าของร้าน เขาก็เหลือบมองไปยังถ้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในมือของเธอ
เธอดันเลือกรสชาติที่แปลกประหลาดที่สุดมาด้วยสิ – รสหม้อไฟจัดจ้าน
เขาเคยคิดมาตลอดว่าสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวที่สุดในโลกนี้คือผู้หญิงและอาหารที่น่ากลัวที่สุดคือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป
วันนี้วันเดียวเขาเจอเข้าไปทั้งคู่เลย
ทำไมชีวิตมันถึงได้ยากลำบากขนาดนี้นะ…
ไม่นานนัก อันซย่าซย่าก็กลับมาพร้อมกับตะเกียบแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง เธอเชิดหน้าขึ้น “เกี่ยวก้อยสัญญาก่อน!”
“ความเชื่อใจกันของคนเรามันหายไปไหนหมดนะ…” มุมปากชายหนุ่มบิดคว่ำลง นี่เขาดูเหมือนคนไม่รักษาสัญญาขนาดนั้นเลยเหรอ
หญิงสาวส่ายหน้า “ฉันไม่เชื่อใจนาย นี่มันช่วงเวลาวิกฤต ใครจะบอกได้ว่านายจะไม่ทำอะไรที่ไร้ศีลธรรมหรืออำมหิตผิดมนุษย์”
เซิ่งอี่เจ๋อพูดไม่ออกไปพักหนึ่ง จากนั้นเขาก็ยกมือขึ้นแล้วเกี่ยวก้อยสัญญากับเธอ
“เกี่ยวก้อยสัญญากันและเรามารักษาคำพูดต่อกันไปอีกร้อยปี…” ระหว่างที่อันซย่าซย่าพร่ำกล่าวคำปฏิญาณด้วยน้ำเสียงจริงจังอยู่นั้น ชายหนุ่มก็ถึงกับนิ่งงันไป
ใครบางคนเคยเอ่ยถ้อยคำสัญญาแบบนี้กับเขามาแล้วครั้งหนึ่ง
แต่จากนั้น…
“นายจะกินหรือไม่กิน” อันซย่าซย่าโบกมือไปมาใส่หน้าเขา
เซิ่งอี่เจ๋อเรียกสติคืนมา เอาตะเกียบคีบบะหมี่เข้าไปเต็มปาก อันซย่าซย่ามองดูจากอีกฝั่งหนึ่งและคอยเตือนเขา “อย่ากินเยอะนักสิ! คำเบ้อเร่อขนาดนั้น เหลือไว้ให้ฉันบ้าง!”
หลังจากนั้นเธอก็ดึงถ้วยบะหมี่กลับมาแล้วเอาส้อมตักเข้าปากคำใหญ่ จากนั้นก็ส่งคืนให้เซิ่งอี่เจ๋ออย่างไม่เต็มใจ
แม้แต่เจ้าของร้านก็ยังทนดูไม่ได้ เขาจึงกวักมือเรียกเธอ “นี่ มีผักดองถุงนี้อยู่ในบ้านแน่ะ”